วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เสรีภาพ (ในพระวิญญาณ)


ยก. 1:25 แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพและตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ที่ฟังแล้วก็ลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติตาม ผู้นั้นจะได้รับความสุขในการประพฤติของตน

ในภาษาเดิมนั้น บัญญัติตัวนี้คือ mitzvoth ซึ่งตีความว่าคือบัญญัติ 613 ข้อ แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาโทราห์อันสมบูรณ์แบบแห่งเสรีภาพ และตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ฟังและลืมไปแต่ประพฤติตาม เขาก็จะได้รับความสุข ไม่ใช่การผูกมัด

freedom หรือเสรีภาพก็คล้ายกับความเชื่อ คือไม่ใช่นั่งเทียนเชื่อในเรื่องอะไรก็ได้ ค้านกับพระคัมภีร์ก็ได้ แต่มันคือแก่นสารของพระวจนะที่มาจากพระเจ้า .. เสรีภาพก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่เสรีภาพในเรื่องอะไรก็ได้ มันจะวุ่นวาย แต่มันคือเสรีภาพในองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเรามีเสรีภาพในพระวิญญาณ พระองค์คือโทราห์ และไม่ทำงานค้านกับโทราห์หรือพระวจนะของพระเจ้า ดั่งพระวจนะที่บอกว่า กาลาเทีย 5:18 ในภาษาเดิม แต่ถ้า...
พระวิญญาณบริสุทธิ์ (Ruach Hakodesh) นำคุณ คุณก็ไม่ได้อยู่ใต้ระบบที่บิดเบือนโทราห์ หรือท่านก็ไม่ได้อยู่ใต้ระบบที่ต่อต้านโทราห์ ..

เรายังมีเสรีภาพ แต่เรายังต้องมีกรอบ มีขอบเขต มีระบบ มีกฎหมาย โดยกฎหมายเหล่านั้นจะไม่ค้านกับโทราห์ ... สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเข้าใจ แต่ทุุกง่ายต้องเข้าใจ และไปด้วยกัน เมื่อโทราห์เล่มเดียวกันไม่ค้านกันแล้ว เราเองก็จะไม่ขัดแย้งซึ่งกันและกัน

บนถนนที่มีการจำกัดความเร็ว 90 กม/ชม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุนั้น บางคนถ้าใช้คำว่าเสรีภาพ ในการขับโดยไม่สนใจคนอื่น ฝ่าฝืนและคิดว่า ไม่ชอบการควบคุม และขับรถเกินกว่า 120 กม/ชม นี่ไม่ใช่คำว่าเสรีภาพหรือไม่ ? แต่ที่แน่ๆ เขาอาจจะกำลังกลัวตำรวจที่คอยดักจับความเร็ว หรือกลัวโดนจับ ปรับโทษ แต่ในความเป็นจริง ผมเคยขับรถไม่เกินความเร็วที่กำหนด ผมเองกลับรู้สึกว่า มันไม่ช้าเกินไป ผมรู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องหงุดหงิดกับคันหน้าที่ขับช้าในความเร็วที่กำหนดเท่ากับเรา ไม่ต้องคอยกลัวเครื่องจับความเร็ว ไม่กลัวด่านจับตรวจ ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับ ผมจะแวะปั๊มไหนก็ได้ ผมจะจอดทานอะไรก็ได้ จะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย เพราะเขากำหนดเรื่องความเร็วเท่านั้น

ผมยังจอดที่ไหนก็ได้ แต่ไม่จอดในที่ห้ามจอด เพราะเสรีภาพไม่ใช่จอดรถที่ไหนก็ได้ในที่ห้ามจอด และโดนตำรวจมาล็อคล้อ

พระเจ้าเช่นกัน ถ้าไม่ใช่ความรักพระองค์จะมีบทบัญญัติขึ้นมาเพื่ออะไร บทบัญญัติไม่ได้มีไว้ควบคุม พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะไม่ควบคุมเรา และให้เสรีภาพในการตัดสินใจของเรา แต่การตัดสินใจของเรานั้นจะอยู่บนรากฐานของอะไร ของโลก หรือของโทราห์

เมื่ออ่านโทราห์ เชื่อฟัง แม้เราจะจำได้ไม่ทั้งหมด จะมีผิดบ้าง พลาดบ้าง แต่ผมอยากเป็นพยานว่า แม้จะจำไม่ได้ทั้งหมดแบบท่องปรื๋ออ แต่เมื่อเราเจอสถานการณ์อันเป็นอุปสรรค เสียงของโทราห์จะชัดเจนมากกว่าเสียงของโลก พระวิญญาณจะดึงบางสิ่งจากโทราห์ที่จารึกไว้นั้นออกมา เราเองที่จะตัดสินใจ

บัญญัติมากมาย 613 ข้อมันเป็นความจำกัดของเรา อาจจะมีคนทำได้ แต่จะมีใครสมบูรณ์ ไม่มีเลยที่ใครจะสมบูรณ์

ยรม. 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา

ฮบ. 10:16 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลาย หลังจากสมัยนั้น เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในจิตใจของพวกเขา” 

บางครั้งการบิดเบือน ก็ทำให้เสรีภาพ กลายเป็นการควบคุมโดยที่เราไม่รู้ตัว และทำให้เสรีภาพที่แท้จริงในพระวิญญาณนั้นกลายเป็นการควบคุม

กท. 5:13 พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าท่านถูกเรียกให้มีเสรีภาพ ขอแต่เพียงอย่าถือโอกาสใช้เสรีภาพเพื่อทำตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด

คำว่าเสรีภาพ คือความเชื่อที่แสดงออกด้วยการกระทำด้วยความรัก รับใช้และปรนนิบัติซึ่งกันและกัน จงพึ่งพาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ รักพระเจ้าและรักพี่น้องช่วยเหลือคนยากจน ทั้งฝ่ายกาย ฝ่ายวิญญาณ จงมั่นใจว่าพระเจ้าจะผูกมัดการงานของเนื้อหนัง ที่เป็นอุปสรรคคอยทำร้ายเราทั้งหลาย

กท. 5:16 แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง
กท. 5:17 เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังขัดแย้งพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ขัดแย้งเนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดังนั้นท่านทั้งหลายจึงไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านปรารถนาจะทำ
กท. 5:18 แต่ถ้าท่านทั้งหลายได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณ ท่านก็ไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ
กท. 5:19 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล
กท. 5:20 การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน
กท. 5:21 การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า

จงมีเสรีภาพเพื่อก่อร่างสร้างกันเพื่อพระกายเสมอ ไม่ใช่เพื่อทำลายให้พังลง เสรีภาพที่ปราศจากขอบเขตจะเป็นเสรีภาพแห่งการทำลายเป็นไฟที่เผา แต่ไฟของพระเจ้า ไฟแห่งเสรีภาพ ไฟแห่งพระวจนะหรือโทราห์ จะทำลายสิ่งผูกมัดที่ควบคุมเราอยู่และเผาผลาญสิ่งที่ถ่วงและควบคุมเรานั้นให้หมดไป

เสรีภาพในพระเจ้า คือเสรีภาพที่ไม่ได้ให้สิทธิที่จะทำสิ่งที่เราพอใจหรือทำอะไรก็ได้ แต่ให้เราทำสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
“สู่เสรีภาพในพระวิญญาณ”

เมื่อเราเจออะไรก็ตามที่มันควบคุมและผูกมัด เราไม่เป็นทาสอีกต่อไป เราไม่ต้องถูกพันธนาการอีกต่อไป เราไม่ต้องดิ้นรนอีกต่อไป แต่จงนำสิ่งนั้นมอบกับพระเยซูผู้มีชัยชนะบนกางเขนนั้น และตะโกนดังๆว่า เสรีภาพเถิด ฮาเลลูยา

บทความที่เกี่ยวข้อง ขอบเขตของเสรีภาพ
http://missionkorat.blogspot.com/2011/04/blog-post_9269.html

ขอบคุณพระเจ้า
ชาโลม
Ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น