วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

ความเชื่อ ต้องมีการประพฤติ

ความเชื่อ ต้องมีการประพฤติ
ความเชื่อคืออะไร ?
ความเชื่อในโลกนี้มีมากมาย บางครั้งการประกาศความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า แต่ชีวิตที่ดำเนิน เป็นวิถีชีวิตที่ค้านกับพระวจนะจะยังคงถือว่าเป็นความเชื่อหรือไม่ เคยมีคนบอกว่า ความเชื่อคือการมองไม่เห็น ถ้ามองเห็นคือความไม่เชื่อ

ในพันธสัญญาใหม่บันทึกว่า
ฮบ. 11:1 บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง

ความเชื่อในภาษากรีกคือ “Pistis” และในภาษา ฮีบรูคือ “Emunah” มีรากจากคำว่า "Amen"หมายถึง ความเชื่อถือ, ความมั่นใจ,ความมั่นคง, ความแน่นอน, ซื่อสัตย์และซื่อตรง เป็นความเชื่อที่ไม่ใช่เพียงในใจแต่เป็นการประพฤติ

ในมุมของภาษาอังกฤษ มี 3 คำดังนี้
- Believe (อ่านว่า บี ลีฟ) แปลว่า เชื่อ เป็นความเชื่อทั่วๆไป ส่วน belief เป็นคำนาม แปลว่า ความเชื่อ
- Trust (อ่านว่า ทรัสทฺ) bitachonแปลว่า เชื่อถือ (ไว้วางใจ) ลึกขึ้น คือเชื่อแบบวางใจ
- Faith (อ่านว่า เฟธทฺ) emunahแปลว่า ความเชื่อ (แบบศรัทธา) ลึกกว่า 2 คำแรก นี่คือเชื่อแบบศรัทธา
เป็นความเชื่อ แบบอีมูน่า คือเชื่อแบบหมดหัวใจ เชื่อแบบไม่มีข้อสงสัย ในแก่นสารของโทราห์ มีการประพฤติและการกระทำร่วม

ความเชื่อแบบ Faith  อีมูน่า มธ. 8:10 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล

ในภาษาอารเมค (Aramaic) ใช้คำว่า haymanoothahaimanutaܗܝܡܢܘܬܐ
หมายถึง ความเชื่อถือ ความมั่นใจ, ความมั่นคง ความแน่นอน, ความซื่อสัตย์ความซื่อตรง ความสมบูรณ์ ของการอยู่ในพระเจ้าเมื่อเรากล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีความเชื่อ” สื่อถึงความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง

ฮบ. 11:1 ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น

ความเชื่อ “Emunah” จึงเป็นคำเฉพาะ และไม่ใช่ความเชื่อที่มั่นใจในอะไรก็ได้แต่เชื่อในถ้อยคำที่เป็นแก่นสารของพระยาห์เวห์

รม. 10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า

ถ้าวันนี้เราบอกเราเชื่อ เราเชื่ออะไร ? เพราะผู้ไม่เชื่อก็มีความเชื่อได้ในสิ่งที่เขามั่นใจเชื่อว่าจะถูกหวย เชื่อว่าจะร่ำรวย แต่หากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนพระวจนะ ก็เป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวัง

อะไรคือแก่นสาร แก่นสารก็คือ สิ่งที่ยั่งยืนถาวร, หลักที่ควรยึดถือ, คุณประโยชน์ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้(ความหวังใจในพระเจ้า)เป็นแก่นสารในสิ่งที่ได้มาและเป็นหลักฐานในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ศรัทธาไม่ใช่ความเชื่อที่มองไม่เห็น หรือตามืดบอดไปแต่เป็นแก่นสารและพยานหลักฐาน (เมื่อมีหลักฐานความเชื่อจะชัดแจ้งและไม่คุลมเครือ ไม่สงสัย)

ดังนั้นความเชื่อจึงต้องมีการประพฤติ ไม่ใช่เพียงปากบอกว่า “ฉันเชื่อ” ถ้าหากความเชื่อไม่มีการแสดงออกด้วยการกระทำ หรือการประพฤติก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ยก. 2:14 พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ?

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่า ยก. 2:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว นั่นก็ดี แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น

จากพระวจนะตอนนี้เราเห็นภาพของความเชื่อได้ว่า แม้ผีและมารก็เชื่อเช่นนั้น ถ้าเรามีความเชื่อแค่ว่า “มีพระเจ้าอยู่จริง” แค่นั้นเราก็มีความเชื่อเพียงแค่ในระดับเดียวกันกับมารซาตาน เราคงไม่อยากมีความเชื่อเพียงแค่ในระดับนี้

ยก. 2:20 โอ คนไร้ค่า ท่านอยากจะรู้หรือว่า ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ตายแล้ว (หรือไร้ผล)

ดังนั้นความเชื่อ (Emunah) ต้องทำงานร่วมกันความเชื่อจะครบถ้วนสมบูรณ์ได้ ต้องมีการกระทำตามร่วมกับความเชื่อนั้นด้วย

ยก. 2:22 ท่านก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อนั้นทำงานควบคู่กับการประพฤติของเขา และความเชื่อก็สมบูรณ์โดยการประพฤตินั้น

พระคัมภีร์บันทึกว่าเราคือผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อ และร่วมกับการประพฤติ ไม่ใช่ความเชื่อในระดับ “แค่เชื่อ”

ยก. 2:24 พวกท่านก็เห็นแล้วว่า คนหนึ่งคนใดจะถูกชำระให้ชอบธรรมได้ก็เพราะการประพฤติ และไม่ใช่เพราะความเชื่อเพียงอย่างเดียว

กท. 2:16 ยังรู้ว่าไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น เราเองก็ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะถูกนับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะถูกนับว่าชอบธรรมได้เลย

พระคัมภีร์บันทึกให้เราเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า

ยก. 2:26 กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น

เราต่างกับมารซาตาน ที่รู้ว่ามีพระเจ้าแต่กบฎ ไม่ยอมต่อพระเจ้า มารรู้ดีถึงพระสัญญาของพระเจ้าว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ไม่ต้องการให้ผู้เชื่อเดินไปถึงเป้าหมายของพันธสัญญา และพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง ทั้งหลอกลวง ล่อให้หลง

ความเชื่อของคริสเตียน มีพื้นฐานอยู่บนพระวจนะ เราไม่ได้ประพฤติเพื่อจะมีความเชื่อ แต่เรามีความเชื่อในพระเจ้า และประพฤติด้วยและต้องมีการกระทำตามด้วยเต็มใจ และ ยินดีเชื่อฟังจึงจะเป็นความเชื่อที่มีชีวิต และ เกิดผลดีไม่ใช่ความเชื่อที่ตายแล้ว ... ความเชื่อของเราต้องมีชีวิต

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น