เปโตรเป็นนักธุรกิจ
เปโตร หรือในภาษาเดิมชื่อว่า "เคฟา" ไม่ใช่คนไร้การศึกษาแม้จะทำอาชีพประมง ในฐานะที่เป็นชาวยิวที่สัตย์ซื่อ เปโตรได้รับการศึกษาโทราห์ อย่างน้อยคือต้องเรียนโทราห์ 5 เล่มแรกจนจบ ต้องเรียนรู้กฎหมายศาสนา ต้องฝึกอ่าน และฝึกเขียน เชื่อว่าเปโตรเป็นคนที่ฉลาดในการพูดและต้องพูดได้ หลากหลายภาษาเพราะมีความจำเป็นต้องพบกับพ่อค้าในการทำธุรกิจประมงในหลายประเทศและต้องรู้วัฒนธรรม ต้องเจรจาต่อรองเป็น
ในฐานะชาวยิว ซีโมนเปโต แอนดรู และฟิลิป พวกเขาได้เรียนรู้ภาษาฮีบรู แต่จากการค้นคว้าโดยนักวิชาการ ภาษาแม่ของพวกเขาคืออาราเมค แต่ทั้งสามรวมเปโตรก็มีชื่อที่เป็นภาษากรีก
พวกกรีกบางคนปรารถนาจะเห็นพระเยซู
ยน. 12:20 ในบรรดาคนที่ขึ้นไปนมัสการที่งานเทศกาลนั้นมีพวกกรีกอยู่ด้วย
ยน. 12:21 พวกเขาไปหาฟีลิปซึ่งมาจากหมู่บ้านเบธไซดาในแคว้นกาลิลี แล้วพูดกับเขาว่า “ท่านเจ้าข้า เราอยากจะเห็นพระเยซู”
ยน. 12:22 ฟีลิปจึงไปบอกอันดรูว์ แล้วอันดรูว์กับฟีลิปไปทูลพระเยซู
ใน ยอห์น 12:20-22 เป็นข้อหนึ่งในข้อบ่งชี้ว่าเขาได้สนทนาภาษากรีก เมื่อกลุ่มของคนกรีกขอให้ฟิลิปแนะนำพระเยซู เพราะเขาเคยได้ยินฟิลิปพูดภาษากรีก ในฐานะเป็นนักธุรกิจชาวประมงจำเป็นต้องรู้ภาษากรีก เพราะพวกเขาต้องค้าขาย ทำธุรกิจ และเจรจาต่อรอง ดังนั้นในศตวรรษแรกๆนั้น ภาษากรีกจึงเป็นภาษาต่างประเทศเช่นภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากลางสากลในทุกวันนี้ และยังเป็นภาษาทางการค้าและการพาณิชย์ในภาพรวมของเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
จึงน่าคิดว่า หากเขาเป็นเพียงชาวประมงที่มีเพียงเรือลำเล็กๆ หาปลาเพื่อประทังชีวิต หรือค้าขายเล็กๆน้อย เป็นคนไร้การศึกษา และเป็นคนยากจนคนหนึ่งหรือ แต่อีกมุมมองหากเขามีกิจการที่ใหญ่โต มีลูกน้องที่ต้องดูแล มีครอบครัว มีกิจการที่ใหญ่โต เป็นเจ้าของเรือประมง มันจึงไม่ง่ายเลยเมื่อพระเยซูตรัสเรียกเขา หากคิดวิเคราะห์ด้วยสติปัญญา จากความเป็นผู้นำเขาต้องกลายไปเป็นผู้ติดตามพระเยซู
ต้องทิ้งทุกสิ่งและตามพระองค์ไปในทันที
มธ. 4:19 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งสองว่า “จงตามเรามา และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา”
มก. 1:17 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดังหาปลา”
ลก. 5:10 ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกับซีโมนก็ประหลาดใจเหมือนกัน พระเยซูตรัสกับซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน”
ลก. 5:11 เมื่อนำเรือมาถึงฝั่งแล้ว พวกเขาก็สละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและตามพระองค์ไป
ในมาระโกมีวิธีการจับปลาหลายแบบก็คล้ายๆกับในสมัยนี้
มก. 1:16 ขณะที่พระองค์เสด็จไปตามชายทะเลสาบกาลิลี ก็ทอดพระเนตรเห็นชาวประมงสองคน คือซีโมนและอันดรูว์น้องของซีโมน กำลังทอดแหอยู่ในทะเลสาบ
มก. 1:17 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “จงตามเรามา เราจะตั้งพวกท่านให้เป็นผู้หาคนเหมือนหาปลา”
มก. 1:18 พวกเขาก็ละแหตามพระองค์ไปทันที
วิธีการนี้อย่างน้อยต้องใช้เรือที่มีขนาดใหญ่และคนจำนวนมากที่จะช่วยในการสาวปลา
ภาพตัวอย่างการทอดแหกลางทะเลในสมัยนั้น
มก. 1:19 เมื่อพระองค์เสด็จต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็ทอดพระเนตรเห็นยากอบบุตรเศเบดี กับยอห์นน้องชายของเขากำลังชุนอวนอยู่ในเรือ
มก. 1:20 พระองค์ทรงเรียกพวกเขาทันที พวกเขาจึงละเศเบดีผู้เป็นบิดาไว้ที่เรือกับพวกลูกจ้างแล้วตามพระองค์ไป
มีการขุดพบเรือโบราณตามชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของกาลิลี คาดว่าในช่วงเวลาสมัยนั้น ขนาดของมันคือ ยาว 26 ฟุต กว้าง 7.5 ฟุต ลึก 4.5 ฟุต นักโบราณคดีได้ข้อสรุปว่าเรือถูกสร้างขึ้นระหว่าง 40 และ 70 คริสตศักราช
มก. 6:45 แล้วพระองค์ตรัสสั่งให้พวกสาวกลงเรือทันทีและข้ามไปยังเมืองเบธไซดาก่อน ระหว่างที่พระองค์ทรงรอส่งฝูงชนกลับบ้าน
เรือขนาดนี้สามารถรับน้ำหนักได้เกิน 1 ตัน และบรรทุกคนได้ประมาณ 30 คน
Magdala/Magadan/Tarichaeae (เมืองแปรรูปปลา)
เมือง มากาดาน นอกจากจะเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ทอผ้าและย้อมผ้าลินนิน
มธ. 15:39 เมื่อทรงส่งฝูงชนไปแล้ว ก็เสด็จลงเรือมาถึงเขตเมืองมากาดานเมืองมากาดาน หรือมักดารา ภาษากรีกคือ Tarichaeae "Tarichææ" จากการค้นคว้าโดยนักวิชาการเชื่อว่าคือเมืองเศรษฐกิจด้านอาหารแปรรูปทางการประมง หรือเรียกว่า “เมืองปลา” ที่นี่เป็นที่ตั้งของเมืองอาหารแปรรูปที่สำคัญ เช่นปลาเค็ม หรือแปรรูปปลาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อการถนอมอาหารให้เก็บได้นานและเพื่อส่งออกไปยังพื้นที่ในเมดิเตอร์เรเนียน
มก. 8:10 พระองค์ก็เสด็จลงเรือกับพวกสาวกของพระองค์ทันทีและไปยังเขตเมืองดาลมานูธา
ต้นฉบับบางส่วน ดาลมานูธาก็คือ มักดารา
สุดท้ายนี้บทความนี้เพียงนำเสนอชีวิตมุมหนึ่งของ เปโตร ไม่ใช่เพื่อการขัดแย้งเพราะไม่ว่า เปโตรจะรวยหรือจน จะมีการศึกษาสูง หรือการศึกษาน้อย นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญมากไปกว่าหัวใจของเปโตรที่รักพระเยซูอย่างสุดใจและติดตามพระเยซูจนถึงที่สุด แม้ความตายก็ไม่อาจจะพลากเขาจากความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ได้
พระเยซูทรงตรัสกับเปโตร
ยน. 21:3 ซีโมนเปโตรบอกพวกเขาว่า “ข้าจะไปจับปลา” พวกเขาจึงพูดกับซีโมนว่า “เราจะไปด้วย” แล้วพวกเขาก็ออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นเขาจับปลาไม่ได้เลย
ยน. 21:15 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกนี้หรือ?” เขาทูลพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด”
ยน. 21:16 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด”
ยน. 21:17 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เปโตรเสียใจมากที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาจึงทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ดีว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด
รักเรา (พระเยซู) มากกว่าเหล่านี้ มากกว่า ธุรกิจการงานประมงของเจ้าหรือ ? มาถึงตอนนี้ เปโตรสับสนเขาเลือกทางเดินชีวิตและกลับมาทำธุรกิจประมงอย่างเดิม หาใช่ไปจับปลามารับประทานหรือจับเล็กๆน้อยๆ สามคำถามนี้นำเปโตรกลับใจและรับการเยียวยาหัวใจโดยพระเยซู
แค่นี้ก่อนนะครับจริงๆรายละเอียดอ้างอิงทางประวัติศาสตร์และในพระคัมภีร์มีเยอะมากๆซึ่งถ้าเอามาลงหมดจะกลบความสำคัญที่จะสื่อถึงเปโตรไป
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.shachah
แหล่งค้นคว้าข้อมูล : https://estherspetition.wordpress.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น