การเตรียมดินดี
พระเจ้ามองดูอนาคตน่าจะไปได้ไกลและเป็นกำลังที่สำคัญของคริสตจักร ใช่! หลายคนเป็นเช่นนั้น แต่อีกหลายคนก็ไม่ และเลิกราไปในที่สุด
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงฟังคำอุปมาด้วยผู้หว่านพืชนั้น เมื่อผู้ใดได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาพืชซึ่งหว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชที่หว่านตกริมหนทาง และเมล็ดพืช
ที่หว่านตกในที่ดินซึ่งมีพื้นหินนั้นได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะแล้วก็รับทันทีด้วยความปรีดี แต่ไม่ฝังลึกในตัวจึงทนอยู่ชั่วคราว และเมื่อเกิดการยากลำบาก หรือการข่มเหงต่างๆ เพราะพระวจนะนั้น เขาก็เลิกเสียในทันทีทันใด
และพืชซึ่งหว่านกลางหนามนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ฟังพระวจนะ แล้วความกังวลตามธรรมดาของโลก และความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติรัดพระวจนะนั้นเสีย จึงไม่เกิดผล ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระ
วจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง"
มัทธิว 13:18-23
1.เมล็ดพืชริมทาง (มัทธิว 13:18-19)
พระองค์ตรัสว่าใครก็ตามที่ได้ยินเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ และได้ถูกมารแย่งชิงเอาไป
ใน อิสยาห์ 6:9-10
"ไปเถอะและกล่าวแก่ชนชาตินี้ว่า
ฟังแล้วฟังเล่า แต่อย่าเข้าใจ
ดูแล้วดูเล่า แต่อย่ามองเห็น
จงกระทำให้จิตใจของชนชาตินี้มึนงง
และให้หูทั้งหลายของเขาหนัก
และปิดตาทั้งหลายของเขาเสีย
เกรงว่าเขาจะเห็นด้วยตาของเขา
และเข้าใจด้วยจิตใจของเขา
และหันกลับมาได้รับการรักษาโรคให้หาย"
ในอิสยาห์นี้เองพระเจ้าบอกอิสยาห์ว่า ประชาชนจะฟังแต่จะไม่ถ้อยคำของอิสยาห์เพราะเขาปิดใจและดื้อด้านเกินกว่าจะกลับใจใหม่ เขากบฏต่อพระเจ้าเรื่อยๆ จนพระองค์หมดความอดทน การพิพากษาของพระองค์ที่มีมาถึง
คือการปล่อยให้พวกเขากบฏ และมีจิตใจที่แข็งกระด้างและดื้อด้านต่อไป
ให้เราเป็นดินดีอย่ามีจิตใจที่ดื้อด้านและแข็งกระด้าง
2.เมล็ดพืชบนหิน (มัทธิว 13:20-21)
ครั้งหนึ่งที่ผมเดินไปหลังบ้านและไปถอน ต้นพืชบางต้นที่ขึ้นไม่เป็นที่เป็นทาง บางต้นที่ขึ้นตามก้อนหินนั้น ต้องถอนทิ้ง และเวลาถอนนั้นมันถอนง่ายมากเพราะรากมันไม่สามารถเจาะทะลุหินลงไปหยั่งรากและยึดเกาะได้ ความ
มั่นคงของมันอยู่ที่รากนั่นเอง
แบบนี้เองเมื่อเกิดความยากลำบากขึ้นในชีวิต ต้องผ่านไปพบเจอกับอุปสรรค ถูกข่มเหง ก็มักถอดใจไม่มีความมั่นคงและเลิกราไป
เมื่อใดที่เจอพระพรก็ยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระพร แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ถูกทดลองเขาเหล่านั้นก็หลงเสียไป
3.เมล็ดพืชกลางพงหนาม (มัทธิว 13:22)
พระคัมภีร์บอกไม่ให้เราพะวักพะวน และบ่อยครั้งแค่ไหนที่เราไม่ยอมรับว่าเราก็เป็นเช่นนั้น เรากังวลเรื่องต่างๆนานา โดยที่เราขาดความเชื่อมั่นในพระเจาผู้เป็นผู้เลี้ยงดู
เรากังวลถึงเงินทองจนบางครั้งก็เป็นรูปเคารพในชีวิตของเรา ผมไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องหาเงินหรือทำงานใดๆเลย แต่อย่าให้เราเห็นสิ่งเหล่านั้น เห็นเงินเป็นพระเจ้าในชีวิต อย่าให้ความโลภครอบงำชีวิตของเรา
เราอยากมีบ้านเพราะเพียงเพื่ออยู่อาศัย หรือเราอยากมีบ้านหลังใหญ่ๆโตๆแบบที่เศรษฐีเขามีกันแล้วเราอยากมีบ้าง อยากมีเพราะจะได้มีหน้ามีตาในสังคม
อย่าให้เราถูกสิ่งเหล่านี้รัดเสียจนชีวิตไม่เกิดผล อย่าหลงระเริงกับความสนุกสนานของโลกนี้ที่คอยดักจับเราอยู่
4.เมล็ดพืชในดินดี
เราจะไม่มีวันโต และจะรอแต่วันเหี่ยวเฉาและตายไป ถ้าเมล็ดนั้นไม่ได้อยู่ในดินดี
เมล็ดพืชในดินดีนั้นคือผู้ที่ได้ยินพระวจนะและเข้าใจก็เกิดผลร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่าของที่หว่านลงไป
ต้นที่เกิดในดินดีนั้นคือต้นที่รอวันเติบโตและแข็งแรงคือการที่เรามีจิตใจที่เลื่อมใสศรัทธาในพระวจนะและจดจำไว้และประพฤติตามพระวจนะนั้น
มันจะเกิดผลหรือไม่ไม่ได้อยู่ที่การกำหนดของพระเจ้าที่จะให้ดินดีหรือไม่ดี แต่เราเตรียมดินที่ดีไว้รอการหว่านหรือยัง?
ถึงเวลาหรือยัง?ที่จะกำจัดอุปสรรคออกไป
1.จงรับเอาพระวจนะนั้น อย่าดื้อด้าน และอย่ามีใจที่แข็งกระด้าง
การดื้อด้นและมีใจที่แข็งกระด้างคือใจที่ปิดต่อการรับแม้ว่าจะหว่านอะไรลงไปก็เป็นเช่นเมล็ดที่ตกริมทาง จงกลับใจใหม่และเปิดใจรับเอาพระวจนะของพระเจ้ามาปลูกฝังในชีวิต
ให้เราเป็นดินดีอย่ามีจิตใจที่ดื้อด้านและแข็งกระด้าง
2.จงยืนหยัดมั่นคงเมื่อเผชิญกับปัญหาและความยากลำบาก
พระเยซูไม่ได้บอกเราว่า ตามพระองค์แล้วเราจะไม่ต้องพบเจอกับความยากลำบาก และชีวิตของเราจะราบรื่น
เรามักถูกปลูกฝังจากสิ่งเดิมๆว่า
"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ทำบุญมากๆ จะได้รับผลบุญมากๆ
เรารับใช้เพื่ออะไร เราเดินตามพระเจ้าเพื่ออะไร เพื่อพระพรและของขวัญจากพระเจ้าหรือ ?
พระองค์ไม่ได้สัญญาว่าเราจะไม่เจอความยากลำบาก แต่จะสอนเราและประทานหนทางให้เราว่าจะมีวิธีผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างไร?
เรามักหันหลังกลับเมื่อเจออุปสรรคและความยากลำบาก การถูกข่มเหง แต่จงเชื่อว่าพระเจ้าจะมีวิธีช่วยเรา
เมื่อใดที่เราอ่อนแอ เราจะเข้มแข็ง ความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็จะมีเต็มขนาดที่นั่น
ให้เราเป็นดินดีแทนหิน
3.จงละความพะวักพะวน ความโลภและความสนุกสนานของโลกนี้
การที่เมล็ดนั้นไม่โตเพราะเราเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ต้นที่เกิดในพงหนามมักถูกแย่งอาหาร เพราะ ดินนั้นไม่สามารถเลือกได้ว่าจะ เจาะจงให้อาหารเฉพาะเมล็ดพันพืชที่หว่านลงไปได้เท่านั้น
ไม่ว่าต้น อะไรจะขึ้นมาก็สามารถเติบโตได้หมด
เช่นกัน มีอะไรบ้างที่ขึ้นอยู่ในดินนั้น
- พะวักพะวนคือการห่วงหน้าห่วงหลัง และการว่าวุ่น กับการอยากได้ใคร่มีในสิ่งของต่างๆของโลกนี้
และเห็นสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าพระวจนะของพระเจ้า บำรุงมันจนกลายเป็นหนามใหญ่ เมื่อพระวจนะมาตกลงก็ไม่สามารถเติบโตได้
กำจัดมันออกไปเสีย
ให้เราเป็นดินดีที่ไม่มีพงหนาม
เรามีดินดีที่จะรอรับเมล็ดที่หว่านลงมาหรือยัง
พระคัมภีร์เพิ่มเติม
มาระโก 4:13-20
ลูกา ลูกา 8:11-15
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น