มองหาความเปรมปรีดิ์(สิ)
แต่มันเสียเวลาเปล่า เพราะเราไม่สามารถไปกำหนดสภาพดินฟ้าอากาศได้ เราคิดแต่ว่า ถ้าอาศไม่ร้อนฉันจะทำสิ่งนั้นได้ สิ่งนี้ได้ ฉันจะอ่านพระคัมภีร์ได้ ฉันจะอธิฐานได้สบายๆ หรือเราคาดหวังกับคนรอบข้างให้เป็นแบบนั้น แบบนี้ แล้วเราจะพอใจ เราจะรู้สึกดี
ทำไมเราไม่คิดล่ะว่าทุกวันคือสิ่งดีที่มาจากพระเจ้า วันๆเราคิดถึงแต่สิ่งดีที่อยู่ในอนาคต และลืมว่าทุกวันและทุกเวลาที่เราอยู่คือสิ่งดีที่พระองค์ประทานให้เพื่อถวายเกียรติแด่ระองค์ ไม่ว่าจะร้อนแค่ไหน และอยู่ในสถานการณ์อะไร
พระเจ้ามีแผนการของพระองค์เราอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ จงเรียนรู้ในสถานการแต่ละวันและยืนหยัดด้วยความหนักแน่น เราอาจะต้องเผชิญปัญหามากมายที่ดูเหมือนจะขัดกับแผนการของพระเจ้า แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นอุปสรรคขวางกั้นความเชื่อที่เรามีต่อพระองค์ แต่ให้เราเรียนรู้ว่า หากไม่มีพระเจ้า ปัญหาต่างๆก็จะผ่านไปเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อมันกลับมาเราก็จะย่ำแย่ลงอีก
เราควรทำตัวให้มีความสุขและทำความดีในขณะที่ยังมีลมหายใจยังมีชีวิต พระเจ้าต้องการให้เราสนุกกับชีวิตของเรา ให้เรามีมุมมองแบบพระเจ้า มองผ่านสายตาของพระองค์สิ มองในสิ่งที่พระองค์มอง รักในสิ่งที่พระองค์รัก ดำรงค์ไว้ซึ่งสันติสุขทั้งที่สถานการณ์รอบข้างมันแย่และเลวร้าย
ความสุขที่แม้จริงมาจากการชื่นชมยินดีในสิ่งต่างๆที่ได้รับจากพระเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่เราสั่งสมขึ้นมาเอง
ในทุกวันมีสิ่งให้เราได้เปรมปรีดิ์ เพียงแต่เราต้องมองหามันว่าอยู่ที่ไหน?
"สำหรับเขาไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าเปรมปรีดิ์ และร่าเริงตลอดชีวิต"
ปัญญาจารย์ 3:12 (อ่านบทที่ 3 ทั้งหมด)
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น