วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เทศกาลเพ็นเทคอสต์


อพยพ 19 และ 20

ปูพื้นฐานไว้ให้แก่เทศกาลเพ็นเทคอสต์
แก่นสารสำคัญของพระธรรมอพยพ คือ  ออกไปเพื่อสรรเสริญ
ที่ภูเขาซีนายนี้  ในเดือนที่สามของสิวานและวันที่ 50 พวกเขาได้รับประสบการณ์ในการทรงประทานพระบัญญัติแก่พวกเขาให้เป็นประชาชาติหนึ่ง
เทศกาล นี้น่าจะเป็นเทศกาลที่พระเจ้าทรงหมายไว้ในพระทัย  เมื่อพระองค์ตรัสบอกโมเสสวาฟาโรห์จะต้องปล่อยประชากรของพระองค์ไปในถิ่น ทุรกันดารเพื่อ “จะทำการเลี้ยงนมัสการแด่พระองค์” (อพยพ 5:1)

และในถิ่น ทุรกันดารนี้เองที่พระเจ้าประทานคำแนะนำการสร้างพลับพลาของโมเสส  การแต่งตั้งอาโรนเป็นปุโรหิตและระบบการถวายเครื่องบูชาที่มีรายละเอียดอย่าง น่าทึ่ง
เทศกาลเนเทคอสต์ มีจุดเด่น 2 ประการ ที่ทำให้แตกต่างจากเทศกาลอื่น ๆ ที่ปรากฎในพระคัมภีร์ อย่างแรกคือ ชื่อ และอย่างที่สองคือ เวลา ในการเฉลิมฉลอง
ชื่อในพระคัมภีร์
อันดับแรก  เทศกาลนี้มีมากกว่าหนึ่งชื่อ  ที่จริงแล้วมีถึง 6 ชื่อ  4 ชื่อปรากฎในพระคัมภีร์ และอีก 2 ชื่ออยู่ในคำสอนของพวกรับบี


1. เทศกาลสัปดาห์ (ภาษาฮีบรู : Hag  Hashavuot) บางครั้งเราเรียกว่า “shavuot” นี่เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกเทศกาลนี้ในโทราห์ (อพย. 34:22 ; ฉลย. 16:10) ที่เรียกว่าเทศกาลสัปดาห์เพราะมีขึ้นเป็นเวลา 7 สัปดาห์หนึ่งวันหลังจากเทศกาลปัสกา


2. เทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บเกี่ยว (ฮีบรู : Hag  Hqqatzir)  ที่ใช้ชื่อนี้เพราะเทศกาลเพ็นเทคอสต์แสดงถึงการสิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยวใน ฤดูใบไม้ผลิ (อพย.23:16) แล้วชาวนาทุกคนก็จะรอคอยฤดูการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไปซึ่งเรียกว่า การเก็บรวบรวมผลิตผลในเทศกาลพลับพลา  ผลิตผลหลักที่จะต้องเก็บเกี่ยวในเทศกาลเพ็นเทคอสต์ คือ ข้าวสาลี


3. วันแห่งผลิตผลแรก (ฮีบรู : Yom  Ha  Bikkurim)  ที่เรียกเช่นนี้เพราเทศกาลเพ็นเทคอสต์ช่วยให้เข้าใจว่าเป็นช่วงเวลาแห่ง ผลิตผลรุ่นแรกของการเก็บเกี่ยวในฤดูร้อน (กันดารวิถี 28:26) ชื่อนี้จึงเข้ากันได้ดียิ่ง กับสาระในเรื่องของผลแรกและการเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์


4. วันเพ็นเทคอสต์  ชื่อนี้เป็นคำภาษากรีกซึ่งพวกเราคริสเตียนส่วนมากรู้จักดี  เป็นคำที่มาจากคำแปลภาษากรีกในกิจการ 2:1 , กิจการ 20:16  และ 1 โครินธ์ 16:8 คำกรีก “pentekostes” หมายความว่า ห้าสิบ ที่ใช้คำนี้เพราะ shavuot เกิดขึ้นหลังปัสกา  50 วัน  หากปราศจากศึกษาต้นตอจากฮีบรู  พวกเราส่วนมากมักจะมองไม่เห็นคามหมายที่อยู่เบื้องหลัง ชื่อ และ ข้อเท็จจริงที่อยู่ในภาษากรีกนี้



ชื่อในคำสอนของพวกรับบี

1. การปิดฉากเทศกาลปัสกา (ฮีบรู : Afzeret  Shel  Pesach)  ที่ใช้ชื่อนี้เพราะพวกรับบีเห็นว่าเทศกาลนี้เป็นเทศกาลสุดท้ายของเทศกาลต่าง ๆ ในวงจรแรก  ซึ่งเริ่มขึ้นด้วยเทศกาลปัสกา  คำนี้ยังทำให้เราได้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เข้ากันได้สนิทระหว่างเทศกาล เลี้ยงของพระเจ้าที่สำคัญสองเทศกาล ซึ่งเราจะศึกษาต่อไป

2. เทศกาลแห่งการประทานพระบัญญัติ (ฮีบรู : Z’man  Matan  Torah)  ชื่อที่พวกรับบีใช้นี้อยู่บนพื่นฐานธรรมเนียมของยิวที่ว่า พระเจ้าทรงประทานพระบัญญัติของโมเสสแก่อิสราเอลในวันนี้   นี่ก็เป็นความเข้าใจแบบเดิมอีกอย่างหนึ่งที่ให้แนวทางช่วยเราให้เข้าใจความ หมายของเทศกาลนี้สำหรับผู้ที่เชื่อวางใจในพระเยซู
เทศกาลเพ็นเทคอสต์เกิดขึ้นเมื่อใด



เลวีนิติ 23:15-16
ธรรเนียมและการปฏิบัติของชาวยิวในเทศกาลเพ็นเทคอสต์
เมื่อ พระวิหารถูกทำลายชาวยิวจะใช้เวลาศึกษาโทราห์ตลอดคืน ช่วงเวลาวิหารหลังที่ 2 (515 กคศ.ถึง คศ. 70) พวกเขาจะอ่านพระคัมภีร์จากอพยพ 19 และ 20 และเอเสเคียล 1 และ 3:12 รวมทั้งพระธรรมนางรูธ  เป็นส่วนหนึ่งของการอ่านโทราห์ สำหรับวันแรกของเทศกาลเพ็นเทคอสต์พวกเขาจะรับประทานผลิตผลนมเนยระหว่าง เทศกาลนี้  พิธีกรรมอีกอย่างหนึ่ง คือ การโบกขนมปังสองก้อน
ผู้เชื่อในพระเยซูสามารถเรียรรู้อะไรจากเทศกาลเพ็นเทคอสต์

1. เทศกาลเพ็นเทคอสต์เล็งถึงการเทลงมาจากพระเจ้า

จำ ชื่ออื่นๆ ของเทศกาลเพ็นเทคอสต์ได้ไหม เช่น เทศกาลสัปดาห์  เทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยว  วันแห่งผลิตผลแรก  เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากชื่อที่ใช้เรียกเทศกาลของพระเจ้านี้

เมื่อมอง ดูในแง่ของสภาพทางการเกษตร  เทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยวเป็นเทศกาลเพื่อถวายเกียรติแด่พระมหากษัตริย์แห่ง จักรวาล และในทางกลับกัน ประชาชนก็คาดหวังให้ฝนแห่งพระพรจากฟ้าสวรรค์หลั่งลงมาบนท้องทุ่งของเขา เพื่อการเก็บเกี่ยวในอนาคต

ประเทศอิสราเอลได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งข้าว บาร์เลย์และข้าสาลี (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:7-8) การเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์และข้าวสาลีในฤดูใบไม้ผลิจะมาก่อนการเก็บเกี่ยว ครั้งสำคัญในฤดูใบไม้ร่วง ขึ้นอยู่กับฝนที่ตกลงมาในเวลาอันเหมาะฝนในฤดูใบไม้ร่วงเรียกว่าฝนต้นฤดู  ฝนในฤดูใบไม้ผลิเรียกว่าฝนปลายฤดู  ฝนต้นฤดูนี้มีกากล่าวถึงไว้ใน เฉลยธรรมบัญญัติ 11:10-15 , และโยเอล 2:23

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะเสด็จมาหาประชากรของพระองค์อย่างห่าฝน (โฮเชยา 6:1-3)

ใน ความหมายทางธรรมชาติ ในเทศกาลนี้ ผู้คนจะคาดหวังให้ฝนตก  แต่ในความหมายฝ่ายวิญญาณ พระเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าการเทลงมาของฝน

การเทลงมาครั้งแรกที่ภูเขาซีนายในถิ่นทุรกันดาร
อพยพ 19:18 และอพยพ 20:18 วาดภาพที่น่าตื่นใจว่า เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นอย่างไร
รับบี  โมเธ่  ไวส์แมน กล่าวว่า :

ลูก หลานของอิสราเอลไม่เพียงแต่ได้ยินพระสุรเสียงของ Hashem (องค์พระผู้เป็นเจ้า)เท่านั้น แต่ที่จริงพวกเขายังได้เห็นคลื่นเสียงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ด้วย  พวกเขาได้เห็นภาพคลื่นเสียงเหล่านี้เป็นไฟที่สัมผัสได้

การเทลงมาครั้งที่สองที่เยรูซาเล็ม
มี เหตุการณ์อีกเหตุการณ์เดียวเท่านั้นที่สามารถจับคู่เข้ากับการเทลงมาอย่าง น่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้  นั่นคือ ในเทศกาลเพ็นเทคอสต์อีกครั้งหนึ่งเมื่อเกือบ 1,500 ปีต่อมา ซึ่งได้บันทึกไว้เพื่อเราในกิจการ 2
เห็นแล้วใช่ไหม  ว่าพระเจ้าทรงเยี่ยมเยียนตามกำหนดเวลานัดหมายของพระองค์ !

เหตุการณ์ที่นำไปสู่กิจการ 2
พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาในวันที่ 3 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ในวันปัสกา
พระเยซูทรงอยู่กับสาวกของพระองค์เป็นเวลา 40 วัน

พระ เยซูทรงตรัสบอกสาวกของพระองค์ให้พักอยู่ในเยรูซาเล็ม และคอยรับตาม “พระสัญญาของพระบิดา” และกิจการ 1:8  10 วันต่อมา  ในวันเพ็นเทคอสต์  หรือเทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยว  สาวกชาวยิวของพระองค์  เช่นเดียวชาวยิวที่อุทิศตัวทั้งหลายได้รวมกันอยู่เมื่อเวลา 9 โมงเช้า (หรือ 3 โมง) ที่ลานพระวิหาร  เพื่อถวายเครื่องบูชาในตอนเช้าที่พระวิหาร  ช่วงหนึ่งหรือหลังการถวายเครื่องบูชาในตอนเช้า  พวกเขาคงจะอ่านข้อความจากโทราห์สำหรับวันนั้น คือ เอเสเคียล 1 และ 3:12 ซึ่งกล่าวถึงพระสิริของพระเจ้าที่เอเสเคียลได้เห็น
กิจการ 2:2-3
บัพติศมาคน 3,000
สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรสำหรับเรา?
การเตรียมเพื่อรับการเทลงมาจากพระเจ้า และจุดประสงค์ของการเทลงมาจากพระเจ้า


ก.  การชำระตัวถวายมาก่อนการได้รับฤทธิ์เดช

ถ้าคุณลองทบทวนดู  เทศกาลปัสกาเป็นการปลดปล่อยจากพันธนาการแห่งบาป  เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อเป็นการท้าทายให้ถอดธรรมชาติเก่าทิ้งไป  เทศกาลถวายผลแรกเป็นการทรงเรียกให้มีชีวิตอุทิศถวาย
จำไว้ว่า เพ็นเทคอสต์ยังได้ชื่ออีกว่าเป็น “การปิดฉากของปัสกา” (ฮีบรู : Atzeset Shel Pesach)
ดังนั้น  เทศกาลเพ็นเทคอสต์ เป็นหมายของการจบสิ้นของกระบวนการนับจากการปลดปล่อยไปสู่การชำระตัวถวายด้วย การประทานฤทธิ์อำนาจในขั้นสุดท้ายจากพระเจ้าลงมายังผู้เชื่อวางใจในพระเยซู เพื่อจะดำเนินชีวิตที่สมกับการทรงเรียกในพระเยซูคริสต์
นอกจากนี้ ช่วงเวลา 50 วัน ระหว่างปัสกากับเพ็นเทคอสต์ยังถือว่าเป็น “การนับ Omer” (Sefirat  Ha  Omer) 
ตามที่ผู้อาวุโสชาวยิวเล่าสืบกันมา  ช่วงเวลานี้เป็นเวลาสำหรับการเตรียมตัวของประชากรของพระเจ้าที่จะรับสิ่งที่ พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ในวันเพ็นเทคอสต์  ทุกวันขณะที่ชาวยิวนับ Omer พวกเขาจะระลึกถึงพระลักษณะของพระเจ้าเพื่อเขาจะสามารถ “ชำระตัวถวาย” หลังจาก 50 วันผ่านไป
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ  มีกระบวนการชำระตัวให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะได้รับฤทธิ์อำนาจจากเบื้องบน


ข.  การได้รับฤทธิ์อำนาจมาพร้อมด้วยภาระ

พระคัมภีร์บอกเราว่าเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมา  มีการทำบางสิ่งต่อคนที่ไม่เชื่อ พระองค์จะทรงทำให้พวกเขาสำนึกถึงความบาปและความชอบธรรมและการพิพากษา  (ยอห์น 16:8)
ขณะเดียวกัน มีบางสิ่งเกิดขึ้นต่อเราผู้เชื่อด้วย
จุดประสงค์ของการเทลงมาจากพระเจ้าไม่ใช่เพียงเพื่อการสำแดงหมายสำคัญและการ อัศจรรย์  แต่เป็นภาระสำหรับแต่ละคนที่จะต้องเชื่อฟังพระเจ้า  เป็นภาระสำหรับคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าที่จะต้องสร้างสันติภาพกับพระเจ้า  กันดารวิถี  11:16-17  ให้ความกระจ่างใหม่แก่ช้าพเจ้าเกี่ยวกับการทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมา ยังคนธรรมดาสามัญเช่นท่านและข้าพเจ้า
เหตุผลสำคัญว่าทำไมการประกาศพระ กิตติคุณในคริสตจักรยุคแรกจึงร้อนรนและเต็มด้วยฤทธิ์อำนาจ  ก็เพราะว่าสาวกเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์  พวกเขาเต็มด้วยภาระใจที่จะนำให้ประชาชายิวได้รับรู้ว่าพระเยซูเป็นพระเม สสิยาห์ที่พวกเขาได้เฝ้ารอคอยอยู่ ภาระใจที่จะช่วยให้คนอื่นได้กลับคืนดีกับพระเจ้านี้ยังได้ผลักดันพวกเขาให้ ออกไปประกาศกับคนต่างชาติ  ที่มองเห็นพระเจ้าจากที่ไกลด้วย

2. เทศกาลเพ็นเทคอสต์เฉลิมฉลองการเปิดเผยของพระเจ้าต่อมนุษย์

เทศกาลนี้ยังมีอีกชื่อหนึ่ง ที่เรียกว่า “ฤดูกาลแห่งการประทานพระบัญญัติ” (ฮีบรู : Z’man Matan Torah)
รับบีโยเซฟ  เฮิร์ทซ กล่าวว่า
การ ทรงสำแดงที่ซีนาย  ไม่ใช่มีอิสราเอลเท่านั้นที่ได้ยิน  แต่บรรดาประชากรทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินโลกด้วยพระสุรเสียงของพระเจ้า แยกตัวออกเป็น 70 ภาษา ที่พูดกันอยู่ในโลกขณะนั้น  เพื่อลูกหลานทั่งปวงของมนุษย์จะเข้าใจข่าวสารของการไถ่มวลมนุษย์ที่โอบอุ้ม ทั้งโลกไว้
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ  การทรงประทานพระบัญญัติเมื่อวันแรกของเพ็นเทคอสต์ เป็นความพยายามอย่างจงใจที่จะบอกโลกถึงพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ ผู้ทรงประสงค์จะสร้างสันติกับมนุษย์
สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรต่อเรา


ก. พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองในพระบัญญัติ (Torah) ดังนั้นจงศึกษาพระบัญญัติเพื่อจะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น
พระเจ้าทรงเลือกเทศกาลเพ็นเทคอสต์เพื่อช่วยให้เราระลึกว่าพระองค์ทรงเปิดเผย พระองค์ แต่ชนชาติทรงเลือกสรรไว้โดยทางพระคัมภีร์ของชาวยิว
พระคัมภีร์ของชาวฮีบรูที่พระเยซูทรงเรียนรู้ ท่องจำ และสอนให้แก่เหล่าสาวกคือ Tannakh
ประกอบด้วยโทราห์ (Torah: บัญญัติของโมเสส)  เนอิวิม (Ne ivim : ผู้พยากรณ์) เคตูวิม (Ketuvim:บันทึกต่าง ๆ)
พวกเราส่วนมากมีความรู้สึกลังเลไม่แน่ใจตอ่คำว่า “บัญญัติ” หรือ “Torah” อย่างไรก็ตามคำเหล่านี้ช่วยกดกริ่งเตือนภัยภายในหัวใจของเราว่า จงระวังการถือบัญญัติ!
จำไว้ว่าพระเยซูทรงเป็นบัญญัติที่มีชีวิต (Living Torah) พระองค์ทรงเข้าใจเราได้อย่างดีเยี่ยม


ยอห์น 1:14
ยอห์น 1:1
มัทธิว 5:17

    คำ ว่า “เติมเต็ม” ไม่ได้หมายความว่าพระคัมภีร์ใหม่ลบล้างพระคัมภีร์เดิมออกไปหมดอย่างสิ้น เชิง  คำนี้หมายความว่า พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อถอดความพระคัมภีร์เดิมในความสว่างอย่าใหม่ คือ เพื่อให้ความหมายใหม่และความเข้าใจใหม่แก่พระคัมภีร์เดิมด้วย การอ้างถึงตัวพระองค์เองเป็นพระเมสสิยาห์
    พระเยซูทรงขึดถือพระบัญญัติทั้งงสิ้นของพระเจ้าและผู้สอนศาสนาในยุคสมัยของ พระองค์ไม่สามารถชี้นิ้วกล่าวหาพระองค์ได้เลยว่า พระองค์ได้ละเมิดพระบัญญัติข้อใด  หากพระองค์ละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า พระองค์ก็จะไม่สามารถเป็นลูกแกะที่ปราศจากตำหนิของพระเจ้าได้ เพราะได้อ่านมาก่อนแล้วว่า “บาปคือการละเมิดพระบัญญัติ”   โรม 10:4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น