กิจพยากรณ์
กิจพยากรณ์ (prophetic acts) คืออะไร ทุกวันนี้หลายคริสตจักรมักสอนเรื่องการทำ กิจพยากรณ์ และผู้เชื่อหลายคนเริ่มคุ้นกับคำว่า กิจพยากรณ์ เมื่อทำกิจพยากรณ์ทำเพื่ออะไร และกิจพยากรณ์คืออะไร ?
กิจพยากรณ์เป็นการกระทำทางด้านกายภาพ ซึ่งมีความหมายในเชิงการเผยพระวจนะ หรือการพยากรณ์ คือไม่เพียงการเผยด้วยถ้อยคำเท่านั้น แต่เผยด้วยการกระทำ ซึ่งเมื่อกระทำกิจพยากรณ์ไปแล้วจะเป็นการให้มีการเคลื่อนในมิติที่เหนือธรรมชาติ
กิจพยากรณ์ที่ไม่ได้มาจาก เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจะมีพลังมากในการเคลื่อน เมื่อกิจนั้นได้เกิดในฝ่ายกายภาพตามการทรงนำของพระเจ้า ก็จะก่อให้เกิดในมิติที่เหนือธรรมชาติด้วย
กิจพยากรณ์ ไม่ใช่สิ่งที่ผิด และบางกรณีก็อาจจะมีความจำเป็น แต่ต้องมั่นใจว่ามาจากพระเจ้า กิจพยากรณ์คือการกระทำที่มาจากน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ตัวเอง แม้อาจจะไม่ตั้งใจแต่ก็ต้องระวังที่มาจากความอยาก ความชอบ จินตนาการ หรือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและบอกว่า "พระเจ้าบอกฉันว่า" ดังนั้นน้ำพระทัยของพระเจ้าจะผ่านทางผู้เชื่อ โดยมีจุดมุ่งหมายและเป้าประสงค์ชัดเจนอย่างเจาะจง โดยเป็นการสำแดงหัวใจของพระเจ้าในบริบทนั้น ๆ ดังนั้นต้องมั่นใจว่ามาจากพระเจ้า
กิจพยากรณ์ในพระคัมภีร์มีบริบทที่สามารถจำแนกได้ดังนี้
- การร้องขอ
1พกษ. 18:42 อาหับก็เสด็จขึ้นไปเสวยและดื่ม แต่เอลียาห์ขึ้นไปที่ยอดภูเขาคารเมล ท่านก็โน้มตัวลงถึงดิน ซบหน้าระหว่างเข่า
1พกษ. 18:43 และท่านสั่งคนใช้ของท่านว่า “จงลุกขึ้นมองไปทางทะเล” เขาก็ลุกขึ้นมองและตอบว่า “ไม่มีอะไรเลย” และท่านบอกว่า “จงไปดูอีกเจ็ดครั้ง”
1พกษ. 18:44 และต่อมาเมื่อถึงครั้งที่เจ็ด เขาบอกว่า “ดูสิ มีเมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล” และท่านก็บอกว่า “จงไปทูลอาหับว่า ‘ขอทรงเตรียมราชรถและเสด็จลงไป เพื่อพระองค์จะไม่ติดฝน’ ”
- การรักษา
2พกษ. 5:9 นาอามานจึงมาพร้อมกับบรรดาม้าและรถรบของท่าน มาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านของเอลีชา
2พกษ. 5:10 เอลีชาก็ส่งผู้สื่อสารมาเรียนท่านว่า “จงไปชำระตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง และเนื้อของท่านจะกลับคืนอย่างเดิม และท่านจะสะอาด”
2พกษ. 5:11 แต่นาอามานโกรธและไปเสีย บ่นว่า “ดูสิ ข้าคิดว่าเขาจะออกมาหาข้าแน่ๆ และมายืนอยู่ และออกพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา แล้วโบกมือเหนือที่นั้น ให้โรคเรื้อนหาย
2พกษ. 5:12 อาบานาและฟารปาร์แม่น้ำเมืองดามัสกัส ไม่ดีกว่าบรรดาลำน้ำแห่งอิสราเอลหรือ? ข้าจะชำระตัวในแม่น้ำเหล่านั้น และจะสะอาดไม่ได้หรือ?” ท่านจึงหันหลังไปเสียด้วยความเดือดดาล
2พกษ. 5:13 แต่พวกข้าราชการของท่านเข้ามาใกล้ และทัดทานท่านว่า “บิดาของข้าพเจ้า ถ้าผู้เผยพระวจนะจะสั่งให้ท่านทำสิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง ท่านจะไม่ทำหรือ? ถ้าเช่นนั้นเมื่อผู้เผยพระวจนะสั่งท่านว่า ‘จงไปล้าง และสะอาดเถิด’ ท่านยิ่งควรจะทำสักเท่าไร?”
2พกษ. 5:14 ท่านจึงลงไปจุ่มตัวเจ็ดครั้งในแม่น้ำจอร์แดน ตามถ้อยคำของคนของพระเจ้า และเนื้อของท่านก็กลับคืนเป็นอย่างเนื้อของเด็กเล็ก และท่านก็สะอาด
- การสงคราม
อพย. 17:10 โยชูวาก็ทำตามคำสั่งของโมเสส เขาออกไปรบกับคนอามาเลข ส่วนโมเสส อาโรน และเฮอร์ก็ขึ้นไปบนยอดเขานั้น
อพย. 17:11 โมเสสยกมือขึ้นเมื่อไร อิสราเอลก็ได้เปรียบเมื่อนั้น ท่านลดมือลงเมื่อไร พวกอามาเลขก็ได้เปรียบเมื่อนั้น
อพย. 17:12 แต่มือของโมเสสเมื่อยล้า เขาทั้งสองจึงนำก้อนหินมาวางให้โมเสสนั่ง อาโรนกับเฮอร์ก็ช่วยยกมือท่านขึ้นคนละข้าง มือทั้งคู่ของท่านจึงชูอยู่จนตะวันตกดิน
อพย. 17:13 ส่วนโยชูวาปราบกองทัพอามาเลขพ่ายแพ้ไปด้วยคมดาบ
- คำเตือน
เอเสเคียล 4-5
ฮบ. 11:30 โดยความเชื่อ กำแพงเมืองเยรีโคพังลง หลังจากคนอิสราเอลเดินรอบกำแพงครบเจ็ดวัน
ในพันธสัญญาเดิมบันทึกว่า "โดยความเชื่อ" ความเชื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำ และเป็นบริบทของการกระทำด้วยใจเชื่อฟังพระเจ้า เขาไม่ได้กระทำเพราะเชื่อในกิจพยากรณ์ แต่เขากระทำเพราะเขามีความเชื่อว่าเมื่อเขาเชื่อฟังพระเจ้า แม้มันจะดูเป็นไปไม่ได้ แต่พระเจ้าพระองค์ทรงทำได้
ในบริบทของเยรีโคก็เป็นการทรงนำของพระเจ้าเฉพาะเจาะจงในเวลานั้น กิจพยากรณ์จึงไม่ใช่การเลียนบริบทของความสำเร็จ เพราะตลอดในพระคัมภีร์อิสราเอลก็ไม่ได้ทำซ้ำในการเดินเจ็ดรอบ บางครั้งการขาดความเข้าใจในกิจพยากรณ์อย่างแท้จริงเราก็ไม่ต่างจากชาวโลกนี้ที่เชื่อในไสยศาสตร์
แม้แต่คำพยานในเรื่อง นิมิต ภาพ ความฝัน เป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้ผิดเลยจากพระคัมภีร์ แต่ถ้าขาดการกลั่นกรอง วินิจฉัย และอ้างพระนามของพระเจ้า หรือโยงด้วยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คำว่า "พระเจ้าบอกว่า" หรือ "หรือพระเจ้าตรัสว่า" แม้แต่ภาพที่เห็น ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า แม้จะเป็นภาพที่ดีและดูเหมือนจะสนับสนุน ให้กำลังใจ แต่ก็เป็นการอ้างพระเจ้าอย่างไม่สมควร ... เราจึงควรช้าที่จะพูด วินิจฉัย ไตร่ตรอง ก่อนที่จะพูดออกไปด้วยพระนามของพระเจ้า
วันนี้ผมไม่ได้มาบอกว่ากิจพยากรณ์ผิด หรือไม่มีแล้ว แต่หนุนใจว่าในภาพรวมเช่นคริสตจักรหรือกลุ่มประชุม หากเราจะทำกิจพยากรณ์ สิ่งนั้นต้องมาจากน้ำพระทัยของพระเจ้า และเราต้องได้ยินชัดเจนจริง ๆ และสิ่งที่ทำต้องไม่ค้านกับพระคัมภีร์ ไม่เอาความคิดของตัวเองว่าต้องทำอย่างไร
ไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องเดินเจ็ดรอบตามเยรีโคทุกครั้ง หากทำสงครามต้องหารูปภาพที่เป็นรูปเคารพนั้นมาตั้ง แม้แต่คำพยานหลังจากนี้ ภาพที่เห็นก็ต้องไม่ใช่มาจากการจินตนาการหรือมโนภาพของเราเอง แม้สิ่งนั้นจะดูดี ดูเป็นชัยชนะอย่างเด็ดขาด หากเราบอกว่า พระเจ้าให้ฉันเห็นภาพ นั่นหมายถึงการมีพระนามของพระเจ้าเข้ามาเกี่ยว หรือพระเจ้าตรัสว่า หรือสั่งว่า ก้ไม่ต่างกับคนทำไสยศาสตร์
จงวินิจฉัย จงไตร่ตรอง ก่อนจะทำสิ่งใดเพราะถ้าสิ่งนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่มาจากแผนการของเราเองแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลย
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น