วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

จง​เอา​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้ แล้ว​เรียน​จาก​เรา

จง​เอา​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้ แล้ว​เรียน​จาก​เรา


มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก

แท้จริงหมายถึง การรักษาบัญญัติ ยาชูวาห์กำลังพูดกับเราทุกคนที่เชื่อในพระองค์ บัญญัติไม่ใช่ภาระที่เราต้องแบก เพราะถ้าเราคิดว่าเป็นภาระเราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากธรรมบัญญัติ ในอดีตเมื่อคนของพระเจ้า (อิสราเอล) ล้มลง เพราะเมื่อเขาไม่สามารถที่จะประพฤติตามธรรมบัญญัติ หรือหนังสือม้วน คือโทราห์ของพระยาห์เวห์

โรม 7:7 บอกเราว่า บัญญัติไม่ใช่บาป แต่ถ้าไม่มีบทบัญญัติ (Torah) เราก็ไม่รู้ว่าอะไร คือบาป
1 ยอห์น 5:3 เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ


มธ. 5:17 “อย่า​คิดว่า​เรา​มา​ล้ม​เลิก​ธรรม​บัญ​ญัติ​และ​คำ​ของ​บรร​ดา​ผู้​เผย​พระ​วจนะ เรา​ไม่​ได้​มา​ล้ม​เลิก แต่​มา​ทำ​ให้​สม​บูรณ์​ทุก​ประ​การ

ยาชูวาห์ (พระเยซู) จึงได้มาท่ามกลางความมืดมิด พระองค์ทรงเป็นโทราห์ (ในภาษาเดิม) พระองค์มาเพื่อเอาธรรมชาติบาปที่ปิดตาของเราออกไปเพื่อใส่ธรรมชาติใหม่เข้ามา คือสละชีวิตของพระองค์เอง บัดนี้โทราห์ได้ถูกจารึกโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่หัวใจของเรา พระองค์ไม่ได้มาเพื่อประพฤติธรรมบัญญัติ แต่พระองค์เองทรงเป็นโทราห์ที่มีชีวิต ในพระองค์คือโทราห์
ยรม. 31:31 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์
ยรม. 31:32 ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้ทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาฝ่าฝืน ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
ยรม. 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา

การรักษาพระบัญญัติไม่ใช่แอกที่หนักอีกต่อไป พระองค์ไม่ได้มาทำการบ้านแทนเรา และเอาแอกไปแบกและเราไม่ต้องแบก (ชีวิตไม่ได้ปูด้วยพรมแดงหรือ โรยด้วยกลีบกุหลาบ) แต่โดยพระองค์ แอกและภาระนั้นก็เบาเพราะคือแอกของพระองค์ที่มาทำให้ทุกอย่างสำเร็จแล้ว

“เรียนจากเรา” คำตรัสนี้พระองค์ประสงค์ให้เราเรียนกับพระองค์ เรียนในโรงเรียนของพระองค์ คือโทราห์ อดีตเราอาจจะเรียนและศึกษาด้วยตนเองหรือด้วยความรู้ของเรา หมายความว่าด้วยความพยายามของเรานั่นเองหรืออะไรก็ตาม แต่บัดนี้โทราห์ที่บันทึกและถูกเขียนในใจของเรา เมื่อเราถ่อมใจที่จะฟังเสียงของพระองค์ พระวิญญาณจะสอนเราในวิถีทางของพระองค์

“และจิตใจของท่านจะได้หยุดพัก” เราจะได้พักไม่ต้องตะเกียกตะกายเพื่อรักษาบัญญัติอันหนักอึ้ง และไม่ใช่เสรีภาพอย่างฟุ่มเฟือย โดยคิดว่าเราไม่ต้องทำอะไรแล้ว บัญญัติก็จบไปแล้ว พระองค์มาเพื่อเราจะรอดและรอดเพื่อรักษาบัญญัติที่บันทึกที่หัวใจของเราโดยการเดินตามและเชื่อฟัง ไม่ใช่การพยายามรักษาพระบัญญัติเพื่อจะรอด และไม่ใช่รอดแล้วไม่ต้องสนใจธรรมบัญฐัติเดิมอีกต่อไป

โทราห์ มักแปลว่ากฎหมาย ธรรมบัญญัติ แต่โทราห์คือถ้อยคำสอนของพระยาห์เวห์ เป็นคำแนะนำสำหรับชีวิต และเป็นถ้อยคำสอนของพระบิดา

มธ. 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
บางฉบับใช้คำว่า “แอกของเราก็มีความอ่อนโยน”
จงรับเอาการเรียนรู้จากองค์ยาชูวาห์ ด้วยความอ่อนโยน

การศึกษาเป็นสิ่งที่ดี เมื่อเราศึกษาพระวจนะด้วยความหิวกระหายและหิวถ้อยคำของพระองค์ เราก็จะค้นพบสิ่งล้ำค่ามากกว่าทองคำ

ที่กล่าวมา ผมไม่มีเจตนาว่าทุกคนต้องกลับไปประพฤติตามพระคัมภีรืเดิมเป๊ะๆ ห้ามโน่น นี่ นั่น เพราะแบบนั้นก็คงไม่ต่างฟาริสีในอดีตที่ประพฤติตามบัญญัติ แต่ไม่รู้จักองค์ยาชูวาห์ ด้วยซ้ำ  ยาชูวาห์ตรัสว่าพระองค์ไม่ได้มาเพื่อทำลาย ล้มเลิกธรรมบัญญัติหรือกฎหมาย (แท้จริงความหมายตรงนี้ คือ “คำสอน”)แต่พระองค์มาทำให้มันสมบูรณ์ต่างหาก ถ้าเราสังเกตุคำว่า "ทำลาย" และ "เติมเต็ม" ในบางฉบับหรือรากศัพท์จะเป็นคำนี้ เมื่อเรากลับไปที่รากและวัฒนธรรมของฮีบรู "การทำลายกฎหมาย" หมายถึงพระคัมภีร์ หรือโทราห์ของพระยาห์เวห์ ขณะที่ "ตอบสนองกฎหมาย" หรือเติมเต็ม หมายถึงการตีความที่ถูกต้องและการเข้าใจรากของความหมายอย่างแท้จริง ไม่ตีความผิด เข้าใจผิดและอธิบายผิด
สรุป "เติมเต็ม" คือการตีความอย่างถูกต้องแล้วและเป็นความจริงตามโทราห์ เติมเต็มไม่ใช่เติมเต็มตัวโทราห์และความจริง แต่เติมเต็ม คือมาเติมเต็มให้ทุกอย่างสมบูรณ์ พระองค์มารื้อฟื้นสิ่งที่พังลงขึ้นมาใหม่ ม้วนหนังสือที่บันทึกไว้ในสมัยก่อน พวกเขา (อิสราเอล) ทำไม่ได้และล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง พันธสัญญาเดิมเริ่มที่จะพยากรณ์ถึงผู้ที่จะมา “มาชีอัค” เพื่อจะมารื้อฟื้น

การรื้อฟื้นของพระองค์ไม่ใช่การรื้อฟื้นมาแล้วให้เราดำเนินเดินไปเองเหมือนเดิม เพราะอย่างนั้นแล้วเราก็ล้มลงอีกไม่ต่างจากเดิม แต่โดยกางเขนของพระองค์ ที่ทรงตรัสว่า พระองค์เป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีทางไหนเลยไปหาพระยาห์เวห์พระบิดาได้ นอกจากทางของพระองค์ 
เมื่อพระองค์คือโทราห์ที่มีชีวิต เมื่อเราเดินในทางของพระองค์ผู้ทรงเป็นโทราห์ ในยอห์น 1:1 ยน. 1:1 ใน​ปฐม​กาล​พระ​วาทะ​ทรง​ดำรง​อยู่ และ​พระ​วาทะ​ทรง​อยู่​กับ​พระ​เจ้า และ​พระ​วาทะ​ทรง​เป็น​พระ​เจ้า
* พระวาทะ = ยาชูวาห์ (พระเยซู) = โทราห์ ในภาษาเดิม

(โรม. 3:31) ถ้าเช่นนั้นเราทำให้บทบัญญัติเป็นโมฆะโดยความเชื่อนี้หรือ ? เปล่าเลย! เรากลับสนับสนุนบทบัญญัติเสียอีก
(โรม. 2:13) เพราะผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรพระเจ้าไม่ใช่ผู้ ที่ได้ยินได้ฟังบทบัญญัติ แต่ผู้ที่ทำตามบทบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าจะทรงประกาศว่าเป็นผู้ชอบธรรม


(สดุดี 19:7) บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณกฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา

(ยากอบ 1:25 2:12) ส่วนผู้ที่พินิจดูบทบัญญัติอันสมบูรณ์ซึ่งให้ เสรีภาพและทำสิ่งนี้ต่อไปโดยไม่ลืมสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ปฏิบัติตาม เขาก็จะได้รับพรในสิ่งที่ตนทำ


หลายคนได้หักแอกนั้นไปเสีย ยรม. 5:5 ข้า​พระ​องค์​จะ​ไป​หา​พวก​ผู้ใหญ่ และ​จะ​พูด​กับ​พวก​เขา เพราะ​เขา​รู้​จัก​พระ​มรร​คา​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ และ​รู้​จัก​พระ​บัญญัติ​ของ​พระ​เจ้า​ของ​เขา” แต่​พวก​เขา​ทุก​คน​ก็​ได้​หัก​แอก​เสีย เขา​ได้​ทำ​ลาย​โซ่ตรวน​เสีย
 


ขอพระเจ้าอวยพระพร
ชาโลม
Ktm.shachah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...