วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ยากหรือที่จะให้อภัย


คำว่าการให้อภัยนั้นเป็นคำพูดที่ง่ายเพียงแค่เราอ้าปากและเปล่งเสียงออกมาว่า “ให้อภัย” แต่นั่นไม่ใช่การให้อภัยที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ความหมายของการให้อภัยคือ การยกโทษให้ ไม่ถือโทษ ความปลอดภัย ปราศจากภัย และการพ้นโทษ

หลายครั้งที่ผมได้อธิษฐานและบอกว่า ให้อภัยคนคนนั้นแล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่เจอหน้าเขา หรือพบเจอเขาคนนั้นทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม มันยังคงมีความโกรธ และโมโห กลับไปคิดถึงเรื่องราวเก่าๆที่เขาเคยทำกับเรา

ในพระคัมภีร์สเทเฟนได้ให้อภัยคนที่ทำร้ายเขา เมื่อสเทเฟนถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นพระเจ้าและโมเสสในการเทศนาพระกิตติคุณ หลังจากนั้นคนในที่ประชุมก็โกรธสเทเฟนมาก และได้จับสเทเฟนออกไปเพื่อจะเอาหินขว้าง แต่สิ่งที่สเทเฟนทำ คือการอธิษฐานเผื่อคนที่ลากท่านออกมา เพื่อศัตรูของท่าน ในกิจการ 6-7
สเทเฟนก็คุกเข่าลง ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้” เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วก็ล่วงหลับไป
กิจการ 7:60


ถ้าเราเองอยาในเหตุการณ์นั้น เราอาจจะเป็นคนหนึ่งที่หยิบก้อนหินมาขว้างสเทเฟนด้วยก็ได้ เราอาจจะทำตัวเป็นผู้พิพากษาศัตรูของเรา เราอาจจะแก้แค้นด้วยตัวของเราเอง แต่สเทเฟนก็ให้อภัยและอธิษฐานเผื่อคนเหล่านั้น แม้ตัวเองจะต้องสูญเสียชีวิต

หลายคนอาจโดนทำร้ายทั้งคำพูดการใส่ร้าย การนินทา การพูด หรือการเข้าใจผิด ตามเหตุผลและการวิเคราะห์ของตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วคนที่ทำร้ายเรานั้น เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นการแสดงออกของคนที่เห็นแก่ตัว แต่พระเจ้าต้องการให้เรามีความรัก คือความรักที่จะนำไปสู่การให้อภัย ไม่ใช่การพยายามและฝืนที่จะให้อภัย เป็นความรักที่อดทนนาน เราต้องมีหัวใจแห่งความรักที่อดทนนาน

เปาโลเองก็ถูกข่มเหง และถูกรังแกตอดที่ได้เดินทางประกาศพระกิตติคุณ เปาโลถูกโบยตี ขังคุก ตามฆ่า ในการแก้คดีก็ไม่มีใครเลยสักคนที่จะยืนอยู่เคียงข้างท่าน เคยไหมที่เราอาจจะถูกเข้าใจผิดจากการใส่ร้าย และดูเหมือนคนรอบข้างจะไม่มีใครยืนเคียงข้างเราเลย เราอาจจะทำหลายสิ่งเพื่อเขามากมาย แต่เมื่อเราต้องเจอสถานการณ์เลวร้ายกลับไม่มีใครยืนเคียงข้างเราเลย
เราจะตอบสนองอย่างไรต่อเหตุการณ์เหล่านี้ นี่คือการอธิษฐานเผื่อคนเหล่านี้ เผื่อความผิดหรือสิ่งที่เขากระทำต่อเรา เพื่อเขาจะไม่ต้องถูกลงโทษ อ่านไม่ผิดนะครับ “เพื่อเขาจะไม่ต้องถูกลงโทษ” ไม่ใช่การเฝ้าดูการตอบสนอง หรือผลที่เขาจะได้รับไม่ใช่การเอาเขาไปนินทา

พระเยซูเองแม้โดนตรึงที่กางเขน ประโยคที่พระองค์ตรัสคือ การให้อภัยแก่คนที่ทำร้ายพระองค์ ไม่ใช่การแก้แค้นแบบหนังจีนที่ปลูกฝังว่า “แค้นนี้ต้องชำระ”
ลุกา 23:34
ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร”

คำอุปมาเรื่องการที่ไม่ยอมให้อภัย
มัทธิว 18:21-35
 ไม่ว่าเขาจะทำผิดต่อเรากี่ครั้ง เราไม่ต้องมีเหตุผลใดๆมาโต้แย้งอีก แต่พระเยซูมีคำตอบให้เปโตรในเวลานั้นคือ เจ็ดครั้งคูณเจ็ดสิบ และเรื่องของการยกหนี้ที่ของทาสที่ได้รับการยกหนี้ แต่เมื่อเขาได้รับการยกหนี้ เมื่อกลับออกไปพบเพื่อนทาสอีกคนหนึ่งกลับบอกว่า "จงใช้หนี้ข้า" แม้เพื่อนทาสจะกราบอ้อนวอนเช่นไร แต่เขาไม่ยอมและได้จำจองเพื่อนทาสไว้ พระคัมภีร์ใช้คำว่า อ้ายชาติชั่ว นี่เป็นคำที่เหมาะกับคนที่ขาดความเมตตาเพื่อนทาสด้วยกัน จงยกโทษให้กับพี่น้องด้วยใจกว้างขวาง

พระเจ้ามีความคาดหวังให้เราอภัยต่อผู้ที่กระทำผิดต่อเรา เพราะแบบอย่างที่พระองค์วางไว้คือ การให้อภัยแบบไม่มีเงื่อนไข การที่เราให้อภัยเป็นการบ่งชี้ว่าเราได้รับความรอดแล้วด้วยเช่นกัน
1 ยอห์น 2:9
“ผู้ใดกล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง และยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผุ้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด”

อย่าให้เราปลูกและกินผลแห่งความขมขื่นใจที่เราปลูกเองเลย ฮีบรู 12:14-15

1 เปโตร 4:8

ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก เพราะว่าความรักลบล้างความผิดมากมายได้
จะโกรธกันไปทำไม จะเกลียดกันไปทำไม จะแค้นกันไปทำไม จะอิจฉากันไปทำไม จงกล้าที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน ตราบใดที่เราคาดหวังการให้อภัยจากพระเจ้า แต่เราไม่ให้อภัยพี่น้อง หรือให้อภัยแต่ปาก ก็อย่าหวังที่จะได้รับการอภัยเลย

สุภาษิต 10:12
ความเกลียดชังเร้าให้เราเกิดความวิวาท แต่ความรักครอบงำบรรดาการทรยศเสีย

ขอพระเจ้าอวยพระพรและเสริมกำัลัง
ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น