พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราเมื่ออธิษฐานไม่เป็นคำ
หรือ "ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ" มีการตีความพระวจนะตอนนี้ในมุมมองที่ต่างกัน บางก็ว่าคือพูดภาษาแปลก ๆ เมื่อเราอธิษฐานไม่เป็นคำ เพราะพระวิญญาณจะพูดแทนเรา บางคนเชื่อว่าคำอธิษฐานที่ดีนั้น ไม่ได้มาจากใจหรือตามใจ (เรื่องนี้เราต่างเห็นด้วย) แต่พระวิญญาณจะยืมปากเราพูด เป็นภาษาแปลก ๆ ภาษาสวรรค์ ไม่ใช่ภาษาในโลกมนุษย์เพราะคำอธิษฐานด้วยภาษามนุษย์นั้นมาจากความคิดเพราะภาษาสวรรค์ใช้ทูลระหว่างเรากับพระเจ้า มารซาตานจะไม่สามารถเข้าใจได้ แต่พระเจ้าเข้าใจ (มารก็เคยเป็นทูตสวรรค์มาก่อน)
แท้ที่จริงพระคัมภีร์ตอนนี้หมายความว่าอย่างไร ในความเชื่อส่วนตัว ให้เราพูดภาษาแปลก ๆ หรือ ? แน่นอนภาษาแปลก ๆ ยังมีอยู่และมีความสำคัญ แต่ถ้าเราพิจารณาในบริบทตอนนี้พระคัมภีร์กำลังหนุนใจผู้เชื่อที่กำลังอ่อนกำลังว่า เมื่อเราอธิษฐานหรือมีคนขอให้เราอธิษฐานนั้นในความเป็นมนุษย์เราไม่รู้ว่าเราจะพูดอะไร หรือจะอธิฐานอย่างไร ในกรณีเช่นนี้ถ้าผู้เชื่อที่แท้จริงมอบความวางใจในพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะ เร้าใจ กระตุ้น ชูใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราในการอธิษฐาน มีชีวิตในแบบผู้เชื่อที่แท้จริง
รม. 8:27 และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณเพราะว่าพระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า
นอกจากแปลว่า "ลม" แล้ว บ่อยที่สุดในพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษ ruach แปลว่า "วิญญาณ" หรือ "จิตวิญญาณ" แต่คำว่า "ชันสูตร" คือการตรวจสอบ หัวใจ และท่าทีภายในของเราต้องถูกชันสูตรเพื่อที่จะมีหัวใจที่บริสุทธิ์จากสิ่งมลทิน พระองค์ใช้ถ้อยคำ ใช้พระวจนะเป็นดั่งเตาถลุงเพื่อชีวิตของเราจะบริสุทธิ์
พระคัมภีร์ในฉบับเดิมบางฉบับ ได้บันทึกว่า "ในทำนองเดียวกันพระวิญญาณก็ช่วยในจุดอ่อนให้เรา เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะอธิษฐานอย่างไร"
นอกจากพระวิญญาณจะในเรื่องจุดอ่อนของเราแล้ว ยังช่วยในเรื่อง ความกะปลกกะเปลี้ย, ความอ่อนแอ อีกด้วย แน่นอนเราไม่ต้องกลัวพระวิญญาณจะดลใจ และเร้าใจให้กับเราในการอธิษฐาน และเมื่อนั้นภาษาแปลก ๆ อาจจะพรั่งพรูออกมาก็เป็นได้ บริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้จึงไม่ได้หมายความว่าห้ามพุดภาแปลก ๆ หรือต้องพูดภาษาแปลก ๆ ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
ชาโลม
ktm.Emunha
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น