ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งพระบัลลังก์ของพระองค์
บางฉบับแปลว่า ความชอบธรรมและความยุติธรรม เป็นที่อยู่อาศัย(ที่ประทับ)ของพระยาห์เวห์
รากฐานของบัลลังก์คืออะไร จากพระวจนะบอกเราว่ารากฐานของบัลลังก์คือ
ความชอบธรรม และ ความยุติธรรม
- ความชอบธรรม คือ การเชื่อในพระเยซู (ยาชูวาห์)
คำว่า " tzedakah "มาจากTzedekซึ่งหมายความว่า "ความชอบธรรม" (หรือ "ความเที่ยงธรรม") ความหมายของ "ความชอบธรรม" ที่จะนำทุกหน่วยงานที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นไปตามหลักการที่ถูกกฎหมายของตนและเพื่อให้ทุกสิ่งที่มีอยู่ที่ซึ่งเป็นที่เหมาะสมสำหรับการดำรงอยู่ของมัน
รม. 3:22 คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ โดยไม่ทรงถือว่าเขาแตกต่างกัน
รม. 3:25 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น
รม. 5:21 เพื่อว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงความตายอย่างไร พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงชีวิตนิรันดร์ โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างนั้น
2ปต. 1:1 สิเมโอนเปโตร ผู้รับใช้และอัครทูตของพระเยซูคริสต์ เรียน บรรดาผู้ที่ได้รับความเชื่ออันล้ำค่าเช่นเดียวกับเรา โดยความชอบธรรมแห่งพระเจ้าของเราทั้งหลายคือพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา
ฉธบ. 6:25 ถ้าเราทั้งหลายจะระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งหมดนี้เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ดังที่ทรงบัญชาเราไว้ ก็จะเป็นความชอบธรรมแก่เราทั้งหลาย’
- ความยุติธรรม คือ เชื่อในกฎหมายสวรรค์ (โทราห์)
มธ. 12:18 “นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเราซึ่งเราเลือกสรรไว้ ที่รักของเรา ผู้ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้วิญญาณของเราอยู่กับท่าน ท่านจะประกาศความยุติธรรมกับบรรดาประชาชาติ
“ภาษาเดิมใช้คำว่า ท่านจะประกาศ mishpatim แปลว่า กฎหมาย คือกฎหมายสวรรค์ ในฉบับรากเดิม ใช้คำว่า โทราห์ คือ ท่านจะประกาศโทราห์ กับบรรดาประชาชาติ”
Torah's mishpatim to the gentiles
มธ. 23:23 “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าถวายทศางค์ที่เป็นสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า แต่เรื่องที่สำคัญกว่าในธรรมบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตาและความเชื่อนั้นพวกเจ้ากลับละเลย การถวายทศางค์นั้นเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยเรื่องที่สำคัญนั้นด้วย
ภาษาเดิม “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าถวายทศางค์ที่เป็นสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า แต่ละทิ้งเรื่องที่สำคัญกว่าในธรรมบัญญัติ (โทราห์) คือความยุติธรรม ความเมตตาและความเชื่อ (อีมูน่า = เชื่อในคำสอนของพระยาห์เวห์)
เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการกระทำและจะไม่ปล่อยให้คนอื่น ๆ ยกเลิกไป
อสย. 51:4 ชนชาติของเราเอ๋ย จงฟังเสียงของเรา ประชากรของเราเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังเรา เพราะว่าธรรมบัญญัติจะออกไปจากเรา และความยุติธรรมของเราจะเป็นความสว่างของชนชาติทั้งหลาย
ฮบก. 1:4 ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงหย่อนยาน และความยุติธรรมก็มิได้ปรากฏเลย เพราะว่าคนอธรรมล้อมรอบคนชอบธรรมไว้ ดังนั้น ความยุติธรรมจึงออกมาวิปลาส
ปล. วิปลาส หมายถึง หมายถึงความรู้เห็นที่คลาดเคลื่อนหรือความรู้เข้าใจอันผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง ความจริงในภาษาเดิมคือ Emet = ความจริงของโทราห์
ผู้จะมีชัยชนะในยุคสุดท้ายนี้คือผู้ที่ รักษาโทราห์คือธรรมบัญญัติของพระเจ้า และมีประสบการณ์กับพระเยซูโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
บางครั้งความชอบธรรม ถูกแปลว่า ทำให้สำร็จ หรือถูกต้องตามกฎหมาย แต่คำว่าโทราห์ แท้จริงไม่ได้หมายความว่ากฎหมาย หรือกฎหยุมหยิมของมนุษย์ หรือกฎหมายของฟาริสีที่เคร่งครัด แต่คือคำสอนและแก่นแท้ของพระยาห์เวห์ คือกฎหมายสวรรค์ เพื่อปกป้องเรา เพื่อแยกเราออกมาจากความบาป แต่เมื่อการพยายามมันทำให้มนุษย์ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะมีธรรมชาติบาปในตัวเอง พระเยซูจึงมา เพื่อทุกอย่างจะสำเร็จ
มธ. 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระ วจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ
เมื่อมนุษย์ทำตามธรรมบัญญัติในม้วนหนังสือไม่มีทางได้ แต่อย่าลืมว่าธรรมบัญญัติไม่ได้ล้มเลิกไป พระองค์ไม่ได้เป็นจุดจบ แต่เป็นเป้าประสงค์ของธรรมบัญญัติ เหมือนที่ตรัสว่า เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สำเร็จทุกประการ
มธ. 3:15 แต่พระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า “บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่พวกเราจะทำความชอบธรรมให้ครบถ้วนทุกประการ” แล้วยอห์นก็ยอม
ดังนั้นคำว่า ชอบธรรม คือพระองค์มาทำให้สิ่งที่พยากรณ์ไว้สำเร็จครบถ้วน พระองค์คือมนุษย์คนแรกที่ทะลุทะลวงและสำเร็จธรรมบัญญัติที่ไม่มีใครผ่านไปได้ และพระองค์จะนำเราไปด้วยเช่นกัน
ในความหมายของอักษรฮีบรู ตัวอักษร tzadik หรือ Tsade (mishpat) ก็มีหนึ่งความหมายที่ “ชอบธรรม” ด้วย
ความชอบธรรมยังเป็น พระนามของพระองค์ พระองค์คือ พระยาห์เวห์ผู้ชอบธรรม
ยรม. 23:6 ในสมัยของท่าน ยูดาห์จะได้รับความรอด และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย นี่จะเป็นนามซึ่งเราจะเรียกท่าน คือ ‘พระยาห์เวห์ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’ ”
สดด. 33:5 พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์
พระวจนะไม่ค้านกันเองแน่นอน
รม. 4:13 เพราะว่าพระสัญญาที่ประทานแก่อับราฮัมและลูกหลานของท่าน ที่ว่า จะได้ทั้งพิภพเป็นมรดกนั้นไม่ได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มาโดยความชอบธรรมที่เกิดจากความเชื่อ
รม. 4:14 ถ้าพวกที่ถือตามธรรมบัญญัติจะเป็นทายาท ความเชื่อก็ไร้ความหมาย และพระสัญญาก็เป็นโมฆะ
รม. 4:15 เพราะธรรมบัญญัตินำไปสู่พระพิโรธ แต่ที่ใดไม่มีธรรมบัญญัติ ที่นั้นก็ไม่มีการละเมิด
มันอาจจะดูค้านกันแต่พระวจนะจะไม่ค้านกัน ในพระวจนะตอนนี้ แน่นอนเราไม่ได้รักษาธรรมบัญญัติเพื่อจะรอดแต่เรารอดแล้ว โดยความเชื่อในพระเยซู และเราก็ต้องดำเนินตามโทราห์ด้วยคือแก่นแท้ของธรรมบัญญัติ ไม่ใช่พิธีหรือเดินในแบบศาสนา พระเยซูเองก็ประพฤติตามโทราห์ ดังที่กล่าวมาคือ เมื่ออิสราเอลไม่มีใคร สำเร็จในโทราห์ได้ พระองค์จึงมาเพื่อเป็นเป้าประสงค์ พระองค์มารื้อฟื้นสิ่งที่พังลงขึ้นมาใหม่
ดังนั้น ความชอบธรรม ที่แปลว่า ถูกตองตามกฎหมาย แท้จริงคือตามโทราห์ ผ่านทางพระองค์
เศคาริยาห์เป็นผู้ชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้า เขาชอบธรรมเพราะเขาเชื่อฟังโทราห์
วว. 14:12 นี่แหละคือความทรหดอดทนที่พวกธรรมิกชนจะต้องมี คือพวกที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และจงรักภักดีต่อพระเยซู
สองสิ่งต้องคู่กันเสมอ ความชอบธรรม และความยุติธรรมคือรากฐานของบัลลังก์
ชาโลม
Ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น