ขอพระหัตถ์ของพระองค์เคลื่อนมา
สดด. 119:173 ขอพระหัตถ์ของพระองค์พร้อมที่จะช่วยข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้เลือกข้อบังคับของพระองค์
ผู้เชื่อมักอธิษฐานบ่อยครั้งว่า “ขอพระหัตถ์ของพระองค์” มาเถิด มาเพื่อสิ่งนั้น สิ่งนี้ ซึ่งฟังแล้วเป็นคำอธิษฐานที่นำความเชื่อมั่นและความหวังอย่างมาก และก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่เมื่อเราอธิษฐาน ขอพระหัตถ์ของพระองค์เคลื่อนมา เรามีความเชื่อและความเข้าใจในบริบทของประโยคนี้มากแค่ไหน?
หากคำอธิษฐานของเราเป็นสิ่งที่ตอบสนองตัวเราเองหรือเปล่า เป็นการเอาความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือไม่ พระองค์ต้องมาทำในสิ่งที่เราอยากให้ทำเท่านั้นหรือ?
ภาพของพระหัตถ์ที่เคลื่อนมา เป็นสำนวนของการหยิบยื่นหรือให้ แต่ไม่ได้ทรงให้ตามตัณหาเนื้อหนัง หรือการตีความพระคัมภีร์แบบผิด ๆ บางคนอธิษฐานเพื่อความมั่งคั่ง ขอพระหัตถ์ของพระองค์เททรัพย์ลงมาในกระเป๋าข้า พร้อมชูกระเป๋าเงินขึ้น และร้อง อาเมน ฮาเลลูยา ด้วยเสียงอันดัง พระคัมภีร์บอกว่าจงวินิจฉัย และสำรวจท่าทีภายในจิตใจ บางครั้งเมื่อเวลาผ่านไป หลายคนกลับแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ
การอธิษฐานขอบางสิ่งบางอย่างทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้านั้น ก็อาจจะเป็นการเปลืองลมหายใจ หรือการตีความพระวจนะว่า จงขอแล้วจะได้
มธ. 7:7 “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน
ดังนั้น อะไรคือคำว่า อธิษฐานขอแบบผิดๆ ใน ยากอบบันทึกว่า เราขอและไม่ได้รับเพราะว่าเราขอผิด
ยก. 4:3 พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง
มันคือการอธิษฐานขอที่ไม่จริงใจและไม่บริสุทธิ์ใจ และเพื่อตอบสนองตัณหาของเราเอง
ยก. 1:5 แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ
1ยน. 5:14 และนี่เป็นความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง
1ยน. 5:15 และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังเมื่อเราทูลขอสิ่งใด เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่ทูลขอนั้นจากพระองค์
ดังนั้นการขอพระหัตถ์ของพระเจ้าเคลื่อนมาใน “สดด. 119:173 ขอพระหัตถ์ของพระองค์พร้อมที่จะช่วยข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้เลือกข้อบังคับของพระองค์” คือสำนวนและเป็นภาพของการหยิบยื่นให้ เป็นการช่วยเหลือ ป้องกัน ช่วยกู้ ปกป้อง รักษา
คำว่า “ขอ” ในที่นี้เป็นคำเดียวกับคำว่า อนุญาต, ยอม, ให้
พระองค์ให้เสรีภาพแก่เราที่จะเลือก ยอมหรือไม่ยอม ดังนั้นเราต้องเปิดใจ ยอมให้ หรืออนุญาต ให้พระองค์ทรงกระทำการนั้น ๆ ที่พระองค์ทรงทราบดีอยู่แล้วว่าเราต้องการสิ่งใด และสิ่งนั้นเป็นไปตามพระทัยของพระองค์
พระหัตถ์ของพระเจ้า ยังเป็นภาพของการทรงสถิต พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราตลอดเวลา ตั้งแต่วันที่เราต้อนรับและเชื่อในพระองค์ จงเชื่อว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราตลอดเวลา เพียงแต่เราจะยอมหรืออนุญาตให้พระองค์กระทำการนั้น ๆ ในเราหรือไม่
สดด. 32:4 พระหัตถ์ของพระองค์หนักอยู่บนข้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน กำลังของข้าพระองค์ก็เหือดแห้งไปอย่างกับถูกความร้อนในหน้าแล้ง
การดำเนินชีวิตในความรัก ก็เป็นเงื่อนไขหนึ่ง หากเราดำเนินชีวิตในความรักเท่ากับเราก็ดำเนินตามพระทัยและบัญญัติของพระองค์ด้วย เพราะพระคัมภีร์เน้นในเรื่องความรักมากและเป็นบัญญัติข้อใหญ่
1ยน. 4:12 ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้าไม่ว่าเวลาใด ถ้าเราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน พระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในเราทั้งหลาย และความรักของพระองค์ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา
1ยน. 4:16 เราทั้งหลายจึงรู้และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น
การดำเนินชีวิตในความรัก ตามบัญญัติของพระเจ้า คือการที่เราจะได้อยู่กับการสถิตอยู่ของพระองค์
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น