วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

จงเอาแอกของเราแบกไว้ มิใช่หักแอกของเรา (ยาชูวาห์)

จงเอาแอกของเราแบกไว้ 
มิใช่หักแอกของเรา (ยาชูวาห์)

ยรม. 5:3 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเนตรของพระองค์ทรงหาความสัตย์จริงไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงเฆี่ยนตีเขาทั้งหลาย แต่เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด พระองค์ทรงล้างผลาญเขา แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับการแก้ไข เขาได้ทำให้หน้าของตนกระด้างยิ่งกว่าหิน เขาปฏิเสธที่จะหันกลับ”
ยรม. 5:4 แล้วข้าพเจ้าทูลว่า “คนเหล่านี้เป็นแต่ผู้น้อย เขาไม่มีความคิด เพราะเขาไม่รู้จักพระมรรคาของพระยาห์เวห์ ไม่รู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าของเขา

ยรม. 5:5 ข้าพระองค์จะไปหาพวกผู้ใหญ่ และจะพูดกับพวกเขา เพราะเขารู้จักพระมรรคาของพระยาห์เวห์ และรู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าของเขา” แต่พวกเขาทุกคนก็ได้หักแอกเสีย เขาได้ทำลายโซ่ตรวนเสีย

มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก
การหักแอกคือการปฏิเสธฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
แท้จริงหมายถึง การรักษาธรรมบัญญัติ ยาชูวาห์กำลังพูดกับเราทุกคนที่เชื่อในพระองค์ บัญญัติไม่ใช่ภาระที่เราต้องแบก เพราะถ้าเราคิดว่าเป็นภาระเราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากธรรมบัญญัติ ในอดีตเมื่อคนของพระเจ้า (อิสราเอล) ล้มลง เพราะเมื่อเขาไม่สามารถที่จะประพฤติตามธรรมบัญญัติ หรือหนังสือม้วน คือโทราห์ของพระยาห์เวห์ บัดนี้เราไม่ใช่การพยายามทำตามธรรมบัญญัติเพื่อที่จะรอด แต่รอดโดยพระคุณเพื่อประพฤติตามธรรมบัญญัติด้วยความรักใน ยาชูวาห์

โรม 7:7 บอกเราว่า บัญญัติไม่ใช่บาป แต่ถ้าไม่มีบทบัญญัติ (Torah) เราก็ไม่รู้ว่าอะไร คือบาป
1 ยอห์น 5:3 เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ

หลายครั้งมีการถกเถียงว่า ธรรมบัญญัติได้จบไปแล้ว โดยพระเยซู (ยาชูวาห์) มาทำแทนหมดแล้ว เราไม่ต้องทำแล้ว แท้จริง ยาชูวาห์ ได้มาเอาธรรมชาติความบาป คือ ธรรมชาติของมนุษย์ ที่ไม่รู้จักและค้านธรรมบัญญัติ ออกไป ตรึงที่กางเขน และใส่ธรรมชาติใหม่ให้แก่เรา  ธรรมบัญญัติทำให้เรารู้ว่าอะไรคือบาปและแยกเราออกเพื่อให้บริสุทธิ์เพื่อพระเจ้า

คำว่าบริสุทธิ์ ถ้าตีความแบบทั่วไป ตามความหมายของภาษา คือ ขาวสะอาดไร้ที่ติ เช่นนี้แหละ มนุษย์จึงพยายาม ประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพื่อให้ไปถึงซึ่งจุดหมายและผิดวัตถุประสงค์ ที่พระบิดามีเป้าประสงค์ แต่คำว่าบริสุทธิ์ ในภาษาฮีบรู คือคำว่า คาโดช หมายถึง การแยกตัวออกมา หรือแยกออกมาเฉพาะ เพื่อพระยาห์เวห์ เท่านั้น เราเป็นของพระองค์ พระองค์รักและหวงแหนเรา คำว่าเสรีภาพ เราได้จริงๆ แต่ไม่ใช่เสรีภาพเพราะพระเยซูมาทำแทน เราไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ขอให้เราเข้าใจความหมายไม่ตกขอบใดขอบหนึ่ง คือประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพื่อจะเป็นที่พอพระทัย หรือจะรอด เราก็ไม่ต่างกับวิญญาณ เคร่งศาสนาของ ฟาริสีบางกลุ่ม หรือ เป็นพวกมีวิญญาณศาสนาครอบงำ หรือ อีกขอบหนึ่ง เราตีความเสรีภาพแบบ ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเราตีกรอบของธรรมบัญญัติ เป็นภาระและมนุษย์ไม่สามารถประพฤติตามได้หมด

มธ. 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระ วจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ

ยาชูวาห์ (พระเยซู) จึงได้มาท่ามกลางความมืดมิด พระองค์ทรงเป็นโทราห์ (ในภาษาเดิม) พระองค์มาเพื่อเอาธรรมชาติบาปที่ปิดตาของเราออกไปเพื่อใส่ธรรมชาติใหม่เข้า มา คือสละชีวิตของพระองค์เอง บัดนี้โทราห์ได้ถูกจารึกโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่หัวใจของเรา พระองค์ไม่ได้มาเพื่อประพฤติธรรมบัญญัติ แต่พระองค์เองทรงเป็นโทราห์ที่มีชีวิต ในพระองค์คือโทราห์

พระองค์ไม่ได้มายุบ 10 ข้อ เหลือ 2 ข้อ แท้จริงคือการสรุปจากทั้งหมด

ใน ยอห์น 1:1 ในภาษาเดิมพระคัมภีร์ พระวาทะ คือ โทราห์ คือทานัค พระเยซูคือโทราห์ หรือธรรมบัญญัติที่มีชีวิต มนุษย์ตีความธรรมญัติในแบบของตนเอง มาตลอด บ้างก็แต่งเติมเสริมแต่งให้ดูชอบธรรม เพิ่มความหยุมหยิมมากมาย จนมันเป็นภาระ พระเยซูมาเพื่อนำเราไปถึงเป้าประสงค์ของธรรมบัญญัติ

คำว่าพระเยซูเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ กรอบของจุดจบคนไทยคืออะไร แต่แท้จริงหมายถึง พระเยซูมาเพื่อนำเราไปให้ถึงเป้าประสงค์ ของธรรมบัญญัติ ของพระบิดา นั่นคือ ธรรมบัญยัติฉบับเดิม ถ้ามันจะจบ พระเยซูจะสอนธรรมบัญญัติ 10 ประการตลอดพันธสัญญาใหม่เพื่อ อะไร ???
มันอยู่ที่ท่าทีภายในมากกว่า “ผู้ที่รักเราก็ประพฤติตามธรรมบัญญัติ” เราจึงทำด้วยท่าทีความรัก ไม่ใช่ท่าทีของทาส หรือท่าทีของความพยายาม เพื่อแลกบางสิ่งมาแบบกรอบความคิดของ ศาสนาอื่นๆ ที่ทำดีได้ดี แต่เราได้ดี เรารอด เราชอบธรรมโดยพระคุณ ที่ทรงให้เรา ไม่ใช่โดยความพยายาม อ่านดีๆ และก็เข้าใจด้วยครับ

พระเยซูมาเอาธรรมชาติบาปของเราออกไป เราจึงไม่มีท่าทีที่ค้านกับธรรมบัญญัติ อีกต่อไป คำว่าเสรีภาพ ไม่ใช่พระองค์มาทำแทน มองแบบนั้นมันง่ายไป แอกใน พระคัมภีร์บริบทนี้หมายถึงคำสอน จงเอาแอกของเราแบกไว้และเรียนจากเรา
“ยาชูวาห์ ก็สอน บัญญัติ 10 ประการด้วย ในพันธสัญญาใหม่” ถ้าพระองค์มาทำแทน พระองค์จะสอนเพื่ออะไร และ พระคัมภีร์ใหม่ ทำไมจึงสั่งให้เราประพฤติตาม

ยรม. 31:31 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์
ยรม. 31:32 ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้ทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาฝ่าฝืน ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
ยรม. 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา

การรักษาพระบัญญัติไม่ใช่แอกที่หนักอีกต่อไป พระองค์ไม่ได้มาทำการบ้านแทนเรา และเอาแอกไปแบกและเราไม่ต้องแบก (ชีวิตไม่ได้ปูด้วยพรมแดงหรือ โรยด้วยกลีบกุหลาบ) แต่โดยพระองค์ แอกและภาระนั้นก็เบาเพราะคือแอกของพระองค์ที่มาทำให้ทุกอย่างสำเร็จแล้ว

“เรียนจากเรา” คำตรัสนี้พระองค์ประสงค์ให้เราเรียนกับพระองค์ เรียนในโรงเรียนของพระองค์ คือโทราห์ อดีตเราอาจจะเรียนและศึกษาด้วยตนเองหรือด้วยความรู้ของเรา หมายความว่าด้วยความพยายามของเรานั่นเองหรืออะไรก็ตาม แต่บัดนี้โทราห์ที่บันทึกและถูกเขียนในใจของเรา เมื่อเราถ่อมใจที่จะฟังเสียงของพระองค์ พระวิญญาณจะสอนเราในวิถีทางของพระองค์

“และจิตใจของท่านจะได้หยุดพัก” เรา จะได้พักไม่ต้องตะเกียกตะกายเพื่อรักษาบัญญัติอันหนักอึ้ง และไม่ใช่เสรีภาพอย่างฟุ่มเฟือย โดยคิดว่าเราไม่ต้องทำอะไรแล้ว บัญญัติก็จบไปแล้ว พระองค์มาเพื่อเราจะรอดและรอดเพื่อรักษาบัญญัติที่บันทึกที่หัวใจของเราโดย การเดินตามและเชื่อฟัง ไม่ใช่การพยายามรักษาพระบัญญัติเพื่อจะรอด และไม่ใช่รอดแล้วไม่ต้องสนใจธรรมบัญฐัติเดิมอีกต่อไป

โทราห์ มักแปลว่ากฎหมาย ธรรมบัญญัติ แต่โทราห์คือถ้อยคำสอนของพระยาห์เวห์ เป็นคำแนะนำสำหรับชีวิต และเป็นถ้อยคำสอนของพระบิดา

มธ. 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
บางฉบับใช้คำว่า “แอกของเราก็มีความอ่อนโยน”
จงรับเอาการเรียนรู้จากองค์ยาชูวาห์ ด้วยความอ่อนโยน

การศึกษาเป็นสิ่งที่ดี เมื่อเราศึกษาพระวจนะด้วยความหิวกระหายและหิวถ้อยคำของพระองค์ เราก็จะค้นพบสิ่งล้ำค่ามากกว่าทองคำ

ที่กล่าวมา ผมไม่มีเจตนาว่าทุกคนต้องกลับไปประพฤติตามพระคัมภีรืเดิมเป๊ะๆ ห้ามโน่น นี่ นั่น เพราะแบบนั้นก็คงไม่ต่างฟาริสีในอดีตที่ประพฤติตามบัญญัติ แต่ไม่รู้จักองค์ยาชูวาห์ ด้วยซ้ำ  ยาชูวาห์ตรัสว่าพระองค์ไม่ได้มาเพื่อทำลาย ล้มเลิกธรรมบัญญัติหรือกฎหมาย (แท้จริงความหมายตรงนี้ คือ “คำสอน”)แต่พระองค์มาทำให้มันสมบูรณ์ต่างหาก ถ้าเราสังเกตุคำว่า "ทำลาย" และ "เติมเต็ม" ในบางฉบับหรือรากศัพท์จะเป็นคำนี้ เมื่อเรากลับไปที่รากและวัฒนธรรมของฮีบรู "การทำลายกฎหมาย" หมายถึงพระคัมภีร์ หรือโทราห์ของพระยาห์เวห์ ขณะที่ "ตอบสนองกฎหมาย" หรือเติมเต็ม หมายถึงการตีความที่ถูกต้องและการเข้าใจรากของความหมายอย่างแท้จริง ไม่ตีความผิด เข้าใจผิดและอธิบายผิด

สรุป "เติมเต็ม" คือการตีความอย่างถูกต้องแล้วและเป็นความจริงตามโทราห์ เติมเต็มไม่ใช่เติมเต็มตัวโทราห์และความจริง แต่เติมเต็ม คือมาเติมเต็มให้ทุกอย่างสมบูรณ์ พระองค์มารื้อฟื้นสิ่งที่พังลงขึ้นมาใหม่ ม้วนหนังสือที่บันทึกไว้ในสมัยก่อน พวกเขา (อิสราเอล) ทำไม่ได้และล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง พันธสัญญาเดิมเริ่มที่จะพยากรณ์ถึงผู้ที่จะมา “มาชีอัค” เพื่อจะมารื้อฟื้น

การรื้อฟื้นของพระองค์ไม่ใช่การรื้อฟื้นมาแล้วให้เราดำเนินเดินไปเองเหมือน เดิม เพราะอย่างนั้นแล้วเราก็ล้มลงอีกไม่ต่างจากเดิม แต่โดยกางเขนของพระองค์ ที่ทรงตรัสว่า พระองค์เป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีทางไหนเลยไปหาพระยาห์เวห์พระบิดาได้ นอกจากทางของพระองค์
เมื่อพระองค์คือโทราห์ที่มีชีวิต เมื่อเราเดินในทางของพระองค์ผู้ทรงเป็นโทราห์ ในยอห์น 1:1 ยน. 1:1 ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
* พระวาทะ = ยาชูวาห์ (พระเยซู) = โทราห์ ในภาษาเดิม

(โรม. 3:31) ถ้าเช่นนั้นเราทำให้บทบัญญัติเป็นโมฆะโดยความเชื่อนี้หรือ ? เปล่าเลย! เรากลับสนับสนุนบทบัญญัติเสียอีก
(โรม. 2:13) เพราะผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรพระเจ้าไม่ใช่ผู้ ที่ได้ยินได้ฟังบทบัญญัติ แต่ผู้ที่ทำตามบทบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าจะทรงประกาศว่าเป็นผู้ชอบธรรม

(สดุดี 19:7) บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณกฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา

(ยากอบ 1:25 2:12) ส่วนผู้ที่พินิจดูบทบัญญัติอันสมบูรณ์ซึ่งให้ เสรีภาพและทำสิ่งนี้ต่อไปโดยไม่ลืมสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ปฏิบัติตาม เขาก็จะได้รับพรในสิ่งที่ตนทำ

หลายคนได้หักแอกนั้นไปเสีย ยรม. 5:5 ข้าพระองค์จะไปหาพวกผู้ใหญ่ และจะพูดกับพวกเขา เพราะเขารู้จักพระมรรคาของพระยาห์เวห์ และรู้จักพระบัญญัติของพระเจ้าของเขา” แต่พวกเขาทุกคนก็ได้หักแอกเสีย เขาได้ทำลายโซ่ตรวนเสีย

ขออนุญาตสรุปจาก อีกบทความหนึ่งที่นำมารวบรวมเข้าด้วยกัน

มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก

จงเอาแอกของเรา คือพระเยซู แบกไว้ คำว่าแอก คืออุปกรณ์ที่ใช้ใส่คอของสัตว์ เช่นวัว และเทียมคู่กันไป ซึ่งจะช่วยผ่อนหนักเบาให้กับ วัวตัวนั้น แอกของพระเยซู เมื่อพระองค์บอกว่าจงเอาแอกของพระองค์แบก ไม่ใช่ว่าพระองค์มาแบกแทน และเราไม่ต้องทำอะไรเลย เมื่อเรารอดแล้ว เราก็ควรจะดำเนินตามทางของพระองค์ด้วย
แต่ก่อนมนุษย์อาจจะ พยายามรักษาบทบัญญัติ ที่อยู่ในหนังสือม้วน แถมเพิ่มเติม เสริมแต่งให้มากขึ้นไปอีกจนกลายเป็นภาระ มนุษย์จึงล้มลงและไม่สามารถแบกต่อไปได้

แต่เมื่อพระบุตร คือพระเยซู (Yeshua) มาพระองค์มาเพื่อรื้อฟื้นสิ่งที่ล้มลง คำสอน คำแนะนำของพระบิดา (พระ Yahweh) กลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง นั่นคือโทราห์ของพระองค์ พระองค์มาทำทุกอย่างสำเร็จ ในสภาพเนื้อหนัง ของความเป็นมนุษย์ พระองค์สามารถเอาชนะอุปสรรคที่มนุษย์ไม่สามารถเอาชนะได้ พระองค์มาเพื่อเอาธรรมชาติบาปของมนุษย์ออกไปและ ประทานธรรมชาติใหม่ให้กับเราทั้งหลาย

ดังนั้น “จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา” หมายถึงการยอมรับการครองราชย์ หรือการครอบครองของพระเจ้าในชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ในพระองค์ และติดตามพระองค์ นอกจากนี้ยังหมายถึงการรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า (โทราห์) ด้วย

เราจะไม่ดำเนินในธรรมบัญญัติที่เป็นภาระโดยมือมนุษย์ หรือด้วยการพยายาม แต่เราจะดำเนินตามธรรมบัญญัติ ที่หมายความว่า “คำสอน” ในแบบที่พระองค์สอนเรา และดำเนินมา พระองค์จะเคียงคู่ไปกับเรา (พระองค์จะดำเนินไปกับผม และคุณ)

"โทราห์" มักจะแปลว่าครั้ง 'กฎหมาย' แต่โทราห์ได้รับจากพระเจ้าเป็นชุดของคำแนะนำสำหรับวิธีดำเนินชีวิตทั้งชีวิต ถ้าแปลที่ดีกว่าคือ "คำแนะนำของพระเจ้า"

จงเรียนรู้จากพระองค์ ในโรงเรียนของพระเยซู พระเมสสิยาห์
ยน. 14:15 “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา

ยน. 14:21 ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา”

ยน. 14:23 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา

ยน. 14:24 คนที่ไม่รักเราก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำที่พวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา

Shanah Tovah

ชาโลม 5774
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ktm.shachah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...