มาระโก7
ธรรมบัญญัติ หรือ บัญญัติของมนุษย์
ธรรมบัญญัติ หรือ บัญญัติของมนุษย์
วันนี้ขอมาแนว สบายๆ ครับ เรื่องธรรมบัญญัติเราอาจจะพูดกันมาเยอะ วันนี้ขอแบ่งปันบางมุมในเรื่องธรรมบัญญัติที่แท้จริง
ส่วนอันไหนจริง คือบัญญัติแท้โดยพระยาห์เวห์ หรือบัญญัติที่เราไม่อยากแบกแต่กลับไปแบกหรือกลัวจนตัวสั่นว่าเราต้องกลับไปแบก หรือเป็นเดือดเป็นร้อนและ ตัดสินคนอื่นโดยเอาธรรมบัญญัติเทียมมาเป็นตัววัด วันนี้เราลองมาดูสิ่งที่พระเยซูสอนเราทุกคน
มก. 7:1 พวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์บางคนที่มาจากกรุงเยรูซาเล็มมาห้อมล้อมพระองค์
: อ่านข้อแรกถ้าเราเป็นพระเยซูคงรู้สึกถึงรังสี การลองดีได้เลยล่ะ
มก. 7:2 พวกเขาเห็นสาวกบางคนของพระองค์รับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน คือไม่ได้ล้างมือ
: ตอนนี้ฟาริสีเริ่มจ้องเขม่นพระเยซูและ สาวกของพระองค์ สาวกคือผู้ที่เดินตามรอยเท้าของพระองค์ พระเยซูเองไม่เคยฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ และไม่แย้งกับคำสอนของพระบิดา สาวกเดินตามพระเยซูผู้เป็นโทราห์ (ธรรมบัญญัติที่มีชีวิต) การรับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน ไม่ได้เป็นข้อชี้เป็นชี้ตายของพระเจ้า ที่สั่งเรา นอกจากมือเราจะสกปรกและกินเชื้อโรคเข้าไปเอง
มก. 7:3 (เพราะว่าพวกฟาริสีกับพวกยิวทุกคนถือตามคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษว่า ถ้าไม่ได้ล้างมือตามพิธีโดยเคร่งครัดแล้ว จะไม่รับประทานอาหารเลย
: ดังนั้นคำสอนที่ตกทอดมาเอง คือแอก คำสอนของฟาริสี นี่ต่างหากคือแอกที่พระเยซูพูดถึง ประเพณีที่มนุษย์สร้างขึ้นให้ตนเองดูดีชอบธรรม ท่าทีที่ฟาริสีอธิษฐาน ก็เพื่ออวดคนอื่น พระเยซูก็แหกกฎสะบาโต โดยรักษาคนเจ็บป่วย แต่ไม่ได้ยกเลิกสะบาโต
มก. 7:4 และเมื่อพวกเขามาจากตลาด ถ้าไม่ได้ทำการชำระล้างก่อน พวกเขาก็ไม่รับประทานอาหาร และยังมีธรรมเนียมอื่นๆ อีกหลายอย่างที่พวกเขายึดถือ คือการล้างถ้วย เหยือกและภาชนะทองสัมฤทธิ์)
: พระคัมภีร์บอกว่ามีอีกหลายธรรมเนียมที่เขายึดถือ นั่นแสดงว่ามีการบิดเบือนมากกมาย ที่สร้างภาระมากมายให้กับผู้เชื่อ พระเยซูมาเพื่อปลดแอกพวกนี้ พระองค์พูดเองว่า ไม่ได้มาลบล้างธรรมบัญญัติ แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ
มธ. 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ
รม. 10:4 เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม
และพระองค์ตรัสอีกว่าทรงมาเพื่อเป็นจุดจบ (หรือเป้าประสงค์) ของธรรมบัญญัติ พระองค์มานำเราไปให้ถึงธรรมบัญญัติแท้ ไม่ใช่แอกที่มนุษย์ด้วยกันสร้างขึ้นมาเป็นภาระ
พระเยซูตรัสว่า
มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก
แอกของพระองค์ก็คือคำสอน เมื่อพระองค์คือธรรมบัญญัติที่มีชีวิต เราไม่ได้แบกแอกด้วยตนเอง หรือแบกแอกของธรรมเนียมหยุมหยิมที่สร้างความสับสน พระองค์มาชี้เป้าประสงค์ให้เราไปถึง แบบทางเดียว คือทางพระองค์
ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
มธ. 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
มก. 7:5 พวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์จึงทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกสาวกของท่านไม่ประพฤติตามคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ แต่กลับรับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน?”
: ตอนนี้ฟาริสีเริ่มจะทดสอบพระองค์ด้วยวิญญาณที่เคร่งศาสนาของพวกเขา และบรรพบุรุษของพวกเขาที่สร้างกฎหมายบัญญัติเพิ่มเติมเข้ามา และเขาคิดว่าเขาชอบธรรมโดยธรรมบัญญัติอันเคร่งครัดมากกว่าพระองค์ เขาตัดสินพระองค์ไม่ได้มาจากพระวจนะคำ แต่ตัดสินจากธรรมเนียมที่ยึดถือและสืบทอดมา เขาเคร่งด้วยการแบกคำสอนเท็จอันหนักอึ้งบนบ่าเขาเอง
มก. 7:6 พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “อิสยาห์พยากรณ์ถึงพวกท่านคนหน้าซื่อใจคด ก็ถูกต้องแล้วตามที่เขียนไว้ว่า ‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของพวกเขาห่างไกลจาก
: พระเยซูกำลังบอกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เพียงเปลือกนอกที่เคร่งศาสนา เพราะบัญญัติที่มนุษย์ยัดใส่เข้ามาทำให้ มนุษย์พึ่งพิงในธรรมบัญญัติแบกธรรมบัญญัติ ตะเกียกตะกายด้วยตนเอง จนใจพวกเขาห่างจากพระเจ้ามากขึ้นทุกทีๆ
ฟาริสีเองไม่รู้จักพระเมสสิยาห์ทั้งที่พวกเขาเคร่งศาสนา เขาไม่รู้จักพระองค์เลย
มก. 7:7 พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน’
: พระเยซูกำลังสื่อให้เขาและเรารู้ว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่การนมัสการเลย และเอาคำสอนของตัวเอง มาอ้างว่าเป็นคำสอนในธรรมบัญญัติ
มก. 7:8 พวกท่านละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า และกลับไปยึดถือถ้อยคำของมนุษย์ที่สอนต่อๆ กันมา”
: หลายคนคิดว่า ฉันไม่ได้ไปไหว้รูปเคารพ ไปไหว้รูปวัวทองคำ นี่นา ฉันเชื่อพระเยซูนี่นา แต่ฉันไม่เอาธรรมบัญญัติเดิมที่เป็นภาระหรอก
ก็แบบที่ผมแบ่งปันไปว่า เราต้องแยกให้ออกระหว่าง โทราห์ (ธรรมบัญญัติแท้) กับบัญญัติที่มนุษย์ยัดใส่เข้าไป หลายคนตีความว่า เรากลับไปยึดคำสอนมนุษย์ แท้จริงไม่ใช่เลย และที่เรื่องนี้จบไม่ลงเพราะต่างคนต่างมองคำว่า ธรรมบัญญัติที่แตกต่าง และมองเป็นภาระ
ลองคิดกลับดูว่า “ท่านละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า ..หมายถึงใคร?”
คริสตจักรทุกวันนี้ (ย้ำว่าบางแห่ง) ยังยึดคำสอนของมนุษย์และบางคนรู้ แต่ก็เดินตามนั้นเพราะ ศบ หรือผู้นำ หรือ คณะที่เป็นใหญ่ออกกฤษฎีกา ออกมา ไม่งั้นปลด โบสถ์ต้องมีขั้นตอนแบบนี้ๆๆๆ ไม่แบบนั้นเพี๊ยน นี่ต่างหากคำสอน และธรรมเนียมของมนุษย์
มก. 7:9 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “วิเศษจริงนะ ที่พวกท่านได้ละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า เพื่อจะได้ยึดถือคำสอนที่รับมาจากบรรพบุรุษ
บางฉบับใช้คำว่า เขาได้ปฏิเสธธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ และสร้างประเพณีของตัวเองขึ้นมา
รม. 3:31 ถ้าเช่นนั้นเราลบล้างธรรมบัญญัติด้วยความเชื่อหรือ เปล่าเลยเรากลับสนับสนุนธรรมบัญญัติเสียอีก
หมายถึง พระองค์บอกว่าตัวพระองค์เองมาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ด้วยความเชื่อหรือ ? (อีมูน่า = ความเชื่อ = คำสอนของพระยาห์เวห์) เปล่าเลย เราเองสร้าง (สถาปนา) ธรรมบัญญัติ
หรือพระองค์มาลบล้างคำสอนของพระยาห์เวห์ ด้วยความเชื่อในคำสอนของพระยาห์เวห์หรือ ไม่ใช่แน่นอน
คส. 2:14 พระองค์ทรงฉีกกรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆ ซึ่งขัดขวางเรา และได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้นโดยทรงตรึงไว้ที่กางเขน
ใน ภาษาเดิมที่ไม่ได้แปลจากฉบับกรีก คือพระองค์เอาเนื้อหนังไปตรึง หมายถึงบัญญัติที่ประมาณพวกฟาริสีตั้งขึ้นเสริมนั่นนี่จนกลายเป็นภาระ หลายคนทำได้ แต่มันกลายเป็นเนื้อหนังที่ควบคุม หลายคนก็ล้ม สรุปคือไม่มีใครไปถึงปลายทางได้ พระเยซูเอาไปตรึงที่กางเขนแล้ว
พระองค์ ทรงยกเลิกกฎหมายกระดาษต่างๆที่เขียนด้วยลายมือมนุษย์ หมายถึงมาจากมนุษย์ที่ตั้งขึ้นมาและมันเป็นภาระ และเป็นอุปสรรค์ และมันได้มาต่อต้านพระองค์ และผูกมัดเราไว้ แต่พระองค์ได้เอามันออกไปจากเส้นทางของเราแล้ว และเอามันไปตรึงเสียที่กางเขน
ความหมายพระวจนะในตอนนี้จึงไม่ใช่ ธรรมบัญญัติ ที่มาจากพระโอฐของพระองค์เอง
ในฉบับ 2011 THSV คส. 2:14 พระองค์ทรงฉีกเอกสารหนี้ที่มีคำสั่งต่างๆ ซึ่งต่อสู้และขัดขวางเรา และทรงขจัดไปเสียโดยตรึงไว้ที่กางเขน
เรา จะเห็นชัดเจนมายิ่งขึ้นว่า ในฉบับนี้ได้มีการแปลใหม่ โดยไม่ได้ใช้คำว่า บัญญัติ ให้เราได้สับสน แต่ใช้คำว่า คำสั่งต่างๆ ที่ขัดขวางระหว่างเรากับพระเจ้า พระองค์ได้ฉีกมันทิ้งไป โดยตรึงที่กางเขน
ชาโลม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น