ท่านเป็นลูกของความสว่าง
พระคัมภีร์ไม่ให้เราเกลียดชังพี่น้อง แต่อะไรคือคำจำกัดความ หรือนิยามของคำว่า “เกลียด” บางคนอาจจะบอกว่า “ฉันไม่ได้เกลียดเขา เพียงแค่ไม่อยากเห็นหน้าเขา” หรือ “ฉันไม่โกรธ ไม่เกลียดนะ แต่คงไม่คุยด้วยอีกต่อไป อย่าได้เจอกันอีกเลย” พระคัมภีร์บันทึกว่า ความเกลียด เท่ากับเข้าไปอยู่ในความมืดมิด
1ยน. 2:9 ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง ขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด
ความเกลียดชัง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ความเกลียดชัง เป็นอารมณ์หนึ่งของมนุษย์ที่แสดงถึงความไม่ชอบ หรือ ปฏิกิริยาที่แสดงความไม่เห็นด้วย กับผู้อื่น บางครั้งพบว่าความเกลียดชังเป็นอาการที่เกิดจากการดูถูกตนเอง มากกว่าจากการถูกข่มเหงรังแก
ความเกลียดชัง ตรงข้ามกับ “ความรัก” สามารถลดอาการเกลียดชังได้ด้วยการหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เกลียดชัง แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราเกลียดชังได้ ก็ควรหลับตา ระลึกถึงแต่สิ่งที่สวยงาม และทำให้เรามีความสุข ที่สำคัญเราควรระงับอารมณ์เกลียดชังให้อยู่ เพราะบางครั้งอารมณ์เกลียดชังก็นำพาเราไปสู่ความรุนแรงได้ บางครั้งความเกลียดชังสามารถแก้ได้ด้วย “การให้อภัย”
เบื่อหน่าย, ชัง, ไม่ชอบ, รังเกียจมาก, ไม่ชอบจนรู้สึกไม่อยากพบอยากเห็นเป็นต้น
ในภาษาฮีบรู เกลียดชัง คือ “sane”
Strong's Hebrew 8130
sane: to hate
Original Word: שָׂנֵא
Part of Speech: Verb
บางครั้งใช้กับภาพของการหันหลังให้, ศัตรู, การเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ฯลฯ
1ยน. 2:11 แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็อยู่ในความมืด และเดินในความมืดและไม่รู้ว่าตนกำลังไปไหน เพราะว่าความมืดทำให้ตาของเขาบอดไปเสียแล้ว
พระเจ้าให้เรารักซึ่งกันและกัน พระเจ้าเป็นความสว่าง และในพระองค์ไม่มีความมืดเลย ความมืดกับความสว่างจึงตรงกันข้ามกัน ดังนั้น ความเกลียดชังและความรักก็เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกันด้วย
1ยน. 1:5 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกกับพวกท่าน คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย
พระองค์เข้ามาในโลกนี้เพื่อส่งมอบความรัก เราจึงเลือกได้ว่าจะ รัก หรือจะเกลียด
ยน. 12:46 เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะไม่อยู่ในความมืด
1ยน. 3:15 ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็เป็นผู้ฆ่าคน และพวกท่านก็รู้อยู่แล้วว่าผู้ฆ่าคนนั้นไม่มีชีวิตนิรันดร์ดำรงอยู่ในตัวเขาเลย
คาอิน ฆ่าอาเบล น้องชายตนเองก็เพราะความเกลียดชัง แต่ความรักนั้นเสริมสร้างซึ่งกันและกัน
พระคัมภีร์บันทึกชัดเจนว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์ก็อยู่ในความสว่าง “ท่านเป็นลูกของความสว่าง” ไม่ใช่ความมืด
1ธส. 5:5 ท่านทุกคนเป็นลูกของความสว่าง และเป็นลูกของเวลากลางวัน เราไม่ได้เป็นของกลางคืนหรือของความมืด
ความรัก ไม่ใช่เพียงการเอาใจใส่ และเอาใจเฉพาะคนมีฐานะร่ำรวยในคริสตจักร ความรักไม่เลือกคนจนคนรวย ความรักไม่เลือกรักเฉพาะคนที่เห็นด้วยกับเราในทุกเรื่อง เออออไปเสียทุกอย่าง ความรักไม่เลือกรักแต่คนที่เอาใจ ที่ที่เขาไม่ตอบสนองหรือไม่เห็นด้วยแล้วเราไม่ชอบหน้าเขา ก้ไม่ต่างจากความเกลียด
การไม่อยากพบเจอหน้า หรือเจอหน้าเขาแล้วหงุดหงิดใจ อยากจะหันหลังเดินหนีก็ไม่ต่างจากความเกลียด การเสแสร้งแกล้งรัก เพราะข้างในยังมีผลประโยชน์ก็เป็นความรักที่ไม่ได้มาจากใจจริง
รม. 12:9 ขอให้ความรักมาจากใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
ยังมีเหตุและผลอีกมากมาย แต่เราเลือกและตัดสินใจได้ที่จะละจากความความ เกลียดชัง หากเราไม่สามารถรักกันและกันได้ พันธกิจและการรับใช้จะมีค่าอะไร หากใจยังขมขื่นต่อกัน และเกลียดชังกันและกัน เราจะต่างอะไรกับคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องมีความแตกต่างให้ผู้อื่นได้พบได้เห็น
ยน. 13:35 ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา”
บัญญัติข้อใหญ่ที่พระเยซูทรงกำชับไว้ก็คือ ความรัก
มธ. 22:37 พระเยซูทรงตอบเขาว่า “ ‘จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’ และด้วยสุดความคิดของท่าน
มธ. 22:38 นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก
มธ. 22:39 ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’
พระวจนะเสริม:
ทต. 3:2 อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน
ทต. 3:3 เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นเราเองก็โง่เขลา ไม่เชื่อฟัง หลงผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและความสำราญต่างๆ ใช้ชีวิตอย่างชั่วร้ายและอิจฉาริษยา ถูกชิงชังและเกลียดกัน
ทต. 3:4 แต่เมื่อความดีเลิศและความรักของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรามาปรากฏ
ทต. 3:5 พระองค์ก็ทรงช่วยเราให้รอด ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมที่เราทำเอง แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์โดยผ่านการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ทต. 3:6 พระวิญญาณองค์นี้แหละที่พระเจ้าประทานให้แก่เราอย่างบริบูรณ์ผ่านทางพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา
ทต. 3:7 เพื่อว่าเมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยพระคุณของพระองค์แล้ว ก็จะได้เป็นผู้รับมรดกตามที่หวังไว้คือชีวิตนิรันดร์
ทต. 3:8 คำกล่าวนี้สัตย์จริง ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านเน้นเรื่องเหล่านี้ เพื่อพวกที่เชื่อในพระเจ้าแล้วจะได้มุ่งทำการดี การกระทำเหล่านี้ดีและเป็นประโยชน์กับทุกคน
ที่มา:
ความเกลียดชัง
https://th.wikipedia.org/
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น