วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

ทำไมต้องมีเทศกาลปัสกา

ทำไมต้องมีเทศกาลปัสกา

เขียนโดย ชัค ดี เพียซ และ โรเบิร์ต ไฮเลอร์ (Chuck D. Pierce and Robert Heidler)
มีหลายคนที่ได้ถามคำถามนี้ ทำไมต้องมีเทศกาลปัสกาด้วย ในหนังสือ อพยพ 12:13-14 เราอ่านว่า แต่เลือดที่บ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป จะไม่มีภัยพิบัติบังเกิดแก่เจ้า ขณะที่เราประหารชาว อียิปต์ “วันนี้จะเป็นวันที่ระลึกสำหรับเจ้า ให้เจ้าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเจ้า ชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงฉลองเทศกาลนี้และถือเป็นกฎถาวร

 เมื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาใกล้เข้ามา เราต้องระลึกไว้ว่าเทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองที่ออกแบบโดยพระเจ้า พระเจ้าทรงประทาน เทศกาลนี้ และ งานฉลองนี้ไว้เพื่อเพิ่มพูนความเชื่อของเรา เพื่อเตรียมเราให้เข้าสู่พระพรอันบริบูรณ์ของพระองค์ ในพระคัมภีร์เดิมพระเจ้าสั่งให้คนยิวถือเทศกาลปัสกาเพื่อสอนให้เข้าใจเรื่องความสำคัญของการไถ่ด้วยโลหิต แต่สำหรับคริสเตียนในพระคัมภีร์ใหม่ ก็ให้จดจำและเข้าใจงานแห่งการไถ่ของพระเจ้า พระคัมภีร์บอกเราว่า “ ให้เจ้าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเจ้า ชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงฉลองเทศกาลนี้ ….ตลอดไป

คริสเตียนมากมายไม่ตระหนักว่า เทศกาลปัสกาในพระคัมภีร์เดิมก็มีคุณค่าเท่า กับเทศกาลต่างๆในพระคัมภีร์ใหม่เช่นกัน ตลอดทั้งพระคัมภีร์ใหม่ ที่พระเยซูและอัครทูตได้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา อาหารมื้อสุดท้ายฉบับดั้งเดิมก็คืออาหารมื้อปัสกานั่นเอง อัครทูตได้สอนคริสตจักรต่างชาติให้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา ใน 1 โครินธ์ อาจาย์เปาโลได้เขียนถึงคริสตจักรที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ “พระคริสต์ผู้ทรงเป็นแกะปัสกาของพระเจ้า ได้ถูกปลงพระชนม์ ดั้งนั้นให้เราเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ “ หลายร้อยปีมาแล้ว ที่การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาเป็นการเฉลิมฉลองที่สำคัญในรอบปีของคริสจักรยุค แรกๆ

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เทศกาลปัสกามีความสำคัญมาก เดริก ปรินซ์ เคยกล่าวไว้ว่า “การประกาศของความเชื่อที่ทรงพลานุภาพเพื่อการปลดปล่อยคือ "ฉันได้รับการไถ่ด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก ได้รับการปลดปล่อยจากมือของศัตรู" ท่านได้กล่าวว่า "ถ้าคุณสามารถประกาศด้วยความเชื่อและประกาศต่อไปเรื่อยๆ บางสิ่งบางอย่างจะเกิดขึ้น คุณจะได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของศัตรู นั่นคือสาระของเทศกาลปัสกา การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาคือการประกาศความเชื่อว่าเราได้รับการไถ่ด้วยพระ โลหิตของพระเมษโปดก เมื่อเราเฉลิมฉลองปัสกาก็มีผลต่อชีวิตภายในเรา เมื่อเรามาร่วมกันระลึกถึงงานไถ่ที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราประกาศอำนาจของการไถ่ในชีวิตของเราวันนี้ก็จะส่งผลบางสิ่งบางอย่างต่อเรา ด้วยเช่นกัน"

เทศกาลปัสกานั้นสำคัญสำหรับพระเจ้า แต่ซาตานเกลียดเทศกาลนี้ ศัตรูได้ทำงานอย่างขมีขมันที่จะขโมยเทศกาลปัสกาไป ข่าวดีก็คือว่าพระเจ้ากำลังรื้อฟื้นเทศกาลปัสกา และนี่คือสงคราม สงครามเพื่อปัสกาคือสงครามเพื่อเลือด ซาตานต้องการหยิบยื่นศาสนาที่ปราศจากโลหิตแก่เรา เพราะศาสนาที่ไม่มีโลหิตนั้นไม่มีฤทธ์อำนาจ ฤทธ์อำนาจอยู่ในพระโลหิต

การสงครามเพื่อเทศกาลปัสกาเกิดขึ้นบ่อยๆ เราจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์คริสตจักร ในศตวรรษที่4 เมื่อจักรพรรดิ์คอนแสตนตินได้พยายามผสมผสานศาสนาคริสเตียนกับศาสนาต่างชาติ หลายคนอาจจะชอบความคิดนี้ พระองค์ทรงทำให้ศาสนาคริสเตียนนั้นถูกต้องตามกฎหมาย คุณสามารถไปคริสตจักรได้โดยไม่ต้องกลัวถูกโยนให้สิงโตกิน และกษัตริย์คอนแสตนตินก็ไม่ถือสาถ้าคริสเตียนจะเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ ของพระเยซู … แต่พระองค์ทรงติดใจกับเรื่องเทศกาลปัสกา พระองค์ประสงค์ให้คริสเตียนไม่เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ในช่วงเวลาของเทศกาลปัสกา ที่สภาไนเซีย (ค.ศ. 325 ) พระองค์ประกาศว่า “การอนุรักษ์การเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาต้องได้รับการแก้ไข”และที่สภาไนเซีย นี้เอง พระองค์ ได้ทำให้เทศกาลปัสกาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และนำให้คนเฉลิมฉลองการตายและการฟื้นพระชนม์ ในวันอาทิตย์หลังจากวันพระจันทร์เต็มดวงหลังจากวันที่กลางวันและกลางคืนยาว เท่ากันในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นเวลาที่เชื่อมโยงกับการเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของพระต่างด้าว “เจ้าแม่ อิสตาร์ หรือ เป็นที่รู้จักว่า อีสเตอร์” เจ้าแม่แห่งการเจริญพันธุ์ (นี่คือสาเหตุที่คริสตจักรทุกวันนี้เฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์ แทนเทศกาลปัสกา) พระประสงค์ของกษัตริย์คอนแสตนติน คือเอาพระเยซูออกไปจากบริบทของเทศกาลปัสกา

สงครามยังคงดำเนินต่อไป หลายคริสตจักรต่อต้านคำกฤษฎีกาของกษัตริย์คอนแสตนติน ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษแล้วก็ตาม สงครามเรื่องเทสกาลปัสกาก็คงดำเนินต่อไปหลังจากสมัยของคอนแสตนติน เช่น ในศตวรรษที่ 6 จักรพรรดิจัสติเนียนส่งทหารโรมันออกไปทั่งอาณาจักรเพื่อห้ามการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา เพื่อจะลบคำสอนที่ "ผิด" เกี่ยวกับปัสกา ส่งผลให้ ผู้ชาย ผู้หญิง และ เด็กๆ นับพันๆคนถูกฆ่าอย่างโหดร้าย เมืองทั้งเมืองถูกสังหารหมู่ เพราะปฎิเสธที่จะหยุดฉลองเทศกาลปัสกา (สงครามเพื่อปัสกานำมาซึ่งการสูญเสียมากมาย) ความกดดันจากรัฐบาล คริสตจักรโรมันในการลบล้างเทศกาลปัสกาให้หมดไป ให้สังเกตว่ามีหลักข้อเชื่อบางข้อที่ต่อต้านปัสกาในสภาของคริสตจักรต่างๆ
การกล่าว คำแช่งสาป

สภาแอนติโอก (ค.ศ. 345) "ถ้าปิช้อป ผู้ปกครอง หรือมัคคนายกคนใด กล้าเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา หลังการประกาศนี้ให้สภาตัดสินให้เป็นบุคคลที่ถูกแช่งสาบจากคริสตจักร สภานี้ไม่เพียงแต่ขับไล่เขาออกจากงานรับใช้ แต่จะขับไล่ทุกคนที่กล้าติดต่อสื่อสารกับเขาด้วย" (คำว่า anathema หมายถึง แช่งสาป คริสตจักรจะแช่งสาปคริสเตียนที่เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา)
สภา เลาดีเซีย (ค.ศ. 365) "ไม่อนุญาตให้รับการเฉลิมฉลองเทศกาลของชาวยิว"
สภา แอกดี ประเทศฝรั่งเศล (ค.ศ. 506) "คริสเตียนไม่ควรมีส่วนในเทศกาลของชาวยิว"
สภา เทเลโด (ศตวรรษที่ 7) "การเฉลิมฉลองเทสกาลอีสเตอร์ต้องใช้ช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในคำประกาศของไนเซีย"

สงคราม ของเทศกาลปัสกาปรากฏชัดเจนในประวัติศาสตร์คริสตจักร สงครามต่อต้านเทศกาลปัสกาไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เราพบเห็นสิ่งเดียวกันนี้ในพระคัมภีร์ ซาตานพยายามขโมยเอาเทศกาลปัสกาไป เพราะมันรู้ว่าการเฉลิมฉลองพระโลหิตจะปลดปล่อยฤทธ์อำนาจ ให้มองดูว่าเกิดอะไรขึ้นในยุคสมัยของกษัตริย์เฮเซคียาห์

กษัตริย์เฮเซคียาห์ ทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระเจ้า เขาซ่อมแซมและชำระพระวิหาร ทำลายปูชณียสถานสูง รื้อฟื้นการถวายเครื่องบูชา และการนมัสการพระเจ้าแบบดาวิด แล้วเฮเซคียาห์ส่งราชสารออกไปทั่วอิสราเอลและยูเดีย เชิญเขามาฉลองเทศกาลปัสกา พระราชสารของพระองค์ไปทั่วอิสราเอลและยูเดีย “ประชาชนอิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า” พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือประชากรของพระองค์ ให้เขามีใจเดียวกันที่จะทำตามพระบัญชาของกษัตริย์ ประชาชนกลุ่มใหญ่มาร่วมประชุมกันที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อการเฉลิมฉลอง เขาได้ฆ่าลูกแกะปัสกา ฉลองเทศกาลอยู่ 7 วัน ด้วยความชื่นชมยินดียิ่งนัก ขณะที่คนเลวีร้องเพลง เล่นเครื่องดนตรี สรรเสริญ พระเจ้าทุกวัน แล้วที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลอีก 7 วัน ดังนั้นจึงมีการฉลองด้วยความรื่นเริงยินดีอีก 7 วัน มีความยินดีเป็นอันมากในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่าตั้งแต่สมัยกษัตริย์โซโลมอนมาก็ไม่มีการเฉลิมฉลองแบบนี้ในกรุงเยรูซาเล็มเลย ปุโรหิตและคนเลวียืนอวยพรประชาชน และพระเจ้าทรงฟังเพราะว่าคำอธิษฐานของเขาถึงฟ้าสวรรค์ที่ประทับอันบริสุทธิ์ ของพระองค์ (อ่าน 2 พศด 29-30 และ บทต่อมา)

สิ่งเดียว กันนี้ก็เกิดในสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์เช่นกัน โยสิยาห์ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระเจ้า ในรัชสมัยของพระองค์ ปีที่18 ขณะที่กำลังซ่อมแซมพระวิหาร เขาพบหนังสือม้วนในพระวิหาร เมื่อกษัตริย์ได้ยินคำเกี่ยวกับหนังสือม้วน พระองค์ได้ฉีกฉลองพระองค์ออก พระองค์เสด็จขึ้นไปที่พระวิหารพร้อมกับข้าราชบริพารของพระองค์ พระองค์ทรงอ่านถ้อยคำแห่งพันธสัญญาในหนังสือม้วนให้ประชาชนฟัง แล้วประชาชนก็สาบานต่อหนังสือม้วนนั้น กษัตริย์สั่งให้ประชาชนเอารูปเคารพ พระบาอัล รูปดวงดาวต่างๆที่กราบไห้ว ออกจากพระวิหาร พระองค์ทรงทำลายลานส่วนที่เป็นของโสเภณีชายที่อยู่ในพระวิหาร กษัตริย์ได้สั่งประชาชนทุกคน “ให้เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระเจ้าผู้เป็นจอม เจ้านายของเจ้า ตามที่มีคำเขียนไว้ในหนังสือม้วน” ในปีที่ 18 ในรัชสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์ เทศกาลปัสกาได้เฉลิมฉลองในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งไม่เหมือนสมัยของผู้วินิฉัยที่ได้นำประชาชนอิสราเอล หรือ ตลอดสมัยของกษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์ ที่ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาแบบนี้ (อ่าน 2 พกษ. 22-23 และ ต่อไป)
เราเห็นแบบแผนในพระคัมภีร์จากพระธรรมสองตอนนี้ที่คนของพระเจ้าได้เดินออกห่าง จากพระเจ้าสู่การไห้วรูปเคารพ พระพรของพระเจ้าก็หายไป แล้วเขาก็กลับมาหาพระเจ้าและแสวงหาพระองค์ และสิ่งแรกที่พระเจ้าทรงทำคือรื้อฟื้นเทศกาลปัสกา ขณะที่เขาหันจากการไหว้รูปเคารพของคนต่างชาติ กลับมาสู่การเฉลิมฉลองปัสกา เขาก็ได้รับการรื้อฟื้นกลับมาหาพระเจ้า มีประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความยินดีและพระพร ช่างเป็นแบบแผนที่น่าสนใจยิ่งนัก ครั้งแล้วครั้งเล่าในพระคัมภีร์เราพบว่าเทศกาลปัสกาได้สูญหายไป แม้แต่ในยุคสมัยของพระคัมภีร์เดิมและแม้แต่ท่ามกลางชาวยิว คนรุ่นหนึ่งมีชีวิตและตายไปโดยปราศจากการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาเลย

ทำไมเทศกาลปัสกาได้สูญหายไป ก็เพราะว่าซาตานได้ขโมยมันไป ซาตานต้องการขโมยเทศกาลปัสกาไป และเมื่อคนรุ่นใหม่ได้กลับมาหาพระเจ้า และเริ่มที่จะอ่านพระคัมภีร์ เขาอ่านพบเทศกาลปัสกาเป็นครั้งแรก เขารู้สึกประหลาดใจ กล่าวว่า “เราไม่เคยทำมาก่อน” (นี่คือสิ่งที่เราพบในคริสตจักรทุกวันนี้) แต่เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เคลื่อนในหัวใจของเขา เขาก็เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งการไถ่ของพระเจ้า ฤทธานุภาพของพระเจ้า แล้วความชื่นชมยินดีก็ได้รับการรื้อฟื้นกลับมา

ทำไมซาตานถึงเกลียดเทศกาลปัสกานัก?
ซาตานเกลียดเทศกาลปัสกาเพราะปัสกาคือการเฉลิมฉลองพระเยซู เมื่อคริสตจักรได้ทอดทิ้งเทศกาลปัสกา ก็ได้คิดวิธีการเฉลิมฉลองพระเยซูแบบอื่นขึ้นมา นั่นคือสาเหตุที่มีการเลื่อนเวลาการเฉลิมฉลองคริสตมาสและอีสเตอร์ การเฉลิมฉลองพระเยซูในวันอื่นๆก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีแต่อย่างใด (เพราะว่าเป็นการดีเสมอที่จะเฉลิมฉลองพระเยซู) แต่การเฉลิมฉลองของพระเยซูที่พระเจ้าประทานให้เราเรียกว่าเทศกาลปัสกา

พระคัมภีร์ใหม่ พูดกับเราว่า พระเยซูคือลูกแกะปัสกา เมื่อยอนห์บัพติโตได้แนะนำพระเยซู ท่านได้เรียกพระองค์ว่า “ดูเถิด พระเมษโปดก (ลูกแกะ)” อาจารย์เปาโลได้กล่าวว่า พระคริสต์ทรงเป็นลูกแกะปัสกาของพระเจ้าที่ถูกประหาร การเฉลิมฉลองเทศกาลปัศกาคือการเฉลิมฉลองพระเยซู ในฐานะลูกแกะปัสกา พระองค์ได้หลั่งโลหิตของพระองค์เพื่อไถ่เราจากศัตรู เมื่อพระโลหิตของพระองค์ทาที่วงกบประตูของชีวิตคุณ พระเจ้าทรงปลดปล่อยคุณจากทูตมรณะ ดังนั้น เมื่อคุณเข้าใจเทศกาลปัสกา คุณก็จะเข้าใจโดยอัตโนมัติว่าพระเยซูได้ทำอะไรเพื่อคุณ

เมื่อเดิมนั้น ในคืนวันปัสกาทุกสิ่งได้ชี้ไปที่พระเยซู คุณพ่อชาวยิวทุกคนถูกสั่งให้ยืนที่ประตูบ้านของเขาพร้อมกับอ่างใส่เลือดแกะ เขาต้องเอาใบหุสบมาจุ่มลงในเลือดแล้วทาเลือดที่ทั้งสองข้างของวงกบประตู แล้วให้ทาเลือดอีกที่ด้านบนของวงกบประตู ถ้าคุณจะจินตนาการท่าการเคลื่อนไหวที่เขาจุ่มกิ่งหุสบลงในอ่างแล้วทาเลือด คุณจะพบว่าเขากำลังทำเครื่องหมายของไม้กางเขน

คืนปัสกา คุณพ่อชาวยิวทุกคนได้ทำเครื่องหมายของไม้กางเขนด้วยเลือดแกะ ส่งผลให้ครอบครัวมีประสบกาณ์กับการไถ่จากอำนาจศัตรู การปลดปล่อยของพระเจ้ามักจะมาทางไม้กางเขนและพระโลหิตของพระองค์ และนี่ก็คือสิ่งที่เทศกาลปัสกาเฉลิมฉลอง คุณเห็นไหมว่าการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูในเทศกาลปัสกานั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ พระเจ้าทรงสามารถให้พระเยซูสิ้นพระชนม์เวลาไหนของปีก็ได้ แต่ว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ให้พระองค์สิ้นพระชนม์ในเวลาปัสกา เพื่อเราจะระลึกได้ว่าพระองค์คือพระเมษโปดกของพระเจ้า (ลูกแกะปัสกา)

เทศกาลปัสกานั้นมีความสำคัญต่อพระเจ้า พระองค์ทรงเลือกให้เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ (การสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู) เกิดขึ้นในเทศกาลปัสกา พระเจ้าทรงสร้างความเชื่อมโยงกับการถวายเครื่องบูชาของพระเยซูกับเทศกาลปัสกา (สิ่งนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง เป้าหมายของกษัตริย์คอนแสตนตินก็เพื่อแยกงานการไถ่ของพระคริสต์จากเทศกาลปัสกา ขณะที่เป้าหมายของพระเจ้าคือการเชื่อมโยงการไถ่ของพระเยซูกับเทศกาลปัสกา ) พระเจ้าต้องการให้เราคิดถึงพระเยซูในบริบทของการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา

ตารางเวลาของเทศกาลปัสกา
สิ่งที่น่าสนใจอีกประเด็นคือ ตารางเวลาของการตรึงพระเยซูกับการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา ตามหนังสือโทราห์ ตามเวลาของเทศกาลปัสกาแล้วเหตุการณ์ต่างๆที่เฉพาะเจาะจงได้เกิดขึ้นในเวลาที่เฉพาะเจาะจงด้วย

1. ในวันที่เจาะจง ลูกแกะปัสกาจะถูกเลือก หนังสือ อพยพบทที่ 12 ให้คำแนะนำว่า ลูกแกะปัสกาจะได้รับการเลือกในวันที่ 10 ของเดือนที่1 ในสมัยของพระเยซูลูกแกะจากเมืองเบ็ธเลเฮม ได้รับการคัดเลือกเป็นลูกแกะปัสกา ลูกแกะที่เกิดเมืองเบ็ธเลเฮมได้ถูกเลือกและนำมาที่กรุงเยรูซาเล็ม มาจากทางตะวันออก (ลงมาทางภูเขามะกอกเทศ) เข้าไปในเมืองผ่านทางประตูแกะ ในวันที่ 10 ของเดือนแรก พระเยซูลูกแกะที่เกิดเมืองเบ็ธเลเฮ็มเสด็จลงมาที่ภูเขามะกอกเทศและเสด็จเข้า กรุงเยรูซาเล็มโดยผ่านทางประตูแกะ (เรียกว่า การเสด็จเข้าเมืองด้วยชัยชนะ) ขณะที่พระองค์ได้เสด็จเข้าเมือง ประชาชนโบกกิ่งใบตาลและร้องตะโกนว่า “ขอให้ผู้ที่เสด็จมาในนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ บุตรดาวิด ของทรงช่วยเราให้รอด” โดยการประกาศของมวลชน พระเยซูได้ถูกกำหนดเป็นพระเมสิยาห์ของอิสราเอล ฝูงชนได้เลือกแกะปัสกาสำหรับพวกเขาเอง

2. ลูกแกะจะถูกตรวจสอบ หนังสือโทราห์ได้ให้คำแนะนำว่า เมื่อได้คัดเลือกลูกแกะแล้วจะต้องมีการตรวจสอบว่ามีตำหนิหรือไม่ ลูกแกะที่สมบูรณ์และไม่มีตำหนิด่างพร้อยเท่านั้นที่เหมาะสมสำหรับปัสกา เมื่อพระองค์มาถึงเยรูซาเล็มพระองค์เสด็จไปที่พระวิหารเพื่อที่จะสอน และที่นั่นเองที่พวกฟารีสี สะดูสี พวกเฮโรดและครูสอนธรรมบัญญัติมาหาพระองค์ แล้วแต่ละกลุ่มก็ตั้งคำถามที่ยากเพื่อวางกับดักพระองค์ ที่จริงแล้วพวกเขาคาดหวังที่จะจับผิดพระองค์ เพื่อเป็นข้ออ้างว่าพระองค์ไม่สมควรเป็นพระเมสิยาห์ แต่ก็ไม่มีใครจับผิดพระองค์ได้เพราะพระองค์ทรงปราศจากตำหนิ

3. เชื้อขนมปัง (ความไม่บริสุทธิ์) ต้องถูกเอาออกไป หนังสือโทราห์ให้คำแนะนำว่า ก่อนเทศกาลทุกต้องเอาเชื้อขนมออกไปจากบ้านเรือน บรรดาคุณแม่จะใช้เทียนส่องหาและเอาเชื้อขนมออกไปจากบ้านของเธอ กฎเกณฑ์นี้ยังคงรักษาไว้จนทุกวันนี้ เทศกาลปัสกาเป็นเวลาที่จะทำความสะอาดบ้านทุกหลัง ครอบครัวชาวยิวที่อนุรักษ์นิยมจะทำความสะอาดบ้านของเขาก่อนปัสกา ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความไม่บริสุทธิ์ต้องถูกเอาออกไปจากบ้าน เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มพระองค์ไปที่พระวิหารและขับไล่คนแลกเงินออกไป พระองค์ทรงทำตามคำสอนในพระคัมภีร์ในการเตรียมปัสกา ด้วยการชำระพระนิเวศน์ของพระบิดาของพระองค์

4. ลูกแกะถูกนำไปที่แท่นบูชาในที่สาธารณะ เช้าวันที่ 14 ของเดือนแรก เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมให้พร้อมแล้ว ลูกแกะถูกวางบนแท่นบูชา เวลา 9 โมงเช้า ลูกแกะจะถูกมัดบนแท่นบูชาซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนจะเห็น ในเช้าวันที่ 14 ของเดือนแรกเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วพระเยซูทรงถูกนำไปที่ไม้กางเขน เวลา 9 โมงเช้าวันนั้น เหมือนอย่างที่ลูกแกะถูกมัดบนแท่นบูชา พระเยซูก็ถูกตรึงบนไม้กางเขนต่อหน้าสาธารณชน

5. ลูกแกะถูกประหาร ณ เวลาที่กำหนดอย่างเจาะจง เวลาบ่ายสามโมงมหาปุโรหิตเสด็จไปที่แท่นบูชา ขณะที่ปุโรหิตอีกคนหนึ่งได้เป่าโชฟาร์ที่บนกำแพงพระวิหาร มหาปุโรหิตได้เชือดคอลูกแกะปัสกา ประกาศว่า “สำเร็จแล้ว” ตอนบ่ายสามโมง วันอันบริสุทธิ์นั้น ณ จังหวะที่ลูกแกะปัสกาถูกฆ่า พระองค์ทรงร้องเสียงดังว่า “สำเร็จแล้ว” และก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์ ในภาษากรีก คำว่า "สำเร็จแล้ว"(เทเลลิสเทีย) หมายถึง "ได้ชำระหนี้ครบแล้ว"

การเฉลิมฉลอง ของพระเยซู
คุณเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่า วิธีการที่พระเจ้าสร้างความเชื่อมโยงพระเยซูกับเทศกาลปัสกาเข้าด้วยกันเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจเลยที่ยอห์นได้กล่าวว่า “ดูเถิด พระเมษโปดกของพระเจ้า” และไม่น่าประหลาดใจเลยที่อาจารย์เปาโลเขียนว่า “ลูกแกะปัสกาที่ถูกประหาร” ความหมายของเทศกาลปัสกานั้นเกี่ยวกับพระเยซูทั้งสิ้น แล้วคุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าเทศกาลปัสกานั้นเกี่ยวกับพระเยซูทั้งสิ้น
พระองค์ ทรงเสด็จมาเป็นพระเมษโปดก/ลูกแกะของพระเจ้า
พระโลหิตของพระองค์ไถ่เรา

โดยพระโลหิตของพระองค์ …. ได้ผลักการพิพาษาออกไป
โดยพระโลหิตของพระองค์ …. ได้หักทำลายอำนาจของศัตรู
โดยพระโลหิตของพระองค์ …. เราได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการและการกดขี่
โดยพระโลหิตของพระองค์ …. เราได้รับเสรีภาพที่จะเข้าสู่พระสัญญาของพระเจ้า

ปัสกาคือการเฉลิมฉลอง “ พระเยซู” ยิ่งคุณเข้าใจความหมายของเทศกาลปัสกามากเท่าไร คุณก็ยิ่งซาบซึ้งในพระเยซูมากเท่านั้น ถ้าคุณไม่เข้าใจเทศกาลปัสกา คุณก็ยากที่จะเข้าใจว่าพระเยซูได้ทรงทำอะไร ขณะที่คุณเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา คุณกำลังประกาศถึงความเชื่อในฤทธิ์อำนาจในพระโลหิตและการไถ่ของพระองค์ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ประหลาดที่สุดในโลกที่มีการยอมรับคำหลอกลวงของซาตานว่าเทศกาลปัสกานั้นไม่ใช่ของคริสเตียน ซาตานพยายามขโมยเทศกาลปัสกาไป เพราะมันรู้ว่าการเฉลิมฉลองพระโลหิตจะปลดปล่อยฤทธิ์อำนาจ เมื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาถูกเอาออกไป ฤทธิ์อำนาจก็หมดไป แต่เมื่อเทศกาลปัสกาได้รับการรื้อฟื้น ฤทธิ์อำนาจก็กลับมา

ข่าวดี ก็คือ พระเจ้ากำลังรื้อฟื้นเทศกาลปัสกา คริสตจักรทั่วโลกกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาอีกครั้งหนึ่ง และฤทธิ์อำนาจก็กำลังกลับมา พวกเราขอเชิญชวนพวกคุณเฉลิมฉลองฤทธิ์อำนาจของพระโลหิตพระเยซู พวกเราขอเชิญพวกคุณร่วมกับคริสเตียนทั่วโลกในการรื้อฟื้นเทศกาลปัสกานี้ และเชิญร่วมกับเราในการประกาศว่า เราได้รับการไถ่ด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดกจากมือของศัตรู
ถ้าคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทศกาลปัสกา และ ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการเฉลิมฉลอง ขอแนะนำให้อ่านหนังสือ “คริสตจักรพระเมสิยาห์ลุกขึ้น (The Messianic Church Arising! )”

เขียนโดย ดร. โรเบิตร์ ไฮเลอร์
ขอพระเจ้าอวยพร
ชัค ดี เพียซ และ โรเบิร์ต ไฮเลอร์
พันธกิจนานาชาติ กรอรี่ ออฟ ซิโอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น