วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

การตัดสินซึ่งกันและกันจากตาที่มองเห็น และสถานการณ์ที่เขาเผชิญ

การตัดสินซึ่งกันและกันจากตาที่มองเห็น
และสถานการณ์ที่เขาเผชิญ

หลายครั้งผู้เชื่อมักตัดสินกันเองจาก ประสบการณ์ของตัวเอง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทัศนะคติ ความชอบส่วนตัว หรือตัดสินจากสิ่งที่ตามองเห็น และจากสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญ ยิ่งถ้าผู้นำเป็นผู้ตัดสิน สังคมหรือคริสตจักรก็จะเชื่อตามนั้นและกล่าวโทษเขาด้วยเช่นกัน พระวจนะบันทึกไว้ว่า

1 คร 4:5 เหตุฉะนั้นท่านอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนที่จะถึงเวลาจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะ เสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดให้แจ่มกระจ่าง และจะทรงเผยความในใจของคนทั้งปวงด้วย เมื่อนั้นทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า

เราต้องแยกให้ออกว่า การตัดสินและการวินิจฉัยมีความแตกต่างกัน เราสามารถ วินิจฉัยการกระทำได้ ว่าสิ่งใดถูก หรือผิดแต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสิน "ท่าที" ความคิด จิตใจ ของผู้อื่น

มธ 7:2 เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร ท่านจะต้องถูกกล่าวโทษอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด ท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานอันนั้น

เช่น เราอาจจะเห็นคนหนึ่งทำผิดพลาดอย่างหนึ่ง เราวินิจฉัยได้ว่า สิ่งที่เขาทำมันไม่ดี ไม่ควร และมันเป็นความผิดบาป และจะเกิดผลเสียตามมา แต่เราไม่ไปตัดสินเขาว่า เพราะเขานิสัยไม่ดี เลว เห็นแก่ตัว

ขอยกตัวอย่าง โซเชียลเน็ตเวิร์ค อาจจะมีคลิปที่แชร์กันอย่างแพร่หลาย เดี๋ยวนี้คนมีกล้องและถ่ายคลิปกันเยอะ เมื่อเราดูคลิปของอีกฝ่าย เขาอาจจะดูน่าสงสารและเห็นใจที่โดนกระทำจากคู่กรณี และเมื่อแชร์ออกไป คนก็ด่าว่าคู่กรณีแบบเสียหายและหยาบคาย แต่เมื่อมีคลิปตัวเต็มออกมาจากคนกลางในเหตุการณ์ เหตุการณ์อาจจะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ นี่คือการตัดสิน

เราไม่รู้ชีวิตทุกด้าน ของทุกคน เราไม่รู้ว่า เขาคิดอะไร ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น เราไม่ได้เป็นเงาตามตัวเขาหรือ อ่านภายในจิตใจของเขาได้ เขามีปัญหาของเขาที่อาจจะไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้ เขาเคยเผชิญกับอะไรมาบ้างก็ไม่มีใครที่จะรู้ เราจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะ "ตัดสิน" ใครเลย (นอกจากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง) รม. 8:27 และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามพระประสงค์ของพระเจ้า

การตัดสินท่าที ความคิด จิตใจของผู้อื่นเป็นอุปสรรคของการดำเนินชีวิตในความรัก เพราะความรักคือการไม่มีเงื่อนไขที่จะรัก เรามีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วย กับบางความคิด แม้แต่กับบางคำสอน แต่เไม่การตัดสินโทษ "ตัวตน" ของเขา(ให้เป็นเรื่องระหว่าง เขา กับ องค์พระผู้เป็นเจ้า)

ในพันธสัญญาเดิม ชีวิตของโยเซฟ โยเซฟต้องเผชิญความทุกข์ยากลำบากในช่วงชีวิตหนึ่ง เขาต้องติดคุก หลายคนอาจจะบอกว่า เพราะเป็นแผนการของพระเจ้า เพราะพระเจ้าเขย่าชีวิตของเขา หรือฝัดร่อนเขา แต่ในความเป็นจริงเป็นเพราะผลจากการกระทำสิ่งที่ถูกต้องของตัวโยเซฟเอง

ฮบ 13:7 จงพิจารณาดูผลปลายทางของเขา แล้วจงตามอย่างความเชื่อของเขา

ที่เขาเผชิญเหตุการณ์เหล่านั้นเพราะ โยเซฟไม่ยอมทำบาป ไม่ยอมทำผิดประเวณีกับภรรยาของโปทิฟาร์ เพราะความยำเกรงพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเขา และไม่ยอมทรยศต่อเจ้านายผู้มีพระคุณ ผลที่โยเซฟได้รับก็คือ ติดคุก13 ปี

วันนี้เราตัดสินใครบางคน พี่น้องของเราหลายๆคน ตัดสินคนอื่นตามที่ผู้นำได้ตัดสิน โดยไม่วินิจฉัยสิ่งใด หรือตัดสินเพราะสถานการณ์ยากลำบากในปัจจุบันที่เขากำลังเผชิญอยู่หรือเปล่า การเชื่อในพระเจ้าไม่ใช่การเดินในกลีบกุหลาบ มาเชื่อพระเจ้าแล้วจะรวยไม่เจอความทุกข์ยากลำบากเลยหรือ? เปล่าเลย พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกไว้เช่นนั้น

เรากำลังตัดสินคนอื่น จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา หรือไม่ ? เมื่อเขาเผชิญความยากลำบาก ในช่วงเวลาที่เขาเห็นต่างจากผู้นำ หรือไม่ตอบสนองต่อผู้นำ หรือพี่น้องในคริสตจักร หลายครั้งเขาอาจจะโดนตัดสินว่า เพราะเขาไม่เชื่อฟังพระเจ้า เพราะเขาต่อต้านผู้นำเขาจึงลำบาก เขามีวิญญาณศาสนา เขาป่วยทางจิตวิญญาณต้องรับการเยียวยา เขาแย่มาก ๆ เขาไม่มีการเจิม และการทรงสถิตของพระเจ้าเลย

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาอาจเป็นเหมือนโยเซฟก็เป็นได้ คือรู้ตัวในสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต (เหมือนตอนเด็กที่เขาเย่อหยิ่ง) เขาค่อย ๆ ได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้นมีจุดยืนในความจริงของพระเจ้า วินิจฉัยเป็นว่าสิ่งใดมาจากพระเจ้า และมาจากเนื้อหนัง ไม่อ่อนข้อยอมต่อความบาป ตัณหาที่เป็นเนื้อหนัง แม้ต้องเผชิญความทุกข์ยาก แต่เชื่อว่ามันจะเป็นเพียงชั่วคราว เพราะพระเจ้าจะยกชูเขาขึ้นเหมือนดั่งโยเซฟ มีพระพร การยกชู และสิ่งดี ๆ มากมายที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้แล้ว เพียงแค่ขณะนี้ เขากำลังอยู่ระหว่างทางที่กำลังเดินไปใกล้จะถึงเป้าหมาย

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น