เราติดตามพระเจ้าบวกมีเงื่อนไขอยู่หรือเปล่า
เราต่างเป็นผู้เชื่อที่รักพระเจ้า ติดตามพระเจ้าและพร้อมจะทุ่มเทเพื่อที่จะรับใช้พระองค์ หลายคนมาเชื่อพระเจ้าเพราะพระองค์ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยน แต่ละคนมีคำพยานที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้า เราเชื่อพระเจ้าเพราะอะไร เพราะความรู้สึกเหมือนรักแรกพบอยู่หรือเปล่า ?
บางคนรับการสอนหรือยังไม่มีความเข้าใจ ก็เชื่อพระเจ้าเพราะว่าวันหนึ่งอาจจะถูกรางวัลที่หนึ่ง
ถามว่าถูกรางวัลไปเพื่ออะไร เขาอาจจะตอบว่า ก็จะได้มีเงินมาใช้ในงานรับใช้ เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า แต่ในความเป็นจริงแล้วเราอยากรวยและความอยากรวยนี้เป็นความโลภหรือเปล่า ไม่มีใครวินิจฉัยท่านได้ นอกจากความสัตย์ซื่อของตัวท่านเอง หากเราติดตามพระเจ้าอย่างจริงใจ แต่ถ้าพ่วงด้วยท่าทีที่ผิด ๆ ก็ย่อมไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า
ผู้เชื่อหลายคนที่หลงหายไป เพราะว่า“เขาเชื่อพระเจ้าโดยมีเงื่อนไขบวกเข้าไป” บางอาทิตย์ขาดโบสถ์ ศบ ก็เป็นห่วง พอเจอหน้าถามว่า อาทิตย์ที่แล้วไปไหนไม่เห็นมานมัสการร่วมกันเลย
โอยยย หนี้สินฉันก็เยอะอาจารย์ จะให้มาโบสถ์ ได้ยังไง
วันอาทิตย์ก็ขายดี อาจารย์ช่วยฉันใช้หนี้หรือให้ฉันยืมตังค์เอาไหมล่ะฉันจะได้มาโบสถ์
ฉันติดธุระ นั่นนู่น นี่ คือขอพระเจ้าปลดหนี้ให้ก่อน ให้รวยก่อน แล้วเราจะไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์เลย
มัทธิว 6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่าน
ท่านเชื่อพระเจ้าเพราะอยากได้รับพรหรือไม่ ?ความต้องการพระพร ไม่ได้ผิดเลยแต่หากความต้องการพระพรมากกว่าการต้องการพระเจ้านั้นอาจนำบางคนไปติดกับดักแห่งคำสอนผิดต่างๆ ที่มีมากมาย ในการดำเนินชีวิตเราควรให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งเสมอ การให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งไม่ได้หมายถึงต้องทำสิ่งอื่นใดที่หลังเสมอไป แต่หมายถึงท่าทีภายในใจที่ไม่มีกิเลส ตัณหา หรือความโลภมาปนเปื้อน และอ้างว่าเพื่องานของพระเจ้า
เพราะการพยายามพึ่งพาวิธีการ หรือทางลัดต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งพระพรคำสอนที่มาจากมนุษย์เหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาจากความจริงในพระคัมภีร์ การชูกระเป๋าตังค์แล้วประกาศว่า กระเป๋าจะเต็มและตุง การเปิดกระเป๋าออกแล้วประกาศว่า เงินจงไหลลงมาสู่กระเป๋านี้ แน่นอนพระคัมภีร์บันทึกว่าพระเจ้าอวยพระพรเช่นนั้นได้ แต่ไม่ได้อยู่ที่เราจะไปบังคับให้พระเจ้าทำและการกระทำเช่นนั้นก็เป็นการสอนให้จดจ่อที่ ทรัพย์มากกว่าจะจดจ่อที่พระเจ้า บางคน ก็บวกเอา
ความคิดประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวเพิ่มเข้าไปอีก
.
ชีวิตเรารุ่งเรืองได้เพราะพระเยซูคริสต์พระองค์คือผู้อวยพรเรา จงมีหัวใจรักที่เรามีต่อพระองค์ และการเชื่อฟังอย่างสุดใจ ถ้าอยากได้รับพระพร จงดำเนินชีวิต ให้พระเจ้าเป็นหนึ่งเท่านั้น รักพระองค์และเชื่อฟัง บางท่านอาจจะวิ่งหาพระพร อยากรู้อนาคต ต้องวิ่งหาผู้เผย ล้มแล้วล้มอีกลุกวนไปต่อคิวเพื่อจะรับคำเผยอยากรู้ว่าอนาคตพระเจ้าจะพูดอย่างไร อยากได้รับพระพรต้องให้ ผู้มีการเจิม วางมือ พระคัมภีร์ สอนเราไว้ว่า"พระพร" นั้น เราได้รับผ่าน "การเชื่อฟัง" และ
"ทำตาม" พระสัญญา ไม่ใช่รับผ่านการวางมือของมนุษย์.
บางท่านก็ยกเอาประสบการณ์ของตัวเอง แม้สิ่งนั้นจะเป็นพระพรจากพระเจ้าจริงหรืออาจจะไม่ใช่ แต่เน้นที่ประสบการณ์ในการเทศนา การสอน (หมายถึงพูดอะไรก็ยกตัวเองหมดจนสงสัยว่าไหนล่ะพระเจ้า) ขึ้นสูงเหนือกว่าพระวจนะของพระเจ้าผู้ที่พึ่งพาประสบการณ์ ก็ยากที่จะพบความจริงได้เพราะความจริงของพระเจ้าไม่ขึ้นกับประสบการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับ "ความเชื่อ"
ทุกวันนี้ผู้เชื่อเสียเวลาไปนานเท่าไรแล้วกับการรอคอยพระพร เราเป็นผู้ได้รับพระพรตามพันธสัญญาในฐานะบุตรของพระเจ้า ไม่ใช่ทาสของตัณหา กิเลส และความโลภ เราไม่ได้รับใช้และบากบั่น เพื่อจะรอรับพระพร
ทุกวันนี้พระพรถูกนำเอามาเป็นตัวประกัน ว่าหากอยากได้พระพรต้องมีเงื่อนไข พระพรไม่ต่างไปจากค่าจ้างที่ลูกจ้างต้องก้มหน้ายอมรับ แม้ไม่เห็นด้วย ท่านไม่ใช่ทาสอีกต่อไป โดยโลหิตของพระเยซูคริสต์ที่หลั่งออก ท่านทั้งหลายมีชัยชนะ
หลายคนยินยอมที่จะยอมรับในเงื่อนไขนั้น นี่เป็นพระพรของพระเจ้า พระพรกำลังจะมา ถ้าอยากได้ต้องทำตามเงื่อนไข ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่อยู่ในพระพรนี้ ไม่ต่างกับอิสราเอลที่เป็นทาสและออกมาจากอียิปต์ แต่พวกเขากลับอยากกลับไปอยู่อียิปต์อีกครั้ง เพราะมองไม่เห็นพระพรที่ยิ่งใหญ่และเป็นของจริงในชีวิต ที่พระเจ้าสัญญากับเขาว่าจะประทานให้พวกเขา รออยู่ตรงหน้า วันนี้จงเชื่อความจริงในพระคัมภีร์ที่เป็นถ้อยคำจากพระเจ้าเถิดว่า ท่านเป็นผู้ได้รับพระพร จงอย่าติดตามพระเจ้าแบบมีเงื่อนไข แม้จะรักพระเจ้าจริง แม้จะอุทิศชีวิต ทุ่มเทแบบไม่เสแสร้ง แต่หากติดดาบด้วยเงื่อนไขที่มาจาก กิเลส ตัณหา และความโลภแล้ว ท่านอาจจะพลาดที่จะเข้าไปสู่พระพรที่แท้จริงของพระเจ้า
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น