พระองค์กำลังรื้อฟื้นธรรมบัญญัติกลับมา
อย่างพึ่งเบื่อกับพระวจนะตอนนี้นะครับ จากกระทู้ที่ผมตั้งไปให้แยกให้ออกก่อนระหว่าง บัญญัติธรรมเนียมประเพณีของมนุษย์ (ฟาริสี) กับธรรมบัญญัติ (Torah) ของพระยาห์เวห์ โทราห์ที่หลายคนบอกหมายถึงคำสอนของพระยาห์เวห์ บางครั้งหมายถึงลูกศรที่ยิงออกไป ให้ตรงเป้าหมาย
รม. 10:4 เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม
คำว่าจุดจบในที่นี้ ถ้าอ่านในฉบับที่แปลมาโดยตรงไม่ได้แปลมาจากกรีก จะมีความหมายว่า ทรงเป็น เป้าประสงค์ หรือเป้าหมายของธรรมบัญญัติ (โทราห์) นั่นเอง
: พระองค์มาเพื่อนำเราไปถึงพระประสงค์แท้ของพระเจ้า พระเจ้าประทานบัญญัติไม่ใช่ให้เป็นภาระของเราแต่โดยความรักเพื่อให้เรา บริสุทธิ์ และบริสุทธิ์ในที่นี้คือ Kadosh คาโดช ไม่ได้หมายถึง ไร้ตำหนิ ขาวจั๊ว หรือโฮลี่ แต่บริสุทธิ์ ในความหมายของคาโดช หมายถึง การแยกออกมา หรือถูกแยกไว้เพื่อพระเจ้าโดยเฉพาะ
ธรรมบัญญัติจึงมีจุดมุ่งหมายเป็นกระจกให้เราเห็น หรือแยกเราออกจากสิ่งที่เป็นโลกและซาตานจะดึงเราเข้าไป
แต่เนื่องจากมนุษย์ได้เพิ่มเติมหลายสิ่ง และธรรมเนียมต่างๆเข้าไปมากมายจน ธรรมบัญญัติเละเทะ ป่นปี้และพังลง พระองค์มาเพื่อรื้อฟื้น
ในภาษาฮีบรู
บารา: คือการสร้างจากสิ่งที่ไม่มีให้มี (ทรงสร้างโลกและสรรพสิ่ง)
ยูอีบรา: คือการสร้างจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
หรือ การ Renew รีนิว (รื้อฟื้น)
พระเยซูไม่ได้มา สร้างบัญยัติใหม่ ยุบบัญญัติเดิม และเห็นว่าของเดิมมันเป็นภาระ เลยยุบหายไปซะและทำแทนเราสิ้นเรื่อง … ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน
ในมัทธิว 5:17 คำว่ามาทำให้สมบูรณ์ตามนั้นทุกประการ
สมบูรณ์ จึงหมายถึง การเติมเต็ม หรือมาสอนตามนั้นทุกประการ
พระเยซูก็สอน บัญญัติ 10 ประการให้เราเห็นด้วย ในพันธสัญญาใหม่ด้วย
เราไม่ได้พยายามแบกธรรมบัญญัติและตะเกียกตะกายให้ตัวเองรอด แต่เรามีธรรมชาติใหม่
ที่พระเยซูใส่ให้กับเรา โดยการแลกเอาธรรมชาติเก่าคือเนื้อหนัง ไปตรึงที่ กางเขน
กท. 5:24 ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว
เราจึงไม่ได้พยายามเพื่อจะรอด แต่เราได้รับความรอดเพื่อดำเนินตาม พระเยซูทุกประการ
(พระเยซูก็รักษาธรรมบัญญัติ และเราก็ไม่เห็นใครจะดีเบทโต้พระเยซูเลยว่า ไปเอาธรรมบัญยัติเดิม)
หลายคนบอกว่าเรารอดแล้วโดยพระคุณ บางคนขนาดอ้างว่า ยุคพระเยซูคือยุคของพระคุณ และยุคพันธสัญญาเดิมคือยุคของพระเดช ตายสถานเดียว จริงแบบนั้นหรือ ??
: แท้จริง คำว่าพระคุณ = ความโปรดปราน เป็นรากของคำเดียวกัน บางครั้งใช้คำว่า พระเมตตา (กรุณา)
เราจึงอยู่ใต้พระคุณตั้งแต่สร้างโลก พระคัมภีร์เดิมใช้คำว่าโปรดปราน พระคัมภีร์ใหม่หลายตอนใช้พระคุณ คือรากคำเดียวกัน
ดาวิดทำบาป แต่พระเจ้ายังโปรดปราน (พระคุณ) ต่อดาวิด
ยน. 14:21 ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา”
กท. 5:18 แต่ถ้าท่านทั้งหลายได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณ ท่านก็ไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ
: พระวจนะตอนนี้หลายคนนำมาบอกว่า พระวิญญาณทรงนำแล้ว เราก็ไม่ได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ คือไม่ต้องไปเป็นทาสของธรรมบัญญัติอีกต่อไป (ย้อนไป บัญญัติที่หลายคนรังเกียจ ผมดีใจที่มันคือบัญญัติมนุษย์) แต่อย่าตีความว่า ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ เป็นแอกและภาระ
: แท้จริงพระวจนะตอนนี้ ในฉบับราก (Hebraic) ให้คำที่เข้าใจได้ว่า “แต่ถ้าเราได้รับการทรงนำในพระวิญญาณ เราก็ไม่อยู่ภายใต้ระบบที่ค้านกับโทราห์” คือไม่อยู่ภายใต้ระบบที่ค้านกับธรรมบัญญติของพระยาห์เวห์
ยรม. 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา
ฮบ. 8:10 นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับชนชาติอิสราเอล ภายหลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในดวงใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
ฮบ. 10:16 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลาย หลังจากสมัยนั้น เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในจิตใจของพวกเขา”
เราจึงไม่ได้กลับไปเดินในวิญญาณศาสนา ไปเดินในธรรมเนียม ไปเดินในประเพณีของมนุษย์ ภาระของเรามันคือธรรมชาติบาปของเรา บางคนทำความดีประพฤติดี เพราะธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมได้หล่อหลอมเขามาแบบนั้น
แต่บางคนประพฤติดีแค่เรื่องเดียวมันยากแสนเข็ญ ทำยากมากๆ ถ้าใครเป็นครูอาจารย์คงจะเข้าใจว่า เด็กบางคนสอนให้ทำดีประพฤติดีง่ายมาก บางทีไม่ต้องสอนก็ทำเองได้ แต่บางคนทั้งตี ทั้งดุ ทั้งว่า ทั้งทำโทษ แต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน นี่คือธรรมชาติบาป
อิสราเอลที่ออกมาจากอียิปต์มีธรรมชาติบาปตัวนี้แหละ เขาถึงกลายเป็นตัวร้ายในพระคัมภีร์ที่เราอ่านและเรา กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ดื้อเสียจริง เขาอยู่อียิปต์มากี่ร้อยปี ซึมซับอะไรมาบ้าง ยากนักที่เขาจะต้องอยู่ภายใต้ระบบที่ค้านโทราห์อยู่แล้ว
พระเยซูจึงมาเพราะเหตุนี้ มาซื้อ มาไถ่เราจากอำนาจความบาป ไถ่เราแล้วไม่ใช่เราใช้เสรีภาพ และเราคิดว่าเราได้ปลดแอกตำสอนเอาเบาของพระองค์ออกไปด้วย ไม่ใช่เลย พระองค์ปลดแค่แอกของฟาริสี ของวิญญาณที่ครอบงำเราออกไป
เราไม่สามารถทำตามธรรมบัญญัติได้ทั้งหมด ไม่มีทาง มีแต่พระเยซูผู้เดียวเท่านั้น แต่เมื่อเราพลาด พระวิญญาณนำเรา และเราเข้าสู้โหมดการกลับใจ สำนึกมาที่พระองค์ ส่วนตัวผมเชื่อเช่นนั้น ว่าเราพร้อมจะไปต่อได้
ส่วนคำว่า มิทวา mitzvah ที่มีความหมายถึง บัญญัติ 613 ข้อจนดูน่ากลัวนั้น แท้จริงคำนี้มีความหมายที่คล้ายกันกับ Torah คือหมายถึง ข้อบังคับของพระยาห์เวห์ หรือการกระทำที่มีคุณค่า
ซึ่งก็แตกย่อยมาจากบัญญัติ 10 ประการนั่นเอง
ส่วนเรื่องสะบาโต หลายคนถามไม่ตรงวันจะรอดไหม ?
ตอบส่วนตัวก่อนครับว่า ผมเชื่อว่ารอด แต่ท่าทีเราเป็นเช่นไรลองมองย้อนไป ถ้าเรารู้ความจริงและปฏิเสธ กับ เรารู้ความจริงแต่เรามีความจำกัดและถูกผูกมัดด้วยงานประจำ แต่เรามีหัวใจอยากสะบาโตเหลือเกิน และเราอาจจะหาวันอื่น หรือในช่วงพักหรือกลับบ้าน เราเข้าให้เวลา และใช้เวลากับพระเจ้า … ผมว่าผลต่างกับคนที่ไม่สนใจจะสะบาโตเลยครับ
ถ้าเราเชื่อว่า ธรรมบัญญัติ(โทราห์) กับ การเจิม ไปด้วยกัน
เราต้องมองเห็นภาพของ
โมเสส และ เอลียาห์ ที่คู่กันเสมอ
โมเสสคือภาพเล็งถึง โทราห์
เอลียาห์ คือ การเผยพระวจนะ .. และสองสิ่งจะไม่ค้านกันเอง
โทราห์คือคู่มือการดำเนินชีวิตครับ
: ผมเชื่อว่าเวลาเราซื้อมือถือ ไอแพด ไอโฟน ซื้อรถยนต์ น้อยคนนักจะอ่านคู่มือ และน้อยคนลงไปอีกจะท่องคู่มือทั้งเล่ม ถ้าท่านซื้อ มือถือสักเครื่อง ท่านลองท่องคู่มือทั้งหมดเลยนะครับ ว่าจะจำได้ไหม ??
เช่นเดียวกัน เราอ่านคู่มือ เราท่องได้จำได้บางส่วน กี่คนที่จะท่องได้ทั้งเล่ม และคนที่ท่องได้ทั้งเล่ม จะมีวิญญาณแบบไหน บัญญัติ 10 ประการอาจจะไม่เท่าไร แต่ 613 ข้อใครท่องได้หมดก็เยี่ยม
แต่เมื่อเราอ่านและพิจารณา พระวิญญาณทั้งเจ็ด จะนำเรา สอนเรา ดึงเอาสิ่งและส่วนที่เรารักษาคือ อ่าน ออกมา โทราห์ที่จารึกไว้ จะถูกนำออกมาและพระวิญญาณจะนำเราแน่นอน
มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก
มธ. 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
ถ้าพระเยซูสอนบัญญัติ 10 ประการ ผมเชื่อว่าข้อปลีกย่อยก็มีบ้าง ดังนั้นการปลดแอกฟาริสีลง และแบกแอกของพระเยซู
แอกพระเยซู = คำสอน = ธรรมบัญญัติ
พระวจนะบอกว่า ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา
จงเรียนรู้จากพระองค์ คำว่า สาวก ในภาษาฮีบรู คือผู้ที่มีชีวิตร่วมกับพระเยซู
มาดูเรื่องพระคุณกันสักนิด ขอย้อนหน่อยครับ
อฟ. 2:8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้
ยก. 2:26 เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น
แบบนี้ ยากอบ กับเปาโล สอนค้านกันหรือ ?
ความเชื่อในภาษาฮีบรู คือความเชื่อที่เจาะจงลงไป คือความเชื่อที่เป็นคำเฉพาะ (Emunah ,อีมูน่า) หมายถึง ความเชื่อในถ้อยคำ ในคำสอน (ธรรมบัญญัติ) ของพระยาห์เวห์ หรือ เชื่อในแก่นสารของโทราห์
ดังนั้นใน เอเฟซัส 2:8 จึงหมายถึง เรารอดโดยพระคุณ เพราะความเชื่อใน >> ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ ในแก่นสารของโทราห์ มิใช่โดยเราเราพยายามเอง (ทำเองตามธรรมเนียมเอง)
ดังนั้น ยก. 2:26 เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อ (อีมูน่า) ที่ปราศจากการประพฤติตาม (mitzvoth) ก็ไร้ผลฉันนั้น
ในภาษาเดิมใช้คำว่า mitzvoth หมายถึงคำสอน และข้อบังคับของพระยาห์เวห์ด้วย
กจ. 15:10 เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านทั้งหลายจึงทดลองพระเจ้าโดยวางแอกบนคอของพวกสาวก ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษหรือเราเองแบกไม่ไหว
: พระคัมภีร์ตอนนี้ไม่ได้พูดถึงโทราห์ หรือธรรมบัญญัติ
สิ่งที่เปาโลพูดว่าเป็นภาระหนัก อึ้งทำไมต้องไปวางบนคอของสาวก นั่นคือ โทราห์หรือ ไม่ใช่เลย
ถ้าเปาโลพูดแบบนั้นเปาโลก็ไม่ได้พูดจริง เพราะในสดุดี บอกว่า บัญญัติของพระเจ้าไม่ใช่ภาระหนัก สิ่งที่มนุษย์เติมแต่ง จะเอามาเป็น ภาระทำไม นี่คือที่มา แอกของฟาริสี
กิจการ 15:10 จึงไม่ได้พูดถึงโทราห์
บัดนี้เราจึงมีธรรมชาติใหม่ในการเชื่อฟังโทราห์ (ธรรมบัญญัติ)
1ยน. 5:3 เพราะว่าความรักต่อพระเจ้าเป็นอย่างนี้ คือเมื่อเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระหนักเกินไป
ผมเชื่อว่าบทความนี้เขียนด้วยความตั้งใจภายในในการอธิบายถึงท่านที่ มีความเชื่อว่าธรรมบัญญัติเดิมได้จบและสิ้นไปแล้ว และผมขียนขึ้นมาเพื่อ สื่อด้วยความรักว่า ธรรมบัญญัติที่หลายคนบอกว่าเราบ้ายิวนั้น ลองแยกให้ออกระหว่าง บัญญัติแท้ๆ และธรรมเนียมของมนุษย์ครับ
ขอฝากบทความเสริมในเรื่อง การแยกให้ออกระหว่างธรรมบัญญัติของพระเจ้า กับ บัญญัติที่เป็นประเพณีและธรรมเนียมของมนุษย์ครับ
http://www.missionkorat.blogspot.com/2013/03/7.html
ชาโลม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
Ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น