วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

หว่านมากได้มาก หว่านน้อยก็ได้น้อย

หว่านมากได้มาก หว่านน้อยก็ได้น้อย
2คร. 9:6 นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก

พระคัมภีร์ตอนนี้มีประเด็นการตีความที่น่าสนใจ "คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก" หากการตีความนี้เป็นเรื่องของสิบลดหรือ ทศางค์ และหากการเชิญชวนการถวายนี้ด้วยคำพูดที่ว่า "หว่านมากได้มาก หว่านน้อยได้น้อย" แม้จะสรุปท้ายว่า "อย่าโลภ" แต่คำพูดแรกก็ได้จุดประกายกรอบความคิดที่ผิดบริบทของการถวายเข้าไปฝังในความคิดของผู้ฟังแล้ว
บริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้ไม่ได้เน้นหรือหมายถึงการให้ในมุมของสิบลด 2 โครินธ์ 9: 1-5 การให้ด้วยใจกว้างขวาง เอื้อเฟื้อ และด้วยความเอื้ออาทร ในประโยคของข้าความข้างต้นในภาษากรีก "eulogia" ซึ่งหมายความว่า "พร" มิใช่ด้วยการฝืนใจ เป็นคำภาษากรีก "pleonexia" ซึ่งหมายถึง "ความโลภ"ถ้าเราอ่านทั้งบริบทของพระคัมภีร์เราจะเห็นว่าแท้จริงแล้ว ชาวเมืองโครินธิ์ได้ถูกท้าทายเพื่อเก็บรวบรวมเงินถวายเพื่อไปช่วยธรรมิกชนที่กำลังลำบากหรือกันดารอาหารในช่วงระยะเวลานั้น

ดังนั้นการให้ต้องเป็นความสมัครใจและเต็มใจยินดีที่จะให้ การให้ด้วยใจยินดีเท่ากับการหว่านอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ขึ้นกับจำนวน และไม่ได้ไปเทียบกับผู้อื่น เมื่อให้อย่างสมบูรณ์ก็เท่ากับเป้นภาพของการหว่านออกไปและคุณจะเก็บเกี่ยวหมายถึง (รับพระพร) อย่างเต็ม ๆ ตามที่ได้หว่าน ไม่มีของขวัญได้ที่ให้ออกไปด้วยความเศร้า ไม่มีความสุขหรือถูกบังคับ

มีนักเทศน์มาขึ้นมาเริ่มยกพระคัมภีร์มาลาคี 3:8 และพันธสัญญาเดิมต่าง ๆ ในบทสรุปและบอกว่าถ้าคุณไม่ยอมถวายสิบลด (ทศางค์) ในโบสถ์คุณจะถูกสาปโดยพระเจ้า เท่ากับคุณโกงพระเจ้านะ ถ้าคุณเจ็บป่วย ถ้าคุณยังจน แสดงว่าคุณไม่ได้สัตย์ซื่อในการถวายเลยนะ กระเป๋าคุณจะรั่ว ในบริบทนี้คุณจะถวายในสองกรอบความเข้าใจคือ

- อยากรวย อยากมีมากขึ้นจึงถวายมากขึ้น (แต่หลอกตัวเองว่าฉันจะไม่โลภนะ)
- ให้เพราะกลัวว่าจะโกงพระเจ้า กลัวพระเจ้าจะโกงกลับคือและโดนสาปแช่ง

อย่าให้สิ่งเหล่านี้ฟ้องผิดเราเลย การถวายสิบลดยังคงดำเนินต่อไป แต่ไม่ใช่ในบริบทนี้ (2คร. 9:6 ) แม้แต่การถวายสิบลดเองทุกวันนี้ผู้เชื่อไม่ได้ถวายด้วยความชื่นชมยินดี แต่ถูกปลูกฝังความหวาดกลัวจากพระธรรม มาลาคี เขาถวายเพื่อที่จะไม่ตกอยู่ในข้อหา "โกงพระเจ้า" แต่ไม่ได้ถวายตามพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริง หรือก็ถวายเพื่อที่จะได้รับกลับคืน 100 เท่า 1000 เท่า ตามการตีความพระวจนะที่ถูกจับนำมาเชื่อมต่อกัน นี่เป้นแรงจูงใจที่ผิดอย่างมากในเรื่องของการถวาย

ดังนั้น "หว่านมากได้มาก หว่านน้อยได้น้อย" พระวจนะไม่ได้พูดถึงการเก็บเกี่ยวในเรื่องเงินที่จะได้รับการอวยพรกลับ แน่นอนเราอาจจะได้รับการอวยพรในความสัตย์ซื่อ แต่ไม่ใช่เป้าประสงค์ของพระวจนะตอนนี้ในเรื่องของการหว่าน แต่เป็นการพูดถึง "พระพร" ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเงินเพียงอย่างเดียว อาจเป็นได้ทั้งสุขภาพ และความสุข และความเป็นอยู่ ฯลฯ

ดังนั้นจากบริบทของพระคัมภีร์ในตอนนี้ เราอาจจะสรุปในความเข้าใจถึงเป้าหมายของจดหมาย เพื่อที่ชาวเมืองโครินธ์ไม่ได้มีเพื่อให้คนถวายมาก ๆ เพื่อจะได้รับพระพรกลับมามาก ๆ แต่มีเพื่อกระตุ้นและหนุนใจพี่น้องชาวโครินธ์ให้สำแดงความรักด้วยการถวายด้วยความรักไปยังพี่น้องในพระคริสต์ เปลโล จะไม่สอนค้านกับกฎการถวายสิบลดแน่นอน เพราะท่านพูดว่า "แต่​ละ​คน​จง​ให้​ตาม​ที่​เขา​คิด​หมาย​ไว้​ใน​ใจ ไม่​ใช่​ให้​ด้วย​ความ​เสีย​ดาย ไม่​ใช่​ให้​ด้วย​ความ​จำ​ใจ เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​รัก​คน​ที่​ให้​ด้วย​ใจ​ยินดี"

ตามพระวจนะ สิบลด แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. สิบลด สำหรับ เลวี
2. สิบลด สำหรับ เทศกาล
3. สิบลด สำหรับ คนยากจน
4. สิบลด สำหรับ ปุโรหิต

สิบลด สำหรับ คนยากจน
ฉธบ. 26:12
12“เมื่อ ท่านถวายทศางค์จากผลิต‍ผลของท่านเสร็จแล้ว ในปีที่สามซึ่งเป็นปี‍ทศางค์ ท่านจงให้ทศางค์นั้นแก่คนเลวี และคน‍ต่าง‍ด้าว ลูก‍กำ‌พร้า และแม่‍ม่าย เพื่อพวก‍เขาจะได้รับ‍ประ‌ทานให้อิ่ม‍หนำภาย‍ในเมืองของท่าน

เปาโลได้สอนเกี่ยวกับการถวายการให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องทำเพราะพระวจนะบันทึกไว้เกือบตลอดทั้งเล่ม

2คร. 9:11 โดยทรงให้ท่านทั้งหลายมีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น เพื่อให้ท่านมีแจกจ่ายอย่างใจกว้างขวาง ซึ่งโดยเราจัดแจก จะให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า

จงหว่านเมล็ดด้วยใจกว้างขวางพระคัมภีร์บันทึกว่าพระพรก็จะกลับมาหาคุณหลายเท่า ในฉบับ NIV บันทึกว่า "จงจำไว้ว่าผู้ที่หว่านอย่างตะหนี่ก็จะเก็บเกี่ยวได้น้อย ผู้ที่หว่านด้วยใจกว้างขวางก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก แต่ละคนควรให้ตามที่คิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่อย่างลังเลหรือเพราะถูกผลักดัน เพราะพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี"

ดังนั้นการสอนเรื่องการถวายต้องสอนที่เขาจะเห็นถึงความสำคัญและให้ด้วยใจยินดีเพื่อพระพรจะมาถึงพวกเขา

มัทธิว 6:22-23 ตาเป็นประทีปของร่างกาย เหตุฉะนั้นถ้าตาของท่านดี ทั้งตัวก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง 23 แต่ ถ้าตาของท่านชั่ว ทั้งตัวของท่านก็จะเต็มไปด้วยความมืด เหตุฉะนั้นถ้าความสว่างซึ่งอยู่ในตัวท่านมืดไป ความมืดนั้นจะหนาทึบสักเพียงใด

ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับบริบทเท่าไร แต่เราลองมาทำดูพระคัมภีร์ตอนนี้ไปพร้อมด้วยกันครับ

ตาดี และตาชั่ว ? หมายความว่าอะไร

ตาไม่ดีหรือตาชั่ว bad eye แปลได้ว่าตระหนี่หรือความโลภ ดังพระคัมภีร์ดังต่อไปนี้
(เฉลยธรรมบัญญัติ 15:09, 23:06 สุภาษิต, สุภาษิต 28:22, มัทธิว 20:15)
และตาดี Good Eye หมายถึง ความใจกว้าง (1 พงศาวดาร 29:17, โรม 0:08, เจมส์ 1:5)

พระเยซูกำลังชี้ให้เห็นว่า ความใจกว้างและเอื้ออาทร ดีกว่าใจที่คับแคบ
ถ้าเราได้อ่านพระวจนะตอนที่ (มัทธิว 6:19-34) คุณสามารถบอกได้ว่าพระเยซูจะให้หลักการสำคัญหลายประการเกี่ยวกับการจัดการ เงินของเรา าบอกเราว่าการกระทำของความเอื้ออาทรเป็นเหมือนการฝากเงินในสวรรค์ (6:19-21)
ดังนั้นเมื่อเรามีตาที่ดี (เป็นคนใจกว้าง) ให้ ให้ ให้ ทั้งตัวก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง
แต่ถ้าเรามีตาไม่ดี (เป็นใจแคบ ตระหนี่) ทั้งตัวของท่านก็จะเต็มไปด้วยความมืด
พระองค์เป็นต้นแบบที่เราต้องเลือกเอาแบบอย่าง ใส่ไว้ในชีวิตของเรา

ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น