วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เทศกาลลบมลทิน


พระบัญชาให้ถือเทศกาลนี้อยู่ใน เลวีนิติ 23:26-32
รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีในพระวิหารสำหรับเทศกาลนี้อยู่ใน เลวีนิติ 16
ลักษณะพิเศษบางประการของวันทำการลบมลทิน
ชื่อในภาษาฮีบรูเรียกว่า Yom  Kippur
การลบมลทินบาปหมายความว่า  ปกคลุม ขจัด แก้ไข คืนดี ปกปิด

ประการแรก เราสังเกตได้ว่าวันทำการลบมลทินเป็นวันสะบาโตหยุดพักอย่งสมบูรณ์เป็นสะบาโตพิเศษ คือเป็น สะบาโตของสะบาโตทั้งหลาย (ภาษาฮีบรู : Shabbat  Shabbaton)

ประการที่สอง วันทำการลบมลทินเป็นวันที่ประชาชนอิสราเอลได้รับพระบัญชาให้ “ถ่อมจิตใจลง” ในบางคำแปลเรียกว่า “ความเจ็บปวดของจิตวิญญาณ” วลีนี้มีความหมายคล้ายคลึงกับที่ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์กล่าวไว้ในอิสยาห์ 58:3 ซึ่งเราจะกลับมาศึกษาภายหลัง  โดยพื้นฐานวันทำการลบมลทินจึงเป้นวันแห่งการอดอาหารด้วยใจที่สำนึกผิด

ประการที่สาม ประชากรคนใดที่ไม่สำนึกผิดหรือไม่กลับใจเสียใหม่จะถูกตัดออกจากชนชาติ

ประการที่สี่ พิธีกรรมในพระวิหารนี้นซับซ้อนแต่สามารถจำกัดลงเป็นแนวใหญ่ ๆ ได้ 2 ประการ  คือ  อย่างแรกมีการถวายเครื่องสัตวบูชาที่มีชีวิตและด้วยเลือด

จะมีการเลือกแพะสองตัว ตัวหนึ่งจะต้องเป็นเครื่องบูชาด้วยเลือดถวายแด่พระเจ้าเพื่อสำแดงแก่อิสราเอลว่าไม่มีการจ่ายชำระโทษทัณฑ์แห่งบาปแล้ว ตามประเพณี แพะตัวที่สอง ซึ่งเรียกว่า “อาซาเซล” หรือแพะที่หนึไปจะมีผ้าสีแดงหรือแดงเข้มผู้เขาไว้ ส่วนหนึ่งของผ้านี้จะแขวนไว้ที่ประตูพระวิหารด้วย

มหาปุโรหิตจะวางมือบนแพะตัวนี้และสารภาพบาปของอิสราเอลเป็นสัญญลักษณ์ว่าได้ถ่ายทอดบาปของพวกเขาลงไปยังแพะตัวนี้  แล้วจะนำอาซาเซลเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อปล่อยไป (บางคนบอกว่ามันจะถูกผลักลงจากหน้าผาให้ตาย)

หากพระเจ้าทรงยอมรับการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปนี้ในวันทำการลบมลทิน ผ้าสีแดงที่แขวนที่ประตูพระวิหารจะเปลี่ยนเป็นสีขาว เหมือนดังข้อความในอิสยาห์ 1:18 “แม้บาปของเจ้าจะแดงอย่างผ้าแดง บาปนั้นก็จะขาวดุจหิมะ แม้จะแดงอย่างสีแดงเข้ม ก็จะกลายเป็นเหมือนขนแกะ”

แนวคิดสำคัญประการที่สองของวันทำการลบมลทิน คือ เป็นวันเดียวเท่านั้นที่มหาปุโรหิตได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอภิสุทธิสถานเพื่อประพรมโลหิตแห่งการลบมลทินบาปลงเหนือพระที่นั่งกรุณา

วันทำการลบมลทินคือ เมื่อใด

วันนี้จะมีขึ้นในวันที่ 10 เดือน 7 ทิชรี

เชื่อกันว่าหากพวกเขาไม่กลับใจจากบาป เขาจะถูกตัดออกจากการเป็นประชากรของพระเจ้า
คนยิวถือเทศกาลวันทำการลบมลทินนี้อย่างไรในเมื่อเดี๋ยวนี้ไม่มีพระวิหารในเยรูซาเล็มแล้ว

วันนี้ยังคงเป็นวันอดอาหารและใช้เวลาอยู่ในธรรมศาลาเพื่ออ่านโทราห์ และแทนการถวายเครื่องสัตวบูชาในพระวิหาร  รับบีสมัยก่อนหบายคนได้แนะนำให้ทำดีและแสดงความเมตตา



ผู้เชื่อในพระเยซูสามารถเรียนรู้อะไรได้จากวันทำการลบมลทิน

1.  วันทำการลบมลทินทำให้เกิดความซาบซึ้งอย่างลึกซึ้งว่าพระเยซูทรงเป็นหลักประกันแห่งความเชื่อของเรา

จำได้ไหมว่าพระเยซูทรงถูกทดลองในถิ่นทุรกันดารกี่วัน     40 วัน

จำได้ไหมว่าคำประกาศแรกของพระเยซูเมื่อออกมาจากการอดอาหาร 40 วันนั้น หรือถ้อยคำแรกที่ถูกบันทึกไว้เมื่อพระองค์ทรงเริ่มพระราชกิจในฐานะพระเมสสิยาห์แห่งอิสราเอลนั้นมีว่าอย่างไร

มัทธิว 4:17 กล่างวไว้ว่า “จงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว”

เห็นไหมว่า มีความเหมือนกันระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระเยซู และ 40 วันของ Teshuvah ที่นำไปสู่วันทำการลบมลทิน ข้อความยังคงเหมือนเดิม คือ จงกลับใจเสียใหม่

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ สัปดาห์สุดท้าย เราได้เสนอว่าเทศกาลเสียงแตรเริ่มต้นด้วยแตรที่ 7 ในพระธรรมวิวรณ์ 11:15-58 ต่อเนื่องจากข้อเสนอนี้ เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่จะสังเกตว่าข้อความต่อไปในวิวรณ์ 11:19 ได้กล่าวว่า .......

แล้วพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็เปิด ในพระวิหารนั้นเห็นมีหีบพันธสัญญาของพระองค์แล้วมีสายฟ้าแลบ  และเสียงต่าง ๆ ฟ้าร้อง แผ่นดินไหว ลูกเห็บก็ตก

นี่เป็นการอธิบายแรกที่ชัดเจนทีสุดสำหรับวันทำการลบมลทิน เพราะในวันนั้นเท่านั้นประตูของอภิสุทธิสถานจะถูกเปิดออก และมหาปุโรหิตจะสามารถเห็นหีบพันธสัญญาขณะที่ท่านปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่อหน้าหีบนั้น เราจะสำรวจดูเนื้อหาในแง่นี้อีกภายหลัง

สิ่งที่เราได้เรียนรู้มาถึงตอนนี้ก็คือว่า พระเยซูทรงถูกนำเข้าสู้พันธกิจในฐานะพระเมสสิยาห์แห่งอิสราเอลตามกำหนดการเช่นเดียวกับเทศกาลเสียงแตรและวันแห่งการลบมลทินบาป

ชีวิตและพระราชกิจของพระเยซูมิได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือ โดดเดี่ยว การกำเนิด  พระราชกิจ  การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงกับเทศกาลตามกำหนดแต่โบราณของพระเจ้า และเกี่ยวพันกับพระสัญญาขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

แม้คำอธิบายถึงวาระสุดท้ายที่อยู่ในพระคัมภีร์วิวรณ์ก็ยังเต็มด้วยภาพต่าง ๆ ที่มาจากเทศกาลในฤดูใบไม้ร่วงที่ได้ยกชูพระเยซูขึ้นเป็นอัลฟาและโอเมกา ผู้ทรงดำรงอยู่ในกาลก่อน ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน และผู้ซึ่งจะเสด็จมา!

ความคิดนี้ช่างเป็นที่ปลอบประโลมใจเราว่า ความเชื่อของเราไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของนิยายปรัมปราหรือธรรมเนียมของมนุษย์ แต่อยู่บนพื้นฐานที่มั่นคงของพระคำที่เปิดเผยแก่มวลมนุษย์

Tanakh และ Brit Chadashah

แท้ที่จริง พระเยซูได้ทรงเป็นหลักประกันของพันธสัญญาที่ดีกว่า (ฮีบรู 7:22)

2.  พระเยซูทรงเป็นความสมบูรณ์พร้อมของพิธีกรรมทั้งสิ้นในพระวิหารที่ต้องทำในวันทำการลบมลทิน

2.1  ภารกิจเกี่ยวกับกระถางทองคำ

เลวีนิติ 16:12-13

สดุดี 141:2

ฮีบรู 7:25

2.2  เครื่องแต่งกายผ้าลินิน

เลวีนิติ 16:4

อพยพ 28:1-5

2.3  เครื่องสัตวบูชา

เลววีนิติ 16:3 และ กันดารวิถี 29:7-11

ฮีบรู 10:11-14

2.4  ทางเข้าไปภายในม่าน

ปีละครั้งเท่านั้นที่มหาปุโรหิตจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอภิสุทธิสถานโดยผ่านม่านที่แยกส่วนนี้ออกจากวิสุทธิสถาน

เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ม่านแห่งชีวิตก็ฉีกขาดจากบนถึงล่างสุด ชี้ให้เห็นว่า บัดนี้โดยผ่านทางพระโลหิตของพระเยซู พระองค์ได้ทรงเปิดทางเข้าสู่หีบพันธสัญญาแล้ว เราในฐานะผู้เชื่อไม่จำเป็นต้องถวายเครื่องสัตวบูชาด้วยเลือดใดอีกต่อพระพักตร์พระเจ้าเราได้รับการยอมรับบนพื้นฐานแห่งการสละชีวิตของพระเยซู

2.5  พระราชกิจแห่งการไถ่ในฐานะมหาปุโรหิต

มหาปุโรหิตจำเป็นต้องลบมลทินบาปเพื่อตัวเองและครัวเรือนของเขาโดยการถวายวัวเป็นเครื่องบูชาก่อน (เลวีนิติ 16:6) แล้วท่านยังต้องทำการลบมลทินบาปให้ชนชาติอิสราเอล (เลวีนิติ 16:15) และสำหรับวิสุทธิสถาน  สถานนมัสการด้วย (เลวีนิติ 16:16-20 , 23)

พระเยซูไม่ใช่เช่นนั้น

ฮีบรู 7:26-28

ฮีบรู 9:11-14

ข้อความจากบาบิโลเนีย , Yom 39b

รับบีของเราสอนว่าระหว่าง 40 ปีสุดท้าย ก่อนการทำลายพระวิหาร ผ้าสีแดงที่เคยเปลี่ยนเป็นสีขาวอยู่เสมอนั้นได้หยุดเป็นสีขาว

ประตูพระวิหารเปิดออกเองราวกับจะบอกว่า บัดนี้เจ้าทุกคนได้รับการต้อนรับให้เข้ามาอยู่ต่อหน้าเรา แล้วจากเชิงตะเกียงทองคำด้านตะวันตกดับอยู่เสมอราวกับจะบอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มิได้สถิตอยู่อีกต่อไปแล้ว เกิดอะไรขึ้น พระเจ้าทรงละทิ้งหลักการของพระองค์แล้วหรือ พระองค์ไม่เต็มพระทัยที่จะไถ่บาปให้แก่อิสราเอลอีกแล้วหรือ

คำตอบต่อคำถามที่ทวนใจเหล่านี้อยู่ที่การทำความเข้าใจชายชาวยิวผู้หนึ่ง คือ พระเยซูชาวนาซาเร็ธไม่ใช้เรื่องบังเอิญเลยที่เมื่อ 40 ปี ก่อนพระวิหารจะถูกทำลายในวันที่ 14 นิสาน รับบีชาวยิวผู้นี้ได้ตายบนไม้กางเขนและพระองค์เป็นลูกแกะของพระเจ้าซึ่งได้รับเอาความบาปของโลกไป !  ดังนั้น ผ้าแดงที่แขวนอยู่ที่ประตูพระวิหารจะไม่เปลี่ยนเป็นสีขาวอีกต่อไปเพราะพระเยซูได้กลายมาเป็นเครื่องบูชาอันสมบูรณ์ที่ถูกส่งมาให้แก่เราครั้บงเดียวเป็นพอ ไม่มีเครื่องบูชาชนิดอื่นใดจะสามารถทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้อีกต่อไปแล้ว !

3.  พระเยซูจะกลับมาเมื่อมีเสียงแตรครั้งสำคัญในวันทำการลบมลทินในปี แห่งการเฉลิมฉลองครบรอบปีเฉลิมฉลองการครบรอบเกี่ยวาข้องอย่างยิ่งกับวันทำการลบมลทิน

ทุกปี่ที่ 7 เป็นปีสะบาโตขณะที่ทุกปีที่ 50 เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครอบรอบ (Jubilee) กล่าวอีกแง่หนึ่ง คือ      7 สะบาโตของปี (7´7 = 49) และปีต่อไปจะเป็นปีแห่งการครบรอบ

จูบิลี (ปีแห่งการครบรอบ) หมายถึง ช่วเวลาแห่งการร้องตะโกน คำฮีบรู คือ “yobel” หรือ เสียงเป่าเขาสัตว์ เป็นการเป่าเขาแกะ

อ่านเพิ่มเติมใน เลวีนิติ 25:8-55

อย่างแรกในจูบิลีนี้ จะต้องเป่าประกาศถึงเสรีภาพให้ดังทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทินของปีที่ 50! (เลวีนิติ 25:9)

ปีที่ 50 เป็นปีศักดิ์สิทธิ์ (เลวีนิติ 25:12

ทุกคนจะต้องกลับคืนสู่ทรัพย์สินของตน หากเขาเป็นคนจนและได้สูญเสียหรือจำนองหรือขายทรัพย์สินหรือมรดกของเขาไป ในปีเป่าเขาสัตว์เขาจะสามารถกลับมาเป็นเจ้าของได้อีก นี่เป็นกรณีพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาไม่สามารถไถ่คืนหรือให้ญาติที่เป็นผู้ไถ่คืนไถ่มาให้ได้ (เลวีนิติ 25:13-17,23-34;กันดารวิถี 36:4) ทาสทุกคนจะได้รับการปลดปล่อยในปีแห่งการเฉลิมฉลองนี้ หากพี่น้องเกิดยากจนลงและต้องขอยืมเงินเพื่อดำรงชีวิต หรือขายตัวให้เป็นทาสรับใช้ ในปีเป่าเขาสัตว์นี้เขาจะได้รับอิสระหากว่าไม่มีญาติมาไถ่เขาได้ในระหว่างช่วงเวลาก่อนปีเป่าเขาสัตว์ (เลวีนิติ 25:35-55) เสียงของแตรในปีเป่าเขาสัตว์เป็น “เสียงที่ชื่นชมยินดี” ซึ่งอวยพรประชากรของพระเจ้า (สดุดี 85:15)

ปีนี้เป็นเวลาของควาร่าเริงยินดีในอิสราเอลเพราะมีการประกาศอิสรภาพด้วยเสียงแตรในแผ่นดิน มีการยกหนี้ ทาสได้รับการปลดปล่อย ครอบครัวกลับมารวมกัน มรดกทรัพย์สินที่สูญเสียหรือถูกจำนองได้รับกลับคืน เป็นปีแห่งการร้องตะโกนอย่างแท้จริง (ภาษาฮีบรู : yobel)

เมื่อพระเยซูเริ่มพระราชกิจของพระองค์  พระองค์อธิบายถึงพระราชกิจของพระองค์ไว้ในลูกา 4:17-19ว่า พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงเจิมข้าพเจ้าให้


1) ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน

2) ประกาศการปลดปล่อยแก่เชลย

3) ทำให้คนตาบอดมองเห็น

4) ปลดปล่อยผู้ถูกเหยียบย่ำให้เป็นอิสระ

5) ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า


พระเยซูเสด็จมาและประกาศปีแห่งการเป่าเขาสัตว์ในการเสด็จมาครั้งแรก พระองค์จะเสด็จมาอีกเป็นเวลาแห่งการชดเชย (KJV , กิจการ 3:21) หรือ NASB เรียกว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการรื้อฟื้นสิ่งสารพัดขึ้นใหม่ ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมสำหรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูมากไปกว่าในวันทำการลบมลทินในปีเป่าเขาสัตว์สุดท้าย

ภาพของการพิพากษาสุดท่ายที่เกี่ยวข้องกับสภาพท้องฟ้าอากาศที่ปรากฎใน วิวรณ์ 19 และ 20 สะท้อนถึงลักษณะพิเศษของวันทำการลบมลทิน เช่นเดียวกับที่มหาปุโรหิตสวมใส่เครื่องแต่งกายผ้าฝ้ายขาวบริสุทธิ์อย่างพิเศษในวันทำการลบมลทิน พระเยซูก็จะทรงสวมเสื้อผ้าพิเศษในการเสด็จกลับมาครั้งที่สองด้วย!

พระองค์จะสวมอาภรณ์ที่จุ่มด้วยเลือด (วิวรณ์ 19:13) เป็นเครื่องรำลึกถึงเลือดที่มหาปุโรหิตใช้ในวันทำการลบมลทินเพื่อชำระสถานนมัสการ

นอกจากนี้ พระเยซูมิได้ถือเลือดไว้เหมือนมหาปุโรหิตในสมัยโบราณ แต่ทรงสวมชุดที่จุ่มพระโลหิตของพระองค์ซึ่งชำระล้างบาปทั้งปวงของประชาชน และประชาชนเหล่านี้ก็ “สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อละเอียดขาวบริสุทธิ์ ได้นั่งบนหลังม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป” (วิวรณ์ 19:14)

ผลลัพธ์ของการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูยังเหมือนกับผลของวันทำการลบมลทินด้วยพระเยซูทรงทำลายคนชั่วร้ายด้วย “พระแสง” ของพระองค์ (วิวรณ์ 19:21) เตือนให้เราระลึกถึงผู้ไม่สำนึกผิดที่ถูก “ตัดออก” ในวันทำการลบมลทิน (เลวีนิติ 23:29) ซาตานถูกมัดและโยนทิ้งลงไปใน “นรก” (วิวรณ์ 20:3) เตือนให้เราคิดถึงการส่งอาซาเซลเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร (หรือโยนทิ้งจากหน้าผาลงไปในหุบเหว!) (เลวีนิติ 16:21)

ผู้ชอบธรรมฟื้นขึ้นและครอบครองร่วมกับพระคริสต์ เตือนให้ระลึกถึงเสรีภาพและการเพิกถอนหนี้สิน รวมถึงความชื่นชมยินดีในเสรีภาพในวันทำการลบมลทิน (เลวีนิติ 25:9)

วันทำการลบมลทินเป็นที่รู้จักในภาษาฮีบรูว่า Yom Ha Peduth ซึ่งมีความหมายว่า “วันแห่งการไถ่”

ในลูกา 21:27-28 กล่าวว่า “เมื่อนั้นเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆทรงฤทธานุภาพ และพระสิริเป็นอันมาก เมื่อ   เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มจะบังเกิดขึ้นนั้นท่านทั้งหลายจงยึดตัวและผงกศีรษะขึ้น ด้วยการไถ่ท่านใกล้จะถึงแล้ว”

เศคาริยาห์ 12:10 และเศคาริยาห์ 13:1

บทสรุป

วันทำการลบมลทินเป็นเทศกาลขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อ

1. ซาบซึ้งในพระเยซู

2. ให้เห็นว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ทำให้พิธีกรรมต่าง ๆ ในพระวิหารครบถ้วนบริบูรณ์

3. รอคอยการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น