เศรษฐี กับลาซารัส
ลก. 16:28 เพราะว่าข้าพเจ้ามีน้องชายห้าคน ให้ลาซารัสไปเตือนพวกเขา เพื่อไม่ให้เขาต้องมาอยู่ในที่ทุกข์ทรมานแห่งนี้’
ลก. 16:29 แต่อับราฮัมตอบว่า ‘เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังคนเหล่านั้นเถิด’
ลก. 16:30 เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ไม่ได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่’
ลก. 16:31 อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ’ ”
โมเสส ในบริบทของยิว โมเสส เล็งถึง พระวจนะ หรือโทราห์ (ธรรมบัญญัติ หรือคำสอนของพระยาห์เวห์) ที่ให้ไว้กับโมเสส พระวจนะตอนนี้ได้เล็งถึงว่า ถ้าเขาไม่เชื่อในธรรมบัญญัติ เขาก็ไม่มีทางเชื่อในพระเมสสิยาห์ ซึ่งพยากรณ์ถึงพระเยซู พระเมสสิยาห์
หลายคนตีความคำว่าโทราห์คือกฎหมายที่จบไปแล้ว โดยพระเยซู แต่พระเยซูก็ตอบสนองโทราห์อย่างเต็มที่ และสำเร็จ เราจึงไม่เดินในโทราห์หรือธรรมบัญญัติในแบบวิญญาณศาสนา แต่พระวิญญาณจะสอนเราและนำเราในการดำเนินในทางของพระองค์
หลายครั้งอาจจะมีคนโจมตีเราว่าบ้ายิว และกลับไปที่ธรรมบัญญัติอันเป็นภาระ ทำตัวในวิญญาณศาสนาแบบฟาริสี แต่ถ้ามองกลับกัน เขาเหล่านั้นน่าสงสารที่รอคอยพระเยซู เชื่อในพระองค์ แต่กลับไม่รู้จักพระองคือย่างแท้จริง ฟาริสีก็รอคอยพระเมสสิยาห์ แต่กลับไม่รู้จักพระเยซูที่ยืนตรงหน้า ว่าคือ พระเมสสิยาห์นั่นเอง
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดใครได้ และเราก็ไม่ควรยัดเยียดสิ่งนี้ให้กับใคร
หลายคนบอกว่า เชื่อพระคัมภีร์เดิม เป็นพวกฟาริสี แต่ฟาริสีไม่ได้เชื่อในพระคัมภีร์เดิมอย่างแท้จริง เขาเชื่อในการกระทำของตนเองเสียมากกว่า พระเยซูตรัสว่า ฟาริสีเป็นพวกหน้าซื่อใจคด
มธ. 23:25 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้นเต็มด้วยการโจรกรรมและการมัวเมากิเลส
ผู้รู้พระคัมภีร์ แต่ไม่ประพฤติตามก็เท่ากับไม่เชื่อ เพราะความเชื่อ คือความมั่นใจในแก่นสารของโทราห์
ลก. 16:31 อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ
ความเชื่อคือ Emunah คือเชื่อในแก่นสารของโทราห์ หรือธรรมบัญญัติ ไม่ใช่คำสอนที่ปากต่อปากหรือกฎของฟาริสีที่เป็นภาระ และพยายาสร้างขึ้นมาให้ตนเองดูมีความชอบธรรม
สองสิ่งต้องคู่กันเสมอ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน โทราห์ และการเผยพระวจนะ โมเสส และเอลรยาห์
ชาโลม
ลก. 16:29 แต่อับราฮัมตอบว่า ‘เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังคนเหล่านั้นเถิด’
ลก. 16:30 เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ไม่ได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่’
ลก. 16:31 อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ’ ”
โมเสส ในบริบทของยิว โมเสส เล็งถึง พระวจนะ หรือโทราห์ (ธรรมบัญญัติ หรือคำสอนของพระยาห์เวห์) ที่ให้ไว้กับโมเสส พระวจนะตอนนี้ได้เล็งถึงว่า ถ้าเขาไม่เชื่อในธรรมบัญญัติ เขาก็ไม่มีทางเชื่อในพระเมสสิยาห์ ซึ่งพยากรณ์ถึงพระเยซู พระเมสสิยาห์
หลายคนตีความคำว่าโทราห์คือกฎหมายที่จบไปแล้ว โดยพระเยซู แต่พระเยซูก็ตอบสนองโทราห์อย่างเต็มที่ และสำเร็จ เราจึงไม่เดินในโทราห์หรือธรรมบัญญัติในแบบวิญญาณศาสนา แต่พระวิญญาณจะสอนเราและนำเราในการดำเนินในทางของพระองค์
หลายครั้งอาจจะมีคนโจมตีเราว่าบ้ายิว และกลับไปที่ธรรมบัญญัติอันเป็นภาระ ทำตัวในวิญญาณศาสนาแบบฟาริสี แต่ถ้ามองกลับกัน เขาเหล่านั้นน่าสงสารที่รอคอยพระเยซู เชื่อในพระองค์ แต่กลับไม่รู้จักพระองคือย่างแท้จริง ฟาริสีก็รอคอยพระเมสสิยาห์ แต่กลับไม่รู้จักพระเยซูที่ยืนตรงหน้า ว่าคือ พระเมสสิยาห์นั่นเอง
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดใครได้ และเราก็ไม่ควรยัดเยียดสิ่งนี้ให้กับใคร
หลายคนบอกว่า เชื่อพระคัมภีร์เดิม เป็นพวกฟาริสี แต่ฟาริสีไม่ได้เชื่อในพระคัมภีร์เดิมอย่างแท้จริง เขาเชื่อในการกระทำของตนเองเสียมากกว่า พระเยซูตรัสว่า ฟาริสีเป็นพวกหน้าซื่อใจคด
มธ. 23:25 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้นเต็มด้วยการโจรกรรมและการมัวเมากิเลส
ผู้รู้พระคัมภีร์ แต่ไม่ประพฤติตามก็เท่ากับไม่เชื่อ เพราะความเชื่อ คือความมั่นใจในแก่นสารของโทราห์
ลก. 16:31 อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ
ความเชื่อคือ Emunah คือเชื่อในแก่นสารของโทราห์ หรือธรรมบัญญัติ ไม่ใช่คำสอนที่ปากต่อปากหรือกฎของฟาริสีที่เป็นภาระ และพยายาสร้างขึ้นมาให้ตนเองดูมีความชอบธรรม
สองสิ่งต้องคู่กันเสมอ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน โทราห์ และการเผยพระวจนะ โมเสส และเอลรยาห์
ชาโลม
ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น