วิญญาณกบฎ
แน่นอนเราจะไม่มาคุยว่า ใครผิดหรือใครถูก ใครสมควรหรือไม่สมควร แต่เราพูดถึงความเหมาะสมของริมฝีปากของผู้รับใช้หรือผู้เชื่อ ผู้ที่รับการเจิม ผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์
คำว่า กบฏ นั้นภาพส่วนใหญ่จะใช้สำหรับพระราชา หรือกษัตริย์ และเกี่ยวโยงกับคำว่า คิดคด ทรยศ ผู้ประทุษร้ายต่ออาณาจักร (คริสตจักรหรือ อาณาจักรของตนเอง)
กบฎ มีความหมายว่า ผู้ประทุษร้ายต่ออาณาจักร ผู้ทรยศ ขบถ คิดคด
ฮบ. 3:8 อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นเหมือนอย่างในการกบฏครั้งนั้น ในวันที่ทดลองในถิ่นทุรกันดาร
ฮบ. 3:15 ดังคำกล่าวที่ว่า “วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นเหมือนอย่างในการกบฏครั้งนั้น”
ฮบ. 3:16 ใครเล่าที่ได้ยินแล้วแต่ยังกบฏ? ก็คือทุกคนที่โมเสสนำออกจากอียิปต์ไม่ใช่หรือ?
สดด. 5:10 ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้พวกเขารับกรรมชั่วของตน และให้ล้มลงด้วยความคิดเห็นของตนเอง เพราะการละเมิดมากมายนั้น ขอทรงขับไล่พวกเขาไป เนื่องจากพวกเขาได้กบฏต่อพระองค์
สดด. 78:40 พวกเขากบฏต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร และทำให้พระองค์โทมนัสในที่แห้งแล้งบ่อยถึงเพียงนี้
ยังมีอีกหลายข้อที่พูดถึงประชากรกับพระเจ้า และกษัตริย์ หรือ ราชอาณาจักรกับกลุ่มคน
อสย. 1:2 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงฟัง แผ่นดินโลกเอ๋ย จงเงี่ยหู เพราะพระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราได้เลี้ยงลูกและทำให้เติบโตขึ้น แต่พวกเขาได้กบฏต่อเรา
ดังนั้น ศิษยาภิบาล ไม่มีสิทธิ์ใช้คำว่า กบฏ กับผู้เชื่อ กลุ่มคนหรือสมาชิกหรือผู้นำด้วยกัน เพราะเขาไม่ใช่พระเจ้า เพราะถ้าเป็นดังนี้ เขาก็เป็นพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นยกตัวอย่าง สดด. 105:28 พระองค์ทรงใช้ความมืดมาทำให้แผ่นดินมืด เขาทั้งหลายมิได้กบฏต่อพระวจนะของพระองค์
คำว่ากบฏคืออะไร ใช้กับใคร และไม่สามารถใช้กับใคร ดาวิดบอกว่าไม่ได้กบฏต่อซาอูล ประชาชนต่อต้านกษัตริย์ก็กบฏ และทรยศ
ดาวิดบอกว่า ในมือของข้าพเจ้าไม่มีความผิดหรือการกบฏ ถ้าคุณไม่ใช่กษัตริย์อย่าไปหาว่าคนอื่นกบฏ ศิษยาภิบาล ไม่ใช่พระราชา คำนี้ไว้ใช้ในการกระทำผิดต่อพระราชา หรือคนที่ทำผิดต่อพระเจ้าตามบริบทที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือต่อบุคคลที่พระเจ้าตั้งไว้ให้ปกครอง
1ซมอ. 24:11 ทอดพระเนตรเถิด เสด็จพ่อของข้าพระบาท ขอทอดพระเนตรชายฉลองพระองค์ในมือของข้าพระบาท เพราะข้าพระบาทตัดชายฉลองพระองค์ออก และไม่ได้ประหารฝ่าพระบาทเสีย ขอฝ่าพระบาททรงทราบและทอดพระเนตรเถิดว่า ในมือของข้าพระบาทไม่มีความผิดหรือการกบฏ ข้าพระบาทไม่ได้ทำบาปต่อฝ่าพระบาท แม้ว่าฝ่าพระบาทกำลังทรงล่าชีวิตของข้าพระบาทเพื่อจะทำลายเสีย
กดว. 14:9 ขอเพียงอย่าให้เรากบฏต่อพระยาห์เวห์ อย่ากลัวชาวแผ่นดินนั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นเหมือนขนมปังของเราแล้ว เกราะกำบังของพวกเขาก็ถูกนำออกไปแล้ว พระยาห์เวห์สถิตกับเรา อย่ากลัวพวกเขาเลย”
ผู้สอดแนม 10 คนได้แพร่กระจายข่าวร้ายออกไป เว้นโยชูวาและคาเลบ
พวกเขาบ่นต่อว่าพระเจ้าโดยตรง เขาบ่นต่อว่าโมเสสและอาโรน ในระหว่างนำออกจากอียิปต์ไปสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา แต่ ..! ความคิดนี้ (น้ำพระทัยและแผนการ) เป็นของพระยาห์เวห์ พวกเขาเพียงนำถ้อยคำนี้และดำเนินตาม และบอกสู่ประชาชน เท่ากับเขาบ่นต่อว่าพระเจ้า พระเจ้าถือว่าเขากบฏ ไม่มีข้อไหนที่โมเสสบอกว่า ประชากรกบฏต่อเรา (โมเสส)
ทำไมวันนี้ศิษยาภิบาล ผู้รับใช้บอกว่า พวกท่านกบฏต่อเรา และต่อ ศิษยาภิบาล เมื่อใดก็ตามที่เราไม่เห็นด้วยกับพระวจนะ เท่ากับเรากบฏต่อพระเจ้า แต่จะมีผู้รับใช้จะบอกว่า ก็นั่นแหละ ผมดำเนินตามพระวจนะ และกล่าวว่าศิษยาภิบาลเปรียบเหมือนโมเสสโมเสส
ชีวิตการรับใช้ของเปาโล อ.เปาโลก็มีคนต่อต้านมากมาย แต่เปาโลไม่เคยกล่าวว่าใครกบฏต่อท่าน ดังนั้นหากใครไม่เห็นด้วยกับท่านอย่าใช้คำว่ากบฏ เพราะท่านจะยกตัวขึ้นเทียมพระเจ้า
1ธส. 2:6 และแม้ในฐานะเป็นอัครสาวกของพระคริสต์ เราจะเรียกร้องให้เป็นภาระก็ได้ แต่เราก็ไม่แสวงหาสง่าราศีจากมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นจากท่านหรือจากคนอื่น
1ธส. 2:7 แต่ว่าเราอยู่ในหมู่พวกท่านด้วยความสุภาพอ่อนโยน เหมือนพี่เลี้ยงที่เลี้ยงดูลูกของตน
ความอ่อนโยน ดั่งเปาโล ยังเป็นเช่นนี้ ในความยิ่งใหญ่ ในสิทธิอำนาจ ในตำแหน่งอันสูง อ.เปาโลอ่อนโยนและสุภาพ เมื่ออยู่ท่ามกลางคนทั้งหลาย
2คร. 1:24 เราไม่ได้เป็นนายบังคับความเชื่อของท่าน แต่เป็นผู้ร่วมงานกับพวกท่าน เพื่อให้ท่านได้รับความชื่นชมยินดี เพราะว่าพวกท่านตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อแล้ว
ศิษยาภิบาล ไม่ได้ใหญ่กว่าเปาโลศิษยาภิบาล ไม่ใช่นายบังคับความเชื่อ แต่เป็นผู้ที่คอยให้คำแนะนำจากพระวจนะ ศิษยาภิบาลอาจจะแนะนำให้ซื้อรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง แต่เขาไปซื้อจักรยาน เมื่อมาโบสถ์ ศิษยาภิบาลจะยืนหน้าเวทีเทศนา บอกว่า คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ เขากบฏต่อผม ผมให้ซื้อรถอีกคันหนึ่ง แต่เขาซื้ออีกอย่างหนึ่ง เขากบฏต่อผม
1ปต. 5:1 ข้าพเจ้าจึงตักเตือนบรรดาผู้ปกครองในพวกท่านทั้งหลาย ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็เป็นผู้ปกครองคนหนึ่งเช่นกัน และเป็นพยานถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และมีส่วนที่จะรับสง่าราศีอันจะมาปรากฏภายหลังด้วย
1ปต. 5:2 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่กับท่าน จงเอาใจใส่ดูแล ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของอันเป็นมลทิน แต่ด้วยใจพร้อม
1ปต. 5:3 และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้สืบทอดของพระเจ้า แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น
1ปต. 5:4 และเมื่อพระผู้เลี้ยงใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับมงกุฎแห่งสง่าราศีที่ร่วงโรยไม่ได้เลย
ไม่เพียงต่อหน้าที่ผู้นำไม่ควรประจานสมาชิกต่อหน้าที่ประชุม แม้แต่ลับหลัง หลายครั้งสมาชิกถูกพิพากษาในกลุ่มสนทนาว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะพวกเขามีวิญญาณไม่ดี วิญญาณกบฎ ขี้อิจฉา วิญญาณความยากจน วิญญาณขมขื่น วิญญาณชั่ว ฯลฯ
ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด วิญญาณของเขาถุกชำระให้บังเกิดใหม่ บริสุทธิ์ ดังนั้น คำพูดร้ายเหล่านี้ย่อมปลูกฝังชุมชนของพระเจ้าให้เป็นแบบโลก คือพูดต่อ ๆ กัน โดยไม่วินิจฉัยหรือสำรวจข้อเท็จจริงเสียก่อน
อุปนิสัยใจคอ การกระทำที่เป็นนิสัยบางอย่าง ท่าที ความคิด ที่มีอยู่หลังจากต้อนรับเและเชื่อในพระเยซู เป็นคนล่ะส่วนกับวิญญาณ วิญญาณคือส่วนที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว แต่ ความคิด จิตใจ ยังเป็นสภาพเนื้อหนังที่ยังเห็นอยู่
ผู้ที่เชื่อทำไมต้องอ่านพระวจนะมาก ๆ ก็เพราะว่าพระวจนะจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงความคิด จิตใจ เพื่ออุปสัยจะได้รับการเปลี่ยนใหม่
ฮบ. 4:12 เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
รม. 12:2 อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม
นิสัยบาป เป็นส่วนของเนื้อหนัง อย่าติดสินคนอื่นด้วยเนื้อหนังต่อเนื้อหนัง การพูดความผิดของคนอื่น และทำให้ได้รับความอับอายก็เป็นบาปเช่นกัน
พระเจ้าให้รักพี่น้อง เพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ดังนั้นหากกล่าวโทษคนอื่น พี่น้องในพระกาย ถึงวิญญาณของเขา ก็เท่ากับเราดูหมิ่นหรือตำหนิพระวิญยาณบริสุทธิ์ที่ประทับอยู่ภายในเขา
ขอให้เรารักกันด้วย รม. 12:9 ขอให้ความรักมาจากใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
ในฉบับ ThaiKJV รม. 12:9 จงให้ความรักปราศจากมารยา จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
รักที่มาจากใจจริง จึงหมายถึงรักที่ไม่เสแสร้ง หมายถึง อย่าปล่อยให้ความรัก แสดงออกแต่เพียงภายนอก แต่ต้องมาจากภายใน
คำพูดจากปากเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนจะพูดหรือกล่าวอะไร เราต้องรู้ความหมายของคำ คำนั้น ว่าเป็นมุมไหนบ้าง หากเราต่อว่าพี่น้องเพียงเพราะเขาไม่ตอบสนองเรื่องบางเรื่อง หรือมีความขัดแย้งอะไรบางอย่าง จงสำรวจตนเอง ก่อนที่จะใช้ถ้อยคำ บางคำด้วยอารมณ์ที่เป็นเนื้อหนัง
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น