อธิษฐานเผื่อฉันหน่อย
ยก. 5:16 เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล
จากพระวจนะ ตอนนี้บันทึกว่า “จงอธิษฐานเผื่อกันและกัน” นอกจากนี้พระคัมภีร์หลาย ๆ ก็มีการให้พี่น้องในความเชื่ออธิษฐานเผื่อตนเองด้วยเมื่อต้องออกไปรับใช้ หรือทำพันธกิจ
ดังนั้นการอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่ดีที่เราควรกระทำต่อกัน และตอบสนองต่อกันในครอบครัวแห่งความเชื่อ และพระกายเดียวกัน
แต่หากคำอธิษฐานหรือคำร้องขอกลายเป็นความเคยชิน และหากเราให้คำอธิษฐานของมนุษย์ ทำให้เรารู้สึกดี มีความหวัง รู้สึกดีเมื่อมีคนอธิษฐานเผื่อ หรือเรามักมีคำพูดที่เคยชินว่า “อธิษฐานเผื่อด้วยนะ” เพราะเป็นความเชื่อที่เคยชินว่าหากมีคนอธิษฐานเผื่อยิ่งหลายคนเรายิ่งรู้สึกดี และมั่นใจ
บางครั้งหากมีคนที่มีชื่อเสียง นักเทศน์ที่ดังระดับโลกมา หลายคนยิ่งอยากเข้าหาเพื่อรับคำอธิษฐาน หากท่าทีภายในเชื่อว่า คนเหล่านี้อธิษฐานแล้วมีพลังแห่งความเป็นจริงมากกว่า หรือการเจิมมากกว่าคนอื่นทั่วไปอธิษฐาน ต่อให้คิวยาวแค่ไหนก็อดทนรอได้ (ผมไม่ได้หมายความว่าสิ่งนี้ผิดหรือถูก หากแต่อยู่ที่ท่าทีภายในจิตใจ)
ผู้รับใช้บางคนมีทีมอธิษฐาน บางแห่งใช้คำว่านักอธิษฐานวิงวอนของคริสตจักร ความเชื่อแบบนี้จะทำให้เชื่อว่า หากคริสตจักรมีปัญหาไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด แต่เขาจะเชื่อว่าต้นเหตุคือทีมหรือไม่มีใครอธิษฐาน หากการเงินของคริสตจักรมีปัญหา หากงานรับใช้ของตนเองมีอุปสรรคหรือไม่สำเร็จ หากการเทศนาไม่ราบรื่น หากการทำการอัศจรรย์ในงานรับใช้ไม่เกิดผล หากการเติบโตของคริสตจักรอยู่กับที่ เขาก็จะโทษว่า ไม่มีการอธิษฐานพระเจ้าจึงไม่สถิตอยู่ด้วย
เราต้องกลับมาสำรวจท่าทีภายในใจของเราว่า เรากำลังเชื่อพระคัมภีร์แบบไหน ? การอธิษฐานเป็นสิ่งที่ดีมากและมีพลังมาก เป็นดั่งอาวุธของผู้เชื่อ พระคัมภีร์ก็สอนให้เราอธิษฐานเผื่อกันและกัน และก็ให้เรากล่าวขอคำอธิษฐาน เปาโล ก็ขอคำอธิษฐานเพื่อจะกล่าวพระวจนะที่เป็นความล้ำลึกของพระคริสต์
คส. 4:3 และอธิษฐานเผื่อเราด้วย เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงเปิดประตูให้เราสำหรับพระวจนะนั้น คือให้กล่าวความล้ำลึกของพระคริสต์ (ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่ก็เพราะเหตุนี้)
.
การอธิษฐานเผื่อกันเป็นสิ่งที่ดี แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็สอนไว้ให้เราอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกันด้วย หากแต่การอธิษฐานนั้นต้องอธิษฐานด้วย “ความเชื่อ” และเชื่อในความจริงและเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า พระคัมภีร์สอนให้เราอธิษฐานด้วยความเชื่อ
มธ. 21:22 สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้”
ยก. 5:14 มีผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 5:15 และการอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้เขาหายโรค และถ้าเขาได้กระทำบาปพระองค์ก็จะทรงโปรดอภัยให้
ยก. 5:17 ท่านเอลียาห์ก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนกับเราทั้งหลาย และท่านได้อธิษฐานด้วยความเชื่ออันแรงกล้าขอไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกต้องแผ่นดินถึงสามปีกับหกเดือน
เมื่อเราถูกร้องขอให้อธิษฐานเผื่อ เราอธิษฐานด้วยความเชื่อหรือไม่ ? เราใช้ความเชื่อมากแค่ไหนในการอธิษฐาน ไม่ใช่เพื่อความดูดี ไม่ใช่เพียงถ้อยคำสวยหรูยืดยาว ไม่ใช่เอาใจใคร ไม่ใช่เพื่อหน้าที่ แต่ด้วยความเชื่อ ไม่ใช่พอผ่าน ๆ ไป ที่เต็มไปด้วยรัก เพราะนี่คือบัญญัติข้อใหญ่สุดในสองข้อ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
มธ. 22:39 ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
เมื่อเราอธิษฐานเผื่อใคร เราควรอธิษฐานเผื่อเขาด้วยถ้อยคำแห่งความจริง จากพระวจนะ จากน้ำพระทัยของพระเจ้าด้วยความเชื่อ ไม่ใช่เพียงถ้อยคำที่สวยหรู ยืดยาวแต่ตามใจของตัวเราเอง แม้เราจะอยู่ในสภาวะไหน แม้ไม่พร้อม แม้เหน็ดเหนื่อย แม้เราไม่สามารถปฏิเสธได้ในเวลานั้น ๆ แต่หากเราอธิษฐานด้วยความเชื่อที่มาจากรากฐานแห่งความจริง และที่เป็นพระสัญญาของพระเจ้าคำอธิษฐานนั้นจะเกิดผลแยะชุ่มชื้นหัวใจของเขา มีพลังมากแค่ให้กำลังใจและรู้สึกดี เพราะคำอธิษฐานของผ้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล
ยก. 5:16 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล
ฮบ. 11:1 ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็น
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น