วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

พระเจ้าทรงเลี้ยงดู

พระเจ้าทรงเลี้ยงดู

อพย. 16:3 คนอิสราเอลกล่าวกับท่านทั้งสองว่า “เราตายเสียในแผ่นดินอียิปต์ด้วยพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ ขณะเมื่อนั่งอยู่ใกล้หม้อเนื้อและรับประทานอาหารอิ่มหนำก็ดีกว่า นี่ท่านทั้งสองกลับนำเราออกมายังถิ่นทุรกันดารนี้ เพื่อจะให้ชุมนุมชนทั้งหมดหิวตาย”

อพย. 16:4 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “นี่แน่ะ เราจะให้อาหารตกลงมาเหมือนฝนจากท้องฟ้าสำหรับพวกเจ้า และทุกๆ วันก็ให้ประชาชนออกไปเก็บแต่พอกินเฉพาะวันหนึ่งๆ เพื่อเราจะได้ลองใจว่า พวกเขาจะดำเนินตามบัญญัติของเราหรือไม่?
อพย. 16:5 ในวันที่หก เมื่อพวกเขาเตรียมมานาที่นำมา ก็ให้เก็บเพิ่มเป็นสองเท่าของที่พวกเขาเก็บในวันอื่นๆ”
ในพันธสัญญาเดิม พระเจ้าทรงเลี้ยงดูชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร โดยพระเจ้าได้ประทานมานา อาหารจากสวรรค์วันต่อวันกับชุมนุมชนอิสราเอล พระเจ้าทรงเลี้ยงดูพวกเขาอย่างพอเพียง แม้พวกเขาจะบ่น และพูดในแง่ลบ ขาดความเชื่อ แม้พวกเขาไม่มีใจที่จะขอบพระคุณ แต่พระเจ้ายังทรงประทานมานาเลี้ยงดูพวกเขาทุกวัน

พระเจ้าได้ตรัสสั่งพวกเขาผ่านทางโมเสสว่า อย่าเก็บจนเหลือกิน แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อเก็บกักตุนไว้จนถึงเช้า เมื่อถึงตอน มานานั้นก็บูด เสียและกินไม่ได้

อพย. 16:20 แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังโมเสส บางคนเหลือไว้จนรุ่งเช้า อาหารนั้นก็มีหนอนขึ้น และบูดเหม็น โมเสสจึงโกรธคนเหล่านั้น

แท้ที่จริงพระเจ้าไม่ได้หวงแหนอาหารเหล่านั้นเลย แต่พระเจ้าต้องการที่จะสอนพวกเขาในเรื่อง การไว้วางใจในการเลี้ยงดูของพระองค์ พระองค์ทรงสำแดงความรักต่อพวกเขาแม้พวกเขาไม่สมบูรณ์ ทั้งต่อว่า บ่น และทำผิดต่อพระองค์ แต่พระองค์เลี้ยงดูพวกเขาทุกวันไม่ได้ขาด
ในสภาพแวดล้อมของถิ่นทุรกันดาร พวกเขาอาจจะคิดว่า พรุ่งนี้อาจจะไม่มี มานาตกลงมาอีกแล้ว พวกเขาจึงต้องการกักตุน ส่วนคนที่วางใจ ก็ไม่กักตุนไว้และเชื่อว่าจะมีมานาทุกวัน และพวกเขาจะไม่หิวโหยอีกต่อไป

เมื่อเราอ่านและเรียนรุ้จากพระวจนะในตอนนี้ หลายคนสอนว่า อย่ากักตุนมานา แบบอิสราเอล อย่าแสวงหาทรัพย์สมบัติในโลกนี้ แท้จริงคำกล่าวข้างต้น มีส่วนถูกเพียงส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า ในยุคนี้เราต้องดำเนินชีวิตแบบเพียงพอไปวัน ๆ หากมีมากจะเป็นความบาป จะต้องฝ่ายวิญญาณเท่านั้น

แท้จริงเป็นคนล่ะเรื่อง มานา เป็นอาหารที่เลี้ยงดู เมื่ออิสราเอลเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แต่ยังไม่ได้เข้าไปในดินแดน คานาอัน ที่อุดมสมบูรณ์ไม่ต้องอาศัยมานาอีกต่อไป เราผู้เชื่อเราอยู่ในคานาอันแล้ว นั่นคือคานาอันฝ่ายวิญญาณ พระเจ้าให้เรามีชัยชนะ และเราต้องยึดครองสิ่งดีที่พระเจ้ามอบให้กับเรา เอามาเป็นของเราในฝ่ายกายภาพเองด้วย

หลายคนอาจมีความเชื่อว่า คานาอันฝ่ายวิญญาณคือ สวรรค์ แต่แท้ที่จริงแล้ว สวรรค์ไม่มีคนยักษ์ ไม่มีสงคราม ไม่มีการสู้รบ แต่ในทุกวันนี้เรายังต้องเผชิญสิ่งเหล่านั้นอยู่ เพียงแต่เมื่อเรามีความเชื่อ ทำตามการทรงนำของพระเจ้า ให้พระเจ้านำหน้าเรา ยำเกรงพระองค์ ก็ไม่มีศัตรูหน้าไหนต่อต้านได้ เรามีชัยชนะได้โดยพระองค์ ไม่ต้องเสียกำลัง ไม่ต้องบาดเจ็บ และยังได้ทรัพย์สินของบรรดาศัตรู เพราะพระเจ้าสัญญาว่า จะทรงสู้รบแทนเรา

1ซมอ. 17:47
และชุมนุมชนนี้ทั้งสิ้นจะทราบว่า พระเจ้ามิได้ทรงช่วยด้วยดาบหรือด้วยหอก เพราะว่าการรบครั้งนี้เป็นของพระเจ้า พระองค์จะทรงมอบท่านไว้ในมือของเราทั้งหลาย”

พระเยซูมาเพื่อเราจะได้รับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ พระองค์มาไถ่เราจากทาส มาสู่ความเป็นไท พระองค์ไม่ได้ไถ่เราจากทาส เพื่อมาเดินในถิ่นทุรกันดาร

ยน. 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์

ดังนั้นเมื่ออกมาจากแดนทาสแล้ว อย่าหันกลับไปมองอียิปต์ เพราะชีวิตที่อียิปต์และในถิ่นทุรกันดาร ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า แผนการและน้ำพระทัยของพระองค์คือ เพื่อเราจะได้ครอบครองแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ได้มาอย่างง่าย ๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ไม่ใช่การได้รับอย่างอัตโนมัติ หากแต่พวกเราต้องครอบโดยความเชื่อ เป็นความเชื่อที่บากบั่น การเชื่อฟัง เมื่อใดที่ชีวิตขาดการเชื่อฟัง ย้อนกับไปดูในพันธสัญญาเดิม พวกเขาก็พบแต่ความพ่ายแพ้ ความเจ็บปวดและ ความอับอาย และหลายครั้งก็ต้องตกเป็นเชลย หรือทาสของศัตรูอีกครั้ง

จงเต็มใจและยินดีที่จะเชื่อฟังพระเจ้า ทำตามน้ำพระทัย รักและยำเกรงพระเจ้า จงพูดกล่าวแต่ถ้อยคำในแง่บวก นั่นคือถ้วยคำแห่งความเชื่อ จงเอ่ยแต่คำอวยพร แทนคำแช่งสาป จงขอบพระคุณพระเจ้าจากหัวใจของเรา เราก็จะได้ครอบครองชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในโลกนี้ เหมือนดั่งที่อิสราเอลเข้ายึดครองคานาอันได้สำเร็จ และได้ครอบครองแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งอย่างครบบริบูรณ์

ยน. 6:32 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ไม่ใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเราเป็นผู้ประทานอาหารแท้ที่มาจากสวรรค์ให้กับพวกท่าน
ยน. 6:33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้นคือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้กับโลก”
ยน. 6:34 พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า ขอโปรดให้อาหารนั้นแก่เราตลอดไปเถิด”
ยน. 6:35 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย
ยน. 6:36 แต่เราก็บอกพวกท่านแล้วว่าท่านเห็นเราแล้วแต่ไม่วางใจ
ยน. 6:37 สารพัดที่พระบิดาประทานแก่เราจะมาหาเรา และคนที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่เลย
ยน. 6:38 เพราะว่าเราลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา
ยน. 6:39 และพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามานั้นก็คือ ให้เรารักษาทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบไว้กับเรา ไม่ให้หายไปสักสิ่งเดียว แต่ทำให้เป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย
ยน. 6:40 เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตรและวางใจพระองค์มีชีวิตนิรันดร์ และเราเองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย”

ขอบคุณพระเจ้าที่เรารับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ได้โดยพระองค์ (พระเยซู) ปีใหม่นี้เริ่มต้นวันนี้ อย่าเสียเวลา 40 ปีทั้งที่ระยะทางที่จะไปถึงการครอบครองใช้เวลาเพียงแค่ 11 วัน

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น