วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เดือนอาดาร์ เอสเธอร์ ภาพของ พันธสัญญาใหม่ยาชูวาห์

เดือนอาดาร์ 
เอสเธอร์ ภาพของ พันธสัญญาใหม่ยาชูวาห์



ในหนังสือเอสเธอร์ เราได้พบกับแผนชั่วร้ายกับคน ยาฮูดาห์ หรือยูดาห์ ในขณะที่พวกเขาอยู่ในการเนรเทศในจักรวรรดิเปอร์เซีย

คนชั่วร้าย คือฮามานเกลียดชังชาวยิวคนหนึ่งชื่อ โมรเดคัย เพราะว่า โมรเดคัย ไม่ยอมแสดงความเคารพและน้อมลงต่อเขา เขาจึงเดือดดาล ลึกๆเขามีความขมขื่นต่อชาวยิวทุกคน และนี่เป็นผลที่ ฮามาน พยายามจะทำลายชาวยิวทั้งหมด (เอสเธอร์ 3:5-6)


อสธ. 3:5 เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพ ฮามานก็เดือดดาล
อสธ. 3:6 แต่เห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะพวกเขาแจ้งให้ทราบเรื่องชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาทางทำลายคนยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส
ฮามานคือภาพของ ซาตาน และโมรเดคัยเป็นภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเร้าใจ หรือทรงดลใจ ยาชูวาห์ หรือเราเรียกเขาว่า พระเยซู เพื่อบ้านของยูดาห์ เช่นเดียวกับ โมรเดคัยซึ่งเป็นญาติของ ราชินี เอสเธอร์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจ และเร้าใจของเธอที่จะร้องต่อคนของเธอ

เอสเธอร์มาจากเผ่า เบนจามิน แต่เผ่าเบนจามิน ได้หลอมรวมเข้ากับบ้านของยูดาห์ หลังจากที่ทั้งสองแยกอาณาจักร (1 พงศ์กษัตริย์ 12) around 930 B.C.

เรื่องราวของราชินี เอสเธอร์ เกิดขึ้น 400 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากที่ทั้งสองอาณาจักรของ ยูดาห์ และ ยิสราเอล ได้รับการแบ่งออก

โมรเดคัย ปฏิเสธที่จะน้อมลงนมัสการ  ฮามาน เป็นภาพที่ พระเมสสิยาห์ได้ปฏิเสธที่จะนมัสการซาตาน และเมื่อพระองค์อยู่ถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 วัน 40 คืนนั้น ซาตานต้องการการนมัสการจากพระองค์

มธ. 4:8 อีกครั้งหนึ่งมารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาที่สูงมาก และได้แสดงบรรดาราชอาณาจักรในโลก ทั้งความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร

มธ. 4:9 แล้วได้ทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านจะก้มลงนมัสการเรา เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน”
มธ. 4:10 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า ‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์ แต่ผู้เดียว’ ”
เพราะยาชูวาห์ทรงปฏิเสธที่จะยอม อ่อนข้อให้กับซาตาน เช่นเดียวกันกับโมรเดคัยที่ปฏิเสธจะยอมอ่อนข้อให้กับ ฮามาน ซาตานมุ่งมั่นที่จะฆ่า ยาชูวาห์ เช่นเดียวกันกับฮามานที่มุ่งมั่นที่จะฆ่า โมรเดคัย

และฮามานได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เป็นมือขวาของกษัตริย์ และเตรียมวางแผน (เอสเธอร์ 3:1)
อสธ. 3:1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ กษัตริย์อาหสุเอรัสทรงให้ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากักเป็นใหญ่ ทรงยกเขาขึ้นและทรงให้นั่งในตำแหน่งสูงกว่าเจ้านายทั้งปวงที่อยู่กับเขา

ดังนั้นการถูกวางในตำแหน่ง ฮามานพร้อมจะโน้มน้าวกษัตริย์ ที่จะลงนามในคำสั่ง ที่ระบุว่า ชาวยิวจะถูกฆ่าตายในวันที่ 13 ของเดือนที่ 12 อาดาร์

พระยาห์เวห์ ใช้ราชินีเอสเธอร์ ที่จะรักษาบ้านของยูดาห์ ชื่อของเธอเป็นภาษาฮีบรู Hadassah  ซึ่งหมายความว่า " ต้นเมอเทิล" และนี่คือคำอุปมาจาก ยาชูวาห์ (พระเยซู) ในพระกิตติคุณ

รากจากชื่อของเธอคือ  “Chadash” ซึ่งหมายถึง เพื่อต่ออายุ สร้าง และซ่อมแซม รื้อฟื้น

คำว่า  “Renewed Covenant” พันธสัญญา การเริ่มใหม่ หรือ ต่ออายุสัญญา หรือต่ออายุสัญญาที่กำลังจะหมด ในภาษาฮีบรูเรียกว่า “Briyth Chadashah,” ซึ่งหมายความว่า ชาวยิวถูกเริ่มใหม่ หรืออาจจะหมายถึง พันธสัญญา คือการ การขลิบหนังหุ้มลึงค์ออก, การชำระล้างจิตวิญญาณให้สะอาด

ในลักษณะเดียวกัน พระเมสสิยาห์ถูกส่งมา เพื่อ ต่ออายุ พันธสัญญากับ ยิสราเอล พระยาห์เวห์ ส่งเอสเธอร์ ที่จะ ต่ออายุ พระราชกฤษฎีกา เพื่อนำมาถึงพระราชกฤษฎีกาเข้ามา เพื่อพวกเขาสามารถที่จะปกป้องตนเองเพื่อเอาชนะศัตรู

และเพื่อให้เห็นว่า เอสเธอร์เป็น สัญลักษณ์ ของพระเมสสิยาห์ในบทบาทของเธอเพื่อวิงวอนและขอร้องเพื่อคนของเธอ เช่นเดียวกันกับ ยาชูวาห์ที่ วิงวอนเพื่อเราบนไม้กางเขน

ครั้งแรกที่ทำพันธสัญญากับคน ยิสราเอล (ไม่ใช่เพราะพันธสัญญามีข้อบกพร่อง) แต่เพราะพวกเขาไม่สามารถดำเนินอยู่ในเนื้อหนังที่บาปของพวกเขาเพื่อให้ โทราห์ และเพื่อให้ ยาชูวาห์ มาเพื่อเพื่อต่ออายุสัญญา ด้วยเหตุนี้เราได้รับอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะช่วยให้เราสามารถดำเนินในโทราห์ฉบับเดิมที่ไม่ได้ถูกยกเลิก (ยาชูวาห์ พระองค์ทรงเป็นโทราห์ที่มีชีวิต) ทรงมาเพื่อรื้อฟื้น และต่ออายุ

และดังนั้น ราชินีเอสเะอร์ ชื่อภาษาฮีบรูเป็น Hadassah เพราะมาจากคำราก “chadash” ซึ่งหมายถึง "การต่ออายุ" พันธสัญญาแรกหรือคำสั่งที่ชั่วราย ฮามานปองร้ายต่อยิว แน่นอน มุ่งเพื่อนำไปสู่ความตาย เช่นเดียวกับครั้งแรกที่โมเสสทำพันธสัญญา หรือสัญญาจะลงโทษพวกคนยิสราเอล ไปสู่ความตายโดยขณะนั้นไม่มีการชดเชยเลือดของพระเมสสิยาห์ หรือบางครั้งก็ชดเชยด้วยการฆ่าถวายบูชา

เพื่อที่เราจะมีอำนาจที่จะเอาชนะความบาป หรือธรรมชาติบาป "พันธสัญญาต่ออายุ" ให้กับเรา ในทำนองเดียวกัน เอสเธอร์นำเรื่อง "พระราชกฤษฎีกาต่ออายุ" เพื่อยูดาห์ จะมีอำนาจในการปกป้องตนเองในสงคราม

เอสเธอร์ได้เสี่ยงชีวิตของเธอเอง๘ระที่เธออดอาหารเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เช่นเดียวกับ ยาชูวาห์ พระเมสสิยาหของเรา ทรงเป็นขึ้นหลังจาก 3 วัน 3 คืน ในหัวใจของโลก

มธ. 12:40 เพราะว่าโยนาห์อยู่ในท้องปลามหึมาสามวัน สามคืน อย่างไร บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนอย่างนั้น

การถูกรื้อฟื้นจากความตาย ถูกต่ออายุ เข้าสู่ชีวิตใหม่

อสธ. 5:1 เมื่อถึงวันที่สาม พระนางเอสเธอร์ก็ทรงเครื่องทรงราชินี และทรงยืนในลานชั้นในของพระราชวังตรงข้ามกับท้องพระโรง กษัตริย์ประทับบนราชบัลลังก์ภายในพระราชสำนักตรงข้ามทางเข้าพระราชวัง

ยาชูวาห์ ดำเนินเข้าไปในส่วนที่ต่ำสุดของโลก และได้ประกาศข่าวดีของราชอาณาจักร ไปยังบรรดาวิสุทธิชนที่เสียชีวิตภายใต้ข้อตกลงแรกที่อยู่ในอกของอับราฮัม นอกจากนี้ ยังประทานของขวัญแห่งความรอดแก่มนุษย์ผู้เชื่อ

อฟ. 4:8 ดังนั้นจึงมีพระวจนะว่า “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นไปสู่ที่สูง พระองค์ทรงนำเชลยกลุ่มใหญ่ไป  และประทานของประทานแก่มนุษย์”
อฟ. 4:9 (การที่กล่าวว่า “พระองค์เสด็จขึ้นไป” นั้น จะมีความหมายว่าอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าพระองค์ได้เสด็จลงไปสู่เบื้องต่ำของแผ่นดินโลกแล้วด้วย?

และ (ลูกา 16)

ในวันที่สามหลังจากการตึงกางเขนของพระองค์ในช่วงเวลาของปัสกา ทรงฟื้นขึ้นมาในวันลองที่เรียกว่า "ผลแรก หรือ First Fruits" (เลวีนิติ 23:17) พระองค์ไม่ได้รื้อฟื้นเรื่อง "อีสเตอร์" (เทพบาบิโลน ธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์) นี่เป็นเรื่องที่ซาตานโกหกเรา

ยาชูวาห์ทำหน้าที่เป้นมหาปุโรหิตในพระวิหาร ในขณะที่พัดโบก "ผลแรก" ของการเก็บเกี่ยวของวิญญาณของบรรดาผู้คนในวันที่สาม นำเสนอต่อพระบิดาในสวรรค์

ถ้าเราจำได้ ฮามานชำระเงินที่จะทำลาย บ้านของยูดาห์ และยูดาส ชำระเงินที่จะทรยศต่อ ยาชูวาห์
เมื่อมีข่าวว่าชายิวกำลังจะถูกทำลายในวันที่ 13 ของเดือนที่ 12 อาดาร์ ราชินีเอสเธอร์ ได้เสด็จไปในนามของประชาชนชาวยิว ไปหากษัตริย์

อสธ. 4:7 โมรเดคัยก็เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่เกิดกับท่าน และจำนวนเงินที่ฮามานได้สัญญาถวายเข้าพระคลังหลวงเพื่อทำลายพวกยิว
อสธ. 4:8 โมรเดคัยยังได้ให้สำเนาบันทึกกฤษฎีกาที่ออกในสุสา สั่งให้ทำลายพวกเขา เพื่อให้ฮาธาคนำไปแสดงต่อพระนางเอสเธอร์ และอธิบายเรื่องราวต่อพระนาง พร้อมกับกำชับให้พระนางเข้าเฝ้ากษัตริย์ เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์เพื่อชนชาติของพระนาง

เราจะพบว่า ฮามานจ่ายเงินเข้าคลังของกษัตริย์ เพื่อแลกกับการลงนามในคำสั่งชั่วร้ายนี้กับชาวยิว สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น เมื่อยูดาสได้ทรยศ จ่ายเงินกับ ปุโรหิตและทหารของโรมัน

มธ. 27:3 เมื่อยูดาสคนที่ทรยศพระองค์เห็นว่าพระองค์ทรงถูกลงโทษก็เสียใจ จึงนำเงินสามสิบเหรียญนั้นมาคืนให้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่

กษัตริย์ไม่สามารถกลับคำได้ เมื่ออกคำสั่งและเซ็๋นสัญญาโดยตราประทับด้วยแหวนของพระองค์เอง ดังนั้น กษัตริย์จึงออก “Renewed Decree” เป็นการเริ่มพระราชกฤษฎีกาใหม่ ที่ออกมาเพื่อยิว หรือ ชาวยิวยูดาห์ ที่จะปกป้องตัวเองและต่อสู้พระราช

เราเห็นได้ว่า พระราชกฤษฎีกาใหม่ไม่ได้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเก่า หรือเดิม แต่เพิ่มข้าที่ระบุว่า ยิว หรือ ยูดาห์ จะต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง

ในทำนองเดียวกัน ทางเดียวกัน พระยาห์เวห์ นำเสนอ "พันธสัญญาใหม่ หรือ พันธสัญญาเริ่มใหม่" ซึ่งช่วยให้เราสามารถ ต่อสู้ การต่อสู้ การต่อสู้ที่ดีแห่งความเชื่อ ความศรัทธา กับศัตรูของเรา คือซาตาน ที่พยายามจะทำลายเราด้วยความบาป

ดังนั้นเราจะเห็นว่าหลังจากที่บ้านของยูดาห์ มีชัยชนะเหรือศัตรูของพวกเขา ราชินีเอสเธอร์ประกาศ งานฉลองที่เรียกว่า "ปูริม" “Puwriym หรือ Purim” ซึ่งมีความหมายด้วยมุมหนึ่งว่า "ที่จะบดขยี้" ยูดาห์ ฉลองความจริงที่ว่า คำร้องขอของพวกเขาที่ได้ขอร้องผ่านเอสเธอร์ ที่พวกเขาสามารถที่จะ บดขยี้ แผนของซาตาน ที่วางแผนชั่วร่ายต่อพวกเขา

เราเห็นภาพของพระเมสสิยาห์ของเรา ในเรื่องของ ราชินีเอสเธอร์ ในขณะที่เราเฉลิมฉลองความจริง เราจะเป็นบรรดาผู้เชื่อที่รับความสามารถในการ "ทำให้หัวของงูแหลก" (ปฐมกาล 3:15)

ปฐก. 3:15 เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของนางด้วย เขาจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ

.... พระเมสสิยาห์ถูกทอดทิ้งโดยพระบิดา และเอสเธอร์ถูกทอดทิ้งโดยออาหสุเอรัส

เมื่อครั้งพระเมสสิยาห์ถูกตรึงที่กางเขน หรือแขวนที่ต้นไม้ ทรงรู้สึกว่าพระบิดาในสวรรค์ทองทิ้งพระองค์ และคำทำนายที่กล่าวอ้างถึงใน สดุดี 22
สดด. 22:1 พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย? เหตุใดพระองค์ทรงเมินเฉยต่อการช่วยกู้ข้าพระองค์และต่อถ้อยคำคร่ำครวญของข้าพระองค์?

แน่นอนพระบิดาในสวรรค์ ไม่เคยทอดทิ้งพระองค์ แต่ความเป็นจริง นี่คือวิธีการที่ขณะที่ทรงถูกแขวนที่ต้นไม้ ร่างกายของพระองค์รับเอาคำสาปแช่งของความบาปและความตาย พระบิดาต้องซ่อนพระพักตร์จากพระองค์ในขณะนั้น เพราะ พระยาห์เวห์ทรงบริสุทธิ์ (คาโดช คือแยกออกจากความบาปอย่างสิ้นเชิง และเด็ดขาด) พระองค์ทรงบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะเปิดเผยและปรากฎพระองค์เอง

ในทำนองเดียวกัน เอสเธอร์มีความรู้สึกราวกับถูกทอดทิ้ง โดยสามีของเธอ ผู้เป็นกษัตริย์ คือ อาหสุเอรัส

อสธ. 4:11 “ข้าราชการทั้งสิ้นของกษัตริย์ และประชาชนในมณฑลของกษัตริย์ทราบอยู่ว่า ถ้าชายหรือหญิงคนใดเข้าเฝ้ากษัตริย์ภายในพระลานชั้นในโดยไม่ได้ทรงเรียก ก็มีกฎหมายอยู่ข้อเดียวเหมือนกันหมด คือให้ลงโทษถึงตาย เว้นแต่ผู้ซึ่งกษัตริย์ยื่นพระคทาสุวรรณออกรับ คนนั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ส่วนฉันเอง กษัตริย์ก็ไม่ได้ตรัสเรียกให้เข้าเฝ้ามาสามสิบวันแล้ว”

ทั้งเอสเธอร์ และ ยาชูวาห์ เมสสิยาห์ รู้สึกราวกับว่าถูกทอดทิ้งครู่หนึ่ง แต่ในเวลาที่เหมาะสมพวกเขาทั้งสองเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของ พระยาห์เวห์ และจะเข้าใกล้บัลลังก์ของกษัตริย์ ที่จะช่วยคนของพวกเขา ในเรื่องนี้ ฮามานคนชั่วรายได้สร้างตะแลงแกงจาก "ต้นไม้" (สัญลักษณ์ของการข้าม) ตั้งใจไว้ที่จะแขวน โมรเดคัย แต่แผนของฮามานแตก และถูกค้นพบ เมื่อกษัตริย์ได้ถามสิ่งที่ควรกระทำเพื่อเป็นเกียรติแก่คนทั้งปวงที่กษัตริย์ทรงเป็นที่โปรดปราน (ฮามานคิดว่าเป็นตัวเองซะงั้น)

อสธ. 6:6 ฮามานจึงเข้ามา กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า “ควรจะทำอย่างไรกับคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่อง?” และฮามานรำพึงในใจว่า “ใครเล่าที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องมากกว่าข้า?”

โมรเดคัยรับเกียรติจาก กษัตริย์อาหสุเอรัส พระเมสสิยาห์รับเกียรติจากพระบิดาบนสวรรค์

ฮามานชี้ให้เห็นว่า ควรได้รับการสวมเสื้อคลุมของกษัตริย์ และมีม้าของกษัติรย์ ก่อนนี้ฮามานคิดว่าเกียรตินี้จะเป็นของตนเอง กษัตริย์มีประสงค์เพื่อให้เกียรติแก่ตนเอง แต่กษัตริย์กลับมีพระประสงค์ให้เกียรตินี้แก่ โมรเดคัย (ยิว) เพราะโมรเดคัยช่วยชีวิตของพระองค์เมื่อสองมหาเล็กตั้งใจจะฆ่าพระองค์ เมื่อโมรเดคัยได้ยินการสนทนาของพวกเขา และนำความไปยังเอสเธอร์ เพื่อกราบทูลต่อกษัตริย์ และป้องกันไม่ให้เกิดการลอบสังหาร การกระทำนี้ถูกบันทึกไว้ในพงศาวดาร จนคืนหนึ่งกษัตริย์นอนไม่หลับ และร้องขอให้มีการอ่านพงศาวดาร และสิ่งนี้คือการกระทำของโมรเดคัยได้ถูกเปิดเผย และทรงมุ่งมั่นที่จะตอบแทนโมรเดคัย และได้ถามฮามานถึงสิ่งที่ควรจะทำเพื่อบุคคลดังกล่าว

อสธ. 6:7 แล้วฮามานทูลกษัตริย์ว่า “สำหรับคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องนั้น
อสธ. 6:8 โปรดให้นำฉลองพระองค์ และม้าทรงที่มีมงกุฎบนหัวของมันมา
อสธ. 6:9 และทรงมอบฉลองพระองค์และม้านั้นแก่เจ้านายชั้นสูงที่สุดคนหนึ่งของกษัตริย์ และทรงให้เขาแต่งตัวให้กับคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่อง และให้เขาช่วยท่านผู้นั้นขึ้นนั่งบนหลังม้าและนำท่านไปตามถนนในเมือง และให้เขาป่าวร้องไปข้างหน้าท่านว่า ‘ผู้ที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องก็เป็นอย่างนี้แหละ’ ”

นี่คือภาพของพระเมสสิยาห์ของเราเมื่อทรงขี่ลาผ่านเยลูซาเล็ม ก่อนที่จะถูกตรึง 4 วัน และป่าวประกาศเช่นเดียวกับโมรเดคัย (ยกย่อง)

มธ. 21:4 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้เป็นไปตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า
มธ. 21:5 “จงบอกชาวศิโยนว่า นี่แน่ะ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมา ด้วยความสุภาพอ่อนโยน พระองค์ทรงลา ทรงลูกลา”
มธ. 21:6 สาวกทั้งสองคนนั้นก็ไปทำตามที่พระเยซูตรัสสั่ง
มธ. 21:7 จึงจูงแม่ลากับลูกของมันมา แล้วเอาเสื้อผ้าของตนปูบนหลัง และพระองค์ก็ทรงลานั้น
มธ. 21:8 ฝูงชนจำนวนมาก เอาเสื้อผ้าของตนปูตามถนนหนทาง บางคนก็ตัดกิ่งไม้มาปูตามถนน

.... พระองค์จะดำเนินเช่นนี้อีกครั้งในการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง

วว. 19:11 แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออก และ นี่แน่ะ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า “ซื่อสัตย์และสัตย์จริง” พระองค์ทรงพิพากษาและทรงต่อสู้ด้วยความชอบธรรม
วว. 19:12 พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน พระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้จักเลยนอกจากพระองค์เอง

ฮามานและบุตรทั้งสิบ บนตะแลงแกง และ พระเมสสิยาห์บนต้นไม้ .. สิบเผ่า

ตะแลงแกงที่ฮามานตั้งใจจะแขวนคอโมรเดคัยจบลงด้วยการใช้แขวนคอ ฮามานและบุตรชายทั้งสิบของเขา เมื่อกษัตริย์พบข้อมูลเกี่ยวกับแผนชั่วร้าย กษัตริย์รับสิ่งให้เอาตะแลงแกงที่ฮามานสร้างขึ้นมา สำหรับโมรเดคัยเพื่อประหารตัวเขาเอง

อสธ. 9:10 คือพวกเขาได้ฆ่าบุตรชายทั้งสิบของฮามานบุตรฮัมเมดาธา ศัตรูของพวกยิว แต่ไม่ได้ปล้นข้าวของ

ในลักษณะเดียวกันซาตานคิดว่าจะทำลายพระเมสสิยาห์บนต้นไม้นั้น หรือกางเขน แต่เมื่อ ยาชูวาห์ฟื้นคืนพระชนม์ อาณาจักรของซาตาน (สิบเขา) ก็พ่ายแพ้บนไม้กางเขนนั้น ฮามานเป็นภาพของซาตาน บุตรชายทั้งสิบของเขาเป็นภาพของ "สิบเขา" สัตว์ใน วิวรณ์ 13

คทาแห่งยูดาห์ให้กับพระเมสสิยาห์ และ เอสเธอร์ได้รับคทาโดยกษัตริย์

เมื่อราชินีเอสเธอร์เสด็จเข้าเฝ้ากษัตริย์ หลังจาก 3 วัน 3 คืน ของการอดอาหาร เธอได้สารภาพกับเขาสำหรับการใช้ชีวิตของผู้คนของเธอ "ยิว"

เราสามารถกลับไปที่คำทำนาย คทา ใน ปฐมกาล 49:10

ปฐก. 49:10 คทาจะไม่ขาดไปจากยูดาห์ ทั้งไม้ถือของผู้ปกครองจะไม่ขาดไปจากหว่างเท้าของเขา จนกว่าชีโลห์จะมา และชนชาติทั้งหลายจะเชื่อฟังเขา

ซึ่งบัดนี้ คทา นี้ได้ถูกยื่น ยืดออกไปยังเอสเธอร์

อสธ. 5:2 เมื่อกษัตริย์ทอดพระเนตรเห็นพระราชินีเอสเธอร์ยืนอยู่ในพระลาน พระนางเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ กษัตริย์จึงยื่นพระคทาสุวรรณซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์แก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์ก็เสด็จเข้ามาแตะยอดพระคทา

อสธ. 8:4 กษัตริย์จึงยื่นพระคทาสุวรรณแก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์ก็ทรงลุกขึ้นยืนเฝ้ากษัตริย์

เราพบได้ว่าคำทำนายเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะถูกเติมเต็ม คำทำนายหรือพยากรณ์ในที่นี้หมายถึง ?
เราดู ยาโคบ ซึ่งมีชื่อใหม่เป็น ยิสราเอล โดยพระยาห์เวห์ และเขาทำนายบุตรทั้ง 4 คนของเขา โดยลีอาห์ ชื่อของเขาคือ ยูดาห์ ฟังสิ่งที่เขาบอกบุตรชาย ชื่อ ยูดาห์ ซึ่งต่อมาจะกลายเป็น ชนเผ่าของคนที่รู้จักกันในฐานะ ชาวยิว

ปฐก. 49:8 ยูดาห์เอ๋ย พวกพี่น้องจะสรรเสริญเจ้า มือของเจ้าจะจับคอเหล่าศัตรูของเจ้า บรรดาบุตรชายของบิดาจะน้อมลงคำนับเจ้า
ปฐก. 49:9 ยูดาห์เป็นลูกสิงห์ ลูกเอ๋ย เจ้าขึ้นไปจากเหยื่อ เขาก้มลง เขาหมอบลงเหมือนสิงห์ตัวผู้ และเหมือนสิงห์ ใครจะกล้าแหย่เขาให้ลุกขึ้น
ปฐก. 49:10 คทาจะไม่ขาดไปจากยูดาห์ ทั้งไม้ถือของผู้ปกครองจะไม่ขาดไปจากหว่างเท้าของเขา จนกว่าชีโลห์จะมา และชนชาติทั้งหลายจะเชื่อฟังเขา

เราจะเห็นได้จากที่นี่คือ ราชินีเอสเธอร์จะถูกมอบ คทา ที่เป็นของเผ่า ยูดาห์ กษัตริย์ผู้เป็นสามีของเธอ เป็นภาพของ พระบิดาบนสวรรค์

โยบ 22:28 ท่านตัดสินใจจะทำสิ่งใด สิ่งนั้นจะสำเร็จสมประสงค์ และจะมีแสงสว่างส่องทางให้ท่าน

ยูดาห์ออกกฎและเอสเธอร์ (ยิว) และญาติขิงเธอ โมรเดคัยได้รับอำนาจโดย พระยาห์เวห์ ที่จะเฉลิมฉลอง ปูริม ทุกปีเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับบ้านของยูดาห์

ในที่สุด กษัตริย์มอบบ้านของศัตรูให้กับเอสเธอร์ เช่นเดียวกันพระบิดาบนสวรรค์ให้ราชอาณาจักรซาตานแก่ยาชูวาห์

อสธ. 8:1 ในวันนั้น กษัตริย์อาหสุเอรัสประทาน บ้านของฮามานศัตรูของพวกยิวแก่พระราชินีเอสเธอร์ โมรเดคัยก็เข้าเฝ้ากษัตริย์ เพราะพระนางเอสเธอร์ได้ทูลว่าท่านเป็นอะไรกับพระนาง
อสธ. 8:2 กษัตริย์จึงถอดแหวนตราซึ่งพระองค์ทรงเอามาจากฮามานและประทานแก่โมรเดคัย ส่วนพระนางเอสเธอร์ก็ทรงตั้งโมรเดคัยเป็นใหญ่เหนือบ้านของฮามาน

ในเรื่องนี้ กษัตริย์ เป็นพระบิดาบนสวรรค์ และฮามานเป็นตัวแทนของซาตาน โมรเดคัยแสดงให้เห็นภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอสเธอร์แสดงให้เห็นถึงกายภาพของพระเมสสิยาห์ ยาชูวาห์

เมื่อกษัตริย์เอาแหวนออกจากฮามานและส่งมอบมันให้กับโมรเดคัย (ที่เป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจ) นี่เป็นภาพของพระบิดาส่งอำนาจของพระองค์ไปยังพระบุตร คือ ยาชูวาห์ จากนั้นก็ลงไปเอาลูกกุญแจจากซาตาน

วว. 1:18 เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ เราได้ตายแล้ว แต่นี่แน่ะ เรายังดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และเราถือลูกกุญแจทั้งหลายแห่งความตายและแห่งแดนคนตาย

มธ. 16:19 เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์”

ลก. 9:1 พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน แล้วทรงให้พวกเขามีฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจเหนือผีทั้งหลาย และรักษาโรคต่างๆ ให้หายได้

เมื่อทรงเสด็จสู่สวรรค์ หลังจากฟื้นคืนพระชนม์ ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์

ยน. 15:26 แต่เมื่อองค์ผู้ช่วยเสด็จมา ซึ่งเป็นผู้ที่เราจะใช้จากพระบิดามาหาพวกท่าน คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งมาจากพระบิดานั้น พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา

ยน. 16:7 อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงกับพวกท่าน คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์ผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาพวกท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน

กษัตริย์ผู้มีอำนาจมอบอำนาจให้กับเอสเธอร์ เช่นดียวกับพระบิดาในสวรรค์ให้อำนาจของเขากับ ยาชูวาห์ ในทางกลับกัน เอสเธอร์มอบอำนาจที่โมรเดคัย ที่เป็นภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเช่นเดียวกัน ยาชูวาห์ ในพระวจนะข้างต้นว่า จะทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการดำเนินการต่อ (มอบอำนาจ)

ลก. 10:19 นี่แน่ะ เราให้พวกท่านมีสิทธิอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และให้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรูนั้น ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกท่านได้เลย

http://www.doubleportioninheritance.com/

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น