วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อย่ามองที่บุคคล

 อย่ามองที่บุคคล



ช่วงนี้พระเจ้าสอนอะไรหลายๆอย่าง เพื่ออนาคตข้างหน้าที่เราต้องเผชิญ เคยหรือไม่ครับที่บ้างครั้งเราได้ยินคำสอน คำหนุนใจ หรือแม้แต่คำเทศนา ในที่ต่างๆ หรือบุคคลต่างๆ แต่เรากลับปิดใจไม่รับสิ่งเหล่านั้น เพราะว่าตัวเรามองไปที่ตัวบุคคล เราคิดว่า ทำไมสอนดีแต่เค้าทำตัวไม่เหมาะสมเลย และไม่ได้ประพฤติตามพระวจนะที่เราได้พูดออกไป น่าเศร้าจริงๆ และเราก็ไม่ใส่ใจที่จะประพฤติตามนั้น

การที่พระเจ้าจะใช้หรือพูดผ่านใครสักคนนั้นไม่ได้หมายความว่าเค้าคนนั้นต้องเป็นคนดีพร้อม และไม่มีข้อเสียหรือตำหนิใดๆ การเทศนาเก่ง สอนเก่ง มีพระวจนะเยอะแยะมากมายในหัวสมอง  หรือสามารถท่องพระวจนะได้เป็นเล่มๆ แต่ไม่ได้ประพฤติตามก็เปล่าประโยชน์

ผมไม่ได้หมายความว่าพระวจนะที่เค้าสอน หรือเทศนาไม่ดี อย่าให้เรามองที่ตัวบุคคลเลย

เราอาจจะพบคนแบบนี้ได้ในพระคัมภีร์ พวกฟาริสีมักมีปัญหากับเรื่องแบบนี้ พระเยซูเองกล่าวถึงคนพวกนี้ว่า เป็นพวกล้มละลายในฝ่ายวิญญาณ หน้าที่ที่แท้จริงพวกเขาน่าจะสอนธรรมบัญญัติเพื่อให้คนของพระเจ้าดำเนินในทางของพระเจ้า และมีความสัมพันธ์กับพระบิดา เพราะพระองค์ต้องการความสัมพันธ์กับเรา

"ดูก่อน คน อิสราเอล พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของ ท่าน ทรง ประสงค์ ให้ ท่าน กระทำ อย่างไร คือ ให้ ยำเกรง พระเยโฮวาห์พระเจ้า ของ ท่าน ให้ ดำเนิน ตาม ทาง ทั้งปวง ของ พระองค์ ให้ รักพระองค์ ให้ ปรนนิบัติ พระเยโฮวาห์ พระเจ้า ของ ท่าน ด้วย สุดจิตสุดใจ ของ ท่าน ทั้งหลาย
 และ ให้ รักษา พระบัญญัติ และ กฎเกณฑ์ ของพระเจ้า ซึ่ง ข้าพเจ้า บัญชา ท่าน ใน วันนี้ เพื่อ ประโยชน์ ของ ท่านทั้งหลาย "
เฉลยธรรมบัญญัติ 10:12-13

แต่การตีความแบบเข้าข้างตัวเองของพวกฟาริสี กลายเป็นว่าธรรมบัญญัติของพวกเขา สำคัญกว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาสอนพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ไม่ประพฤติตามและไม่ได้ทำตามวิ่งที่ตัวเองได้สอนไป เขาไม่ได้ทำทุกสิ่งเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า แต่เพื่อสนองตัวเองทั้งสิ้น
พระเยซูบอกว่าพวกเขาคือพวกสร้างภาพ หน้าซื่อใจคด

เราอาจจะพบเห็นคนประเภทนี้บางครั้งสอนเรื่องคำพูด และกาารนินทาให้รักษาลิ้น แต่พอเทศน์จบก็มานั่งนินทาพี่น้องร่วมกายเดียวกัน เหตุเพราะธรรมบัญญัติของตัวเองที่พี่น้องคนนั้นทำไม่ถูกใจตัวเอง ไม่มีใครรอดพ้นจากปากอันหยาบช้านี้ได้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะมีข้อผิดพลาดอะไรก็จะโทษคนอื่นๆก่อนเสมอๆ
ผมขอภัยที่ยกตัวอย่างเพียงเท่านี้ (นี่ก็เพียงพอแล้ว)

อย่าลืมว่าการตัดสินเป็นของพระเจ้า...สิ่งที่จะวัดผลชีวิตการติดตามพระเจ้า ไม่ใช่คำพูดที่ดีเลิศ ความสามารถที่มีมากกมาย การศึกษาหรือการทำตัวเป็น(ผู้ดี) และเก่งในเรื่องการจับผิดและพูดแต่ความผิดพลาดของคนอื่นๆ ที่สำคัญแม้จะมีพระวจนะอยู่เต็มหัวสมอง แต่ถ้าไม่ได้ประพฤติตามพระวจนะนั้นจะมีประโยชน์อันใด

เมื่อพระเจ้าใช้เรา สำแดงฤทธิ์เดชผ่านทางเราเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำตัวให้เหมาะสมกับสิ่งที่ได้รับ สิ่งที่คุณทำ ของประทานที่คุุณมี มันมีฤทธิ์เดชแน่นอนเพราะพระเจ้าประทานให้ผ่านเรา แต่เมื่อเรายืนที่หน้าบัลลังก์นั้น เราจะบอกอย่างไร

มัทธิว 7:22 
"เมื่อ ถึง วันนั้น จะ มี คน เป็น อัน มาก ร้อง แก่ เรา ว่า 'พระองค์ เจ้าข้า พระองค์ เจ้าข้า ข้าพระองค์ กล่าว พระวจนะ ใน พระนาม ของ พระองค์ และ ได้ ขับผี ออก ใน พระนาม ของ พระองค์ และ ได้ กระทำ การ มหัศจรรย์ เป็น อัน มาก ใน พระนาม ของ พระองค์ มิ ใช่ หรือ" 

ดังนั้นเราจึงควรเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่น ทั้งคำพูดและการกระทำ อย่ามัวแต่นินทาหรือมองกันในมุมลบเลย เราควรห่วงไม้ทั้งท่อนในตาของเรามากกว่าจะสนใจผงในตาคนอื่น
"เหตุ ฉะนั้น ทุก สิ่ง ซึ่ง เขา สั่งสอน พวก ท่าน จง ถือ ประพฤติ ตาม เว้น แต่ การ ประพฤติ ของ เขา อย่า ได้ ทำ ตาม เลย เพราะ เขา เป็น แต่ ผู้ สั่งสอน แต่ เขา เอง หา ทำ ตาม ไม่"
มัทธิว 23:3 

ปล. ขออภัยถ้าบางคำพูดนี้ดูหนักเกินไป แต่ความตั้งใจเพียงหนุนใจบางคนที่ต้องเจอกับสถานการณ์กับคนแบบนี้เช่นกัยว่า อย่าหมดใจ ท้อถอย หรือยอมแพ้ ไม่ได้หมายความว่าเราตองต่อต้าน แต่เราจะยืนหยัดได้เช่นไรในวภาพแวดล้อมเช่นนี้ พระเยซูเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด

เราจึงไม่ควรมองที่บุคคล

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น