วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Christmas or Hanukkah


Christmas or Hanukkah

บทความนี้ เป็นเพียงการแบ่งปันในมุมหนึ่ง หากกระทบความเชื่อท่านใดผมขอโทษไว้ ณ.ที่นี้ล่วงหน้านะครับ สำหรับรายละเอียดเชิงวิชาการหรือศาสนศาตร์ผมไม่ลงมากนะครับเพราะมีผู้รู้เขียนไว้เยอะแล้ว ค้นหาเอาได้ในเรื่องที่เจาะจงครับ  

ผมเชื่อแน่เลยว่าปัจจุบัน คริสต์มาส เป็นสิ่งที่หลายที่ละหลายคน ได้ยอมรับและเปลี่ยนมุมมองในเรื่องการประสูติของพระเยซูไปแล้ว ซึ่งแท้จริงพระองค์ไม่ได้ประสูติในช่วงเทศกาล คริสต์มาส อย่างที่เข้าใจ แต่ก็ยังมีหลายที่ที่ยังยืนยันในการประกาศ ในมุมของวันประสูติของพระเยซูว่าคือ 25 ธันวาคม ของทุกปี แม้หลายที่ได้มีความเชื่อเช่นนี้แล้ว แต่ก็ยังอยากจะฉวยโอกาสอันดีไว้ในการประกาศข่าวประเสริฐ ของพระเจ้าใน คริสต์มาสอยู่
แล้วในความเป็นจริง คริสต์มาส เกิดมาจากไหน และทำไมถึงได้ฉลองกันทั่วโลก ในพระคัมภีร์มีเรื่องคริสต์มาสด้วยหรือ ? แท้จริงพระคัมภีร์ไม่มีเรื่องของเทศกาล คริสต์มาสเลย และเราเคยสงสัยไหมว่า ที่เราฉลองกันมาในอดีต หรือที่ยังฉลองกันอยู่นั้น คริสต์มาส มาจากอะไร ?
ในพระคัมภีร์มีเทศกาลอยู่หลายเทศกาล 7 เทศกาลขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เทศกาลทั้งเจ็ดของพระผู้เป็นเจ้า คือ อะไรบ้าง

เฉลยธรรมบัญญัติ 16:16  เป็นการสรุปอย่างสวยงามของเทศกาลทั้งหมด รวมเข้าเป็นเทศกาลแห่งการจารึก 3 อย่าง คือ  เทศกาลปัสกา  เทศกาลเพ็นเตคอสต์  และ เทศกาลอยู่เพิง

เทศกาลในฤดูใบไม้ผลิ  4 เทศกาล  และเทศกาลในฤดูใบไม้ร่วง 3 เทศกาล บอกความหมายเชิงพยากรณ์ดังนี้

1. เทศกาลปัสกา                                      การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู
2. เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ                         การฝังพระศพพระเยซู
3. เทศกาลผลแรก                                    การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู
4. เทศกาลเพ็นเตคอสต์                           พระวิญญาณบริสุทธิ์
5. เทศกาลเสียงแตร                                 การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู
6. เทศกาล วันทำการลบมลทิน                การเสด็จกลับมาครั้งที่สอง
7. เทศกาลพลับพลา                                 การเสด็จกลับมาครั้งที่สอง

ภาษาฮีบรู คือ โมเอ็ด ในพระคัมภีร์พระเจ้าให้สถาปนาเป็นเทศกาลถาวร
อพย. 12:14 “วันนี้จะเป็นวันที่ระลึกสำหรับพวกเจ้า ให้เจ้าทั้งหลายฉลองเป็นเทศกาลเลี้ยงถวายเกียรติพระยาห์เวห์ชั่วชาติพันธุ์ของพวกเจ้า พวกเจ้าจงฉลองเทศกาลเลี้ยงนี้และถือเป็นกฎถาวร

เรื่องเทศกาลในพระคัมภีร์ขอพักไว้ก่อนนะครับ ในมุมที่ว่าถูกยกเลิกไปแล้ว หรือยังไม่ถูกยกเลิก เราจำเป็นไหมที่จะต้องกลับไปเทศกาลในพระคัมภีร์ และถ้ากลับจะกลับแบบไหน ?
ขอพักเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะอยากชี้ให้เห็นว่า ไม่มีตอนไหนเลยที่พูดถึงเทศกาล คริสต์มาส

แม้ว่า 25 ธันวาคม จะเป็นการเฉลิมฉลอง บูชาเทพพระอาทิตย์ ในอดีตคือเทพ Tammuz (Tammuz ถูกมองว่าเป็นบุตรชายของดวงอาทิตย์)
ที่คอนแสตนตินจัดขึ้นเพื่อเทพบูชาพระอาทิตย์ เราจึงไม่ร่วมเฉลิมฉลอง
และถือเป็นวันประสูติของพระเยซู และไม่สื่อสารใดๆที่ชี้ว่าเป็นวันประสูติ
ของพระเยซู แต่เราสามารถจัดเฉลิมฉลองการที่พระองค์เสด็จมาประสูติ
ได้และถือ เป็นการจัดการประกาศได้

คริสต์มาสนั้นได้เกิดขึ้นด้วยการเปลี่ยนความหมายของ การบูชาดวงอาทิตย์คือ Sun มาเป็นการบูชาพระบุตรของพระเจ้าซึ่งคือThe Son และตามการบันทึกในพระคัมภีร์เรื่องการประสูติของพระเยซูนั้น ก็ไม่พบว่าพระองค์ประสูติในช่วงฤดูหนาวเลย จากลูกาบทที่ 2 จะพบว่า ผู้เลี้ยงแกะยังเฝ้าฝูงแกะอยู่ในทุ่งหญ้า ซึ่งถ้าช่วงนั้นเป็นเดือนธันวาคมที่หนาวเหน็บที่สุดแล้วพวกเขาก็คงอยู่กลาง ทุ่งกันไม่ได้อย่างแน่นอน แล้วทั้งโยเซฟ นางมารีย์และพระเยซูที่เพิ่งประสูติออกมาก็อยู่กันในคอกสัตว์ ถ้าเป็นวันที่หนาวเหน็บหนาวจริงๆแล้ว พวกเขาก็คงอยู่กันอย่างนั้นไม่ได้ด้วย

วันที่ 25 ธันวาคมนั้นไม่ใช่วันประสูติ ของพระเยซู และเราก็ไม่ได้ต้องการจะเถียงกันในเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์ประสูติวันใด แต่ไม่ใช่วันที่ 25 ธันวาคม เพราะช่วงเวลานั้นเป็นหน้าหนาวจัด คงมองไม่เห็นดาวแน่ๆ และยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ คงไม่มีใครเอาแกะออกมาเลี้ยง พระองค์อาจจะประสูติช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในขณะที่ อากาศยังอบอุ่น พอที่คนเลี้ยงแกะจะออกมานอนข้างนอกกับฝูงแกะได้ และเรารู้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาในช่วงเวลาเทศกาลเพ็นเคอสต์ พระเยซูจึงประสูติในช่วง เวลา (ในช่วงเวลานะครับ) เทศกาลอยู่เพิง หรือสุคคต นั่นเอง

-พระเยซูประสูติ (เฉลิมฉลอง)
ลูกา 1:5 (26)
1 พงศาวดาร 24
- ทูตสวรรค์ปรากฎในช่วง 12-18 สิวาน (มิถุนายน)
ในช่วงเวลาของเดือนนี้ กันยายน หรือ ทิชรี ในตามปฏิทินของพระเจ้านั้น
เป็นช่วงเวลาแห่งการชื่นชมยินดี เป็นเดือนแห่งความชื่นชมยินดีมากที่สุด
เดือนหนึ่ง หลายคนก็เข้าใจแล้วว่า วันที่ 25 ธันวาคมนั้นไม่ใช่วันประสูติ
ของพระเยซู และเราก็ไม่ได้ต้องการจะเถียงกันในเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพระ
องค์ประสูติวันใด แต่ไม่ใช่วันที่ 25 ธันวาคม เพราะช่วงเวลานั้นเป็นหน้า
หนาวจัด คงมองไม่เห็นดาวแน่ๆ และยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ คงไม่มีใคร
เอาแกะออกมาเลี้ยง

พระองค์ประสูติช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในขณะที่ อากาศยังอบอุ่น พอที่
คนเลี้ยงแกะจะออกมานอนข้างนอกกับฝูงแกะได้ และเรารู้ว่าพระวิญญาณ
บริสุทธิ์เสด็จมาในช่วงเวลาเทศกาลเพ็นเทคอสต์ พระเยซูจึงประสูติในช่วง
เวลา (ในช่วงเวลานะครับ) เทศกาลอยู่เพิง หรือสุคคต นั่นเอง

- อลิซาเบธตั้งครรภ์ช่วงนี้ 25 สิวาน  (285 วัน)
  กำหนดเวลาตั้งครรภ์โดยประมาณ
- ยอห์นบัพติศโต เกิด15 นิสาน (ช่วงปัสกา)
   ลูกา 1:26 อลิซาเบธท้องได้ 6 เดือน
   มารีย์ตั้งครรภ์
- 25 คิสเลฟ (พระเยซู) เทศกาล ฮานูก้า (เทศกาลแสงสว่าง) Hanukkah
- 285 วัน พระเยซูประสูติ 15 ทิชรี  (เทศกาลอยู่เพิง) โดยประมาณ
แต่ ในวันที่ 25 ธันวาคม ชาวโรมมัน ฉลองกันอย่างครึกครื้น ซึ่งเป็นการบูชาพระอาทิตย์หรือพระบาอัลที่สืบทอดกันมาจากทางซีเรีย (Syrian sun-god Baal)

ในวันคริสต์มาสจะมีการประดับต้นคริสต์มาส แบบตะวันตก ด้วยสน กล่องของขวัญ ติดไฟ ห้อยพู่หน้าประตูบ้าน ในพระวจนะกล่าวว่า

ยรม. 10:2 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “อย่าเอาอย่างบรรดาประชาชาติ หรืออย่าคร้ามกลัวเพราะหมายสำคัญของท้องฟ้า ตามที่บรรดาประชาชาติคร้ามกลัวนั้น
ยรม. 10:3 เพราะธรรมเนียมของชนชาติทั้งหลายก็ไร้สาระ เขาตัดต้นไม้ต้นหนึ่งมาจากป่า เป็นสิ่งที่มือช่างได้ทำด้วยขวาน
ยรม. 10:4 เขาทั้งหลายก็เอาเงินและทองมาประดับ เขายึดมันไว้ด้วยค้อนและตะปู มันก็ไม่โยกเยก

ความจริงที่กล่าวมาคือต้นคริสต์มาสนั่นเอง คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ (Christmas) ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า “บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า” คำว่า “Christes Maesse” พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ (เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1038) และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

ชาวคริสเตียน ถูกวัฒนธรรมของเทศกาลเหล่านี้สอดแทรกเข้าอย่างกลมกลืน ซึ่งเป็นการผสมสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนน่ารังเกียจในสายพระเนตรพระเจ้า เข้ามาอย่างแนบเนียนจนคนส่วนใหญ่ที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียน ทั้งหลายที่ไม่ได้ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของคำสอนจากบรรดาผู้สอนทั้งหลาย

ลนต. 18:30 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงปฏิบัติตามคำสั่งของเรา ห้ามประพฤติตามธรรมเนียมอันพึงรังเกียจ ซึ่งพวกเขาประพฤติกันอยู่ต่อหน้าเจ้า และห้ามทำตัวเจ้าให้เป็นมลทินด้วยสิ่งเหล่านี้ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

แท้จริงในช่วงเทศกาล ฮานุก้าห์ chanukah หรือ Hanukkah มี 8 วันติดต่อกัน ซึ่งในเทศกาลนี้เองในช่วงเดือน ธันวาคม เป็นช่วงที่คาดว่า พระเยซู ได้มาปฏิสนในครรภ์ของนางมารีย์

แท้จริงหลายคนบอกว่า ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยกับการตั้งตารอมาตั้ง 1 ปีเพื่อคริสต์มาส แต่ต่อด้วยปีใหม่ไทย แท้จริงช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสว่าง คือ ฮานุกกาห์ เวลาที่พระเมสสิยาห์ ได้มา ปฏิสนในครรภ์ของนางมารีย์ เราต่างบอกว่า เทศกาลในพระคัมภีร์ได้ถูกยกเลิกไปหมดแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปในถุงหนังเดิม หรือบ้ายิวอีกต่อไป แท้จริงแล้ว โดยกางเขนของพระเยซู พระองค์ไม่ได้มาเพื่อจะล้มเลิกธรรมบัญญัติ

รม. 10:4 เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม

แท้จริงคำว่า จุดจบ คือเป้าประสงค์หรือเป้าหมาย ในพระคัมภีร์ฉบับ 2011 ของสมาคม ขอบคุณพระเจ้าที่มีฟรุตโน้ตตรงนี้แล้ว พระเยซูทรงเป็นเป้าประสงค์ พระองค์คือรากฐาน (ศิลามุมเอก) ในยอห์น 1:1 พระองค์คือพระวาทะ ในภาษาเดิมพระองค์คือ โทราห์ที่มีชีวิต

มธ. 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ
คำ ว่าสำเร็จ คือการมาทำตามนั้นทุกประการ ตอนนี้โทราห์ไม่ใช่หนังสือม้วนอันน่ากลัวและเป็นภาระอีกต่อไป แต่พระองค์คือโทราห์ ทรงเป็นโทราห์ที่มีชีวิต (living Torah)

คริสเตียนหลายคนคิดว่า ธรรมบัญญัติ หรือเทศกาลแห่งพระพรได้จบลงไปแล้ว และปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงเพราะมองในมุมของเสรีภาพ และมันเป็นภาระ แต่คิดว่าพระองค์มาทำแทนหมดแล้ว และเราไม่ต้อง แต่เรากลับมาหาเหตุผล หาช่องว่าง และทุ่มเถียงกันเพื่อจะหาทางที่จะยึดเอา คริสต์มาสไว้ด้วยความหวงแหน โดยปฏิเสธเทศกาลของพระเจ้าที่สถาปนาโดยพระองค์เอง

แต่แท้จริงพระองค์ตรัสว่า ยน. 14:15 “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา

มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก
มธ. 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”

เรา ไม่จำเป็นต้องแบกภาระของโลกอีกต่อไป และยังหมายถึงความจำกัดของเราที่เราไม่สามารถทำตามธรรมบัญญัติของเราได้อีก เพราะเรามีความบาป แต่พระองค์ได้เอาธรรมชาติบาปของเราออกไปโดยแผนการอันแยบยลของพระองค์ โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงมีชัยชนะ

มันจะไม่ยากอีกต่อไป ผมจึงแบ่งปันด้วยคำหนุนใจทุกท่านว่า จงระลึกถึง เทศกาลของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา พระองค์ทำเพื่อประชากรของพระองค์ในเทศกาลนี้ คือ ฮานุกกาห์ มันจะไม่เป็นภาระอีกต่อไป มันจะไม่หนักอีกต่อไป เพราะโดยกางเขนของพระองค์ เราจะเข้าเทศกาล ฮานุกกาห์ แบบไม่ใช่วิญญาณ ศาสนาอีกต่อไป เพราะเมื่อพระองค์เสด็จสู่สวรรค์นั้น ทรงประทานผู้ช่วยให้เรา

ยรม. 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา

“พระองค์จะช่วยเราให้มีสติปัญญา ความเข้าใจมากขึ้น โดยธรรชาติใหม่ ผ่านกางเขนของพระองค์” นั่นคือคำว่าสำเร็จแล้วที่พระองค์ตรัส เพราะพระองค์มาทำทุกอย่างที่พูดไว้ในพันธสัญญาเดิมจนครบถ้วน

คริสต์มาสปีนี้ ไม่ว่าท่านจะมีท่าทีความคิดเช่นไร ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านในช่วงเวลา แห่งแสงสว่างที่ พระเยซูได้มาในโลกนี้ นี่เป็นการเริ่มต้นแผนการของพระบิดาเพื่อประชากรของพระองค์ ความมืดจะเอาชนะความสว่างไม่ได้เลย

ยน. 1:5 ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดไม่อาจเอาชนะความสว่างได้

ชาโลม
Ktm.shachah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น