ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ
อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย
อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย
1คร. 12:25 เพื่อไม่ให้มีการแตกแยกกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะต่างๆ มีความห่วงใยแบบเดียวกันต่อกันและกัน
1คร. 12:26 ถ้าอวัยวะหนึ่งทุกข์ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย
จากพระวจนะตอนนี้ย้ำให้เรามีความห่วงใยซึ่งกันและกัน เสมือนครอบครัวเดียวกัน เรารักครอบครัวเราอย่างไร แต่บางครั้งเราขาดความเอาใจใส่ห่วงใยกันแม้กระทั่งความรู้สึก มนุษย์มีแนวโน้มที่จะพูดตามใจตนเอง หลายคนมีกรอบความคิดว่า ต้องการให้คนรอบข้างรับในความเป็นตัวตนของตนเอง แต่ไม่ใส่ใจที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นผู้ห่วงใยแบบพระเยซูที่ถ่อมใจ1คร. 12:26 ถ้าอวัยวะหนึ่งทุกข์ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย
คำว่าห่วงใยหมายถึง มีความผูกพัน ความความพะวง ซึ่งกันและกัน เราลองคิดดูว่า เราต้องการความห่วงใยจากพระเจ้ามากแค่ไหน พระลักษณะพระเจ้าห่วงใยเรามากแค่ไหน แต่ถ้าเรากลับไม่เคยห่วงใยใครเลย หรือเราเลือกเฉพาะคนที่เราจะห่วงใย จะมีประโยชน์อะไร
เมื่อเราบอกว่าเรารักพระเจ้า เหมือนที่พระเยซูตรัสถามเปโตร ว่าเจ้ารักเราหรือ จงดูและแกะของเราเถิด นั่นหมายถึง เราต้องแสดงความรักและความห่วงใยต่อผู้คน เหมือนที่พระเยซูทรงกระทำ
หลายครั้งเราจดจ่อกับหลายสิ่งหลายอย่างมากจนเกินไป เราจดจ่อที่หน้าที่รับใช้ วิชาการคำสอน การพัฒนาด้านจิตวิญญาณ หลายครั้งเราแสวงหาหลายสิ่งจากพระเจ้าเพื่อตัวเอง เท่านั้น แต่ไม่เคยกลับมองที่ครอบครัวเลยว่าตอนนี้ครอบครัวในความเชื่อ หรือพระกายเป็นเช่นไร จะเจ็บปวด จะแตกสลาย จะหมดสิ้นแรงมากแค่ไหน เราคงไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวจนเกินไปใช่ไหม ?
หลายครั้งครอบครัวหรือคริสตจักร ไม่ต่างจากโลกการเมืองปัจจุบันที่แตกก๊กแตกเหล่าออกไป มีแบ่งพรรคแบ่งพวก พวกฉันพวกเธอ โดยใช้เกณฑ์ของผลประโยชน์ ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือการมีแนวคิดร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ใครไม่คิดแบบนี้ หรือใครไม่ร่วมก็อย่าหวังที่จะได้รับการดูแล บางครั้งลูกแกะ หรือคนในครอบครัวของเรานั้นถูกปล่อยเลี้ยงไว้ไม่ต่างจากไก่บ้าน ที่ให้หากินเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ว่าไก่เป็นโรคไหม ถูกรถทับตายไหม
พระเจ้าสถาปนาสถาบันครอบครัวขึ้นมาไม่ใช่เพียงครอบครัวกายภาพจริงๆเท่านั้น แต่ครอบครัวในพระกายพระเยซู พระเมสสิยาห์ ก็มีความสำคัญเช่นกัน เราไม่สามารถทำงานของพระเจ้าโดยลำพังเพียงคนเดียวได้ บางครั้งครอบครัวมีประโยชน์เฉพาะงานรับใช้เท่านั้นหรือ ? ไม่ใช่แน่นอน
พระวจนะข้อนี้บอกชัดเจนว่า จงดูแลซึ่งกันและกัน คล้ายภาษิตหนึ่งที่บอกว่า “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน” และนี่เป็นครอบครัวที่ต้องได้รับการรื้อฟื้น เราคงไม่อยากเห็นแก่ตัว เมื่อเราร่วมรับใช้โดยผ่านความรักลำบาก แต่เมื่อความสุขมาถึง เรากลับปล่อยให้หลายคนที่ไม่มีโอกาส อยู่ข้างหลังและรอเผชิญความยากลำบากลูกใหม่ที่จะตามมา
ในสำนวนแปลฮีบรู ใช้คำว่า “ให้มีความรักแบบเดียวกัน ซึ่งกันและกัน” ฉบับนี้ใช้คำว่า ความรัก คือ Ahava Ahava - Love (אהבה)
ใน วัฒนธรรมตะวันตก หมายถึง “ความรัก” ซึ่งไม่มากไปกว่า อารมณ์ ความรู้สึกซึ่งกันและกัน แต่ควารมหมายในภาษาฮีบรู มีความหมายที่ลึกมาก คำกริยา (le’ehov) หมายถึง จัดหา จัดเตรียมให้ ป้องกันและคุ้มครอง
หลาย ครั้งเราบอดว่าเรารัก แต่เรายังนินทากัน ยังว่าร้ายกัน ยังอิจฉากัน เหมือนที่ผมเกริ่นข้างต้นว่า บางครั้งเราบอกว่ารักแต่เรายัง “พูดว่ารักแต่ข้างในไม่ชอบกัน” 1ยน. 4:20 ถ้าใครกล่าวว่า “ข้าพเจ้ารักพระเจ้า” แต่ใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน เขาเป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่มองเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่มองไม่เห็นไม่ได้ ความรักจึงสำคัญอย่างมากที่พระเจ้าเน้นเราเพราะ ความรักครอบคลุมในทุกสิ่ง
อาฮาวา จึงหมายถึง Ahava - Love (אהבה) การให้และการปกป้อง ความใกล้ชิด
ร่วมคือร่วมเป็นร่วมตาย ผูกพัน
มธ. 22:36 “ท่านอาจารย์ ในธรรมบัญญัตินั้น พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?”
มธ. 22:39 ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’
มธ. 22:40 ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้”
ถ้าอวัยวะหนึ่งทุกข์ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย
“มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”
ในพระวจนะฉบับหนึ่งที่แปลจากรากภาษา ก็ได้บันทึกในทำนองเดียวกันว่า
ถ้าส่วนอื่น (อวัยวะ) ทนทุกข์ = ส่วนอื่น (อวัยวะ) ก็จะประสบความทุกข์นั้นด้วย
: คุณเคยหกล้มไหม คุณเคยถูกมีดบาดไหม นั่นแหละ หัวเข่าที่หกล้มของคุณ จะถูกมือสองข้างกุมแน่น หน้าตา คิ้ว ปาก แหยเกแสดงความเจ็บปวด ขาอีกข้างสั่นไปมา ทุกอย่างร่วมในความทุกทั้งหมด แม้แต่ความเจ็บไข้อื่นๆด้วยเช่นกัน
ในกรณีตรงข้าม แต่ถ้าส่วนอื่น (อวัยวะ) ได้รับการยกย่องหรือเกียรติ = (อวัยวะ) ทุกส่วนก็พลอยชื่นชมยินดี พระวจนะตอนนี้บอกว่า “จงร่วมแบ่งปันความชื่นชมยินดีนั้น”
ขอบคุณพระเจ้าที่เรามีพระเยซู พระเมสสิยาห์ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว พระองค์เป็นศีรษะของพระกาย
ขอบคุณพระเจ้าที่เราผู้เชื่อ ได้อยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
โลกนี้อาจจะร่วมแต่ความสุข แต่ไม่ร่วมความทุกข์ แต่ขอให้เราขยายครอบครัวพระเยซูออกไปด้วยความรักและความห่วงใยออกไป เพราะว่า ความรักใหญ่ที่สุด จงเน้นสิ่งนี้มากกว่าสิ่งอื่นๆ
ขอความรักของพระเยซู พระเมสสิยาห์ อยู่กับเราทั้งหลายเถิด ความรักที่ไม่แบ่งสีแบ่งแยกแตกก๊ก
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
Ktm.worship
ชาโลม
Ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น