วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

ความสำคัญของพระวจนะ (ฉบับย่อ)


เมื่อพูดถึงการอ่านพระคัมภีร์ เมื่อสมัยเด็กๆผมมักสยองมาก เมื่อเห็นพระคัมภีร์เล่มหนาเทอะทะ และมีเป็นพันๆหน้า และจากสถิติการอ่านพระคัมภีร์ทั่วโลก เราพบว่ามีคนอ่านพระวจนะไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ เขาหารู้ไม่ว่านี่คือหนังสือแห่งชีวิต การอ่านพระคัมภีร์เป็นมากกว่าหน้าที่ เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ป้องกันเราจากสงคราม (สงครามความคิด) ประจำวัน เป็นคำหนุนใจและปลอบใจเรา และเป็นชีวิต

เคยมีคนพูดว่า พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดในโลก แต่ในทางตรงกันข้าม ก็เป็นหนังสือที่ถูกละเลยมากที่สุดด้วยเช่นกัน

บางครั้งเมื่อเรากลับมาจากคริสตจักร พระคัมภีร์ก็ถูกวางเอาไว้ที่เดิม จนกว่าจะถึงวันอาทิตย์ ที่เราจะเอาพระคัมภีร์ไปนั่งกอดเฉยๆ บางครั้งพระคัมภีร์ก็ถูกลืมวางทิ้งไว้ที่คริสตจักรหลายเล่ม แล้วเขาอ่านอะไรกันในระหว่างอาทิตย์ หรือเขามีหลายเล่มหรือ
เคยไหมที่เราออกจากบ้านไปคริสตจักรแล้วเราลืมโทรศัพท์มือถือ ลืม แบล็กเบอรี่ ลืมไอโฟน บางคนอาจจะต้องย้อนกลับมาเอาด้วยซ้ำ แต่ถ้าลืมพระคัมภีร์ล่ะ โอ๊ยย..ไม่เป็นไรหรอก กลับมาเอามันเสียเวลา ใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้น บางคนไม่เคยพกพระคัมภีร์เลยด้วยซ้ำ กรณีเหล่านี้เราไม่ได้พกแบบฟาริสีหรือเป็นพิธีให้ดูดีนะครับ แต่มันหมายถึงเราใส่ใจกับพระวจนะมากแค่ไหน
พระคัมภีร์มีความสำคัญเพื่อ
-    เพื่อการเติบโตของเรา
-    เพื่อความเป็นผู้ใหญ่ของเรา
-    เพื่อฝ่ายวิญญาณของเรา
พระคัมภีร์ถูกบันทึกไว้นานหลายพันปีมาแล้ว เกิดจากการดลใจของพระเจ้าผ่านผู้เขียน และนี่คือความจริง ไม่ใช่นิยาย
1. เราไม่ได้อ่านเพื่อที่มาคอยจับผิดหรือตรวจสอบ แต่เพื่อเป็นเตาที่จะหลอมเราให้เป็นเหมือนพระคริสต์
2. ไม่ใช่ให้เราเป็นคนบาปที่ฉลาดขึ้นแต่เพื่อให้เราเป็นเหมือนพระคริสต์
3. ไม่ใช่เพื่อที่หัวเราจะมีแต่ความรู้ท่องจำได้มากมายเท่านั้น หรือเต็มไปด้วยข้อเท็จจริงจากพระคัมภีร์ แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา

มันไม่ยากเลยที่จะอ่านพระวจนะ ซาตานไม่ต้องการให้เรารู้ความจริงจากพระเจ้า มันทำให้เราขี้เกียจ เราเบื่อ เป็นภาระ และไม่มีเวลา หลายคนนั่งเล่นคอมพิวเตอร์เกมส์ วันล่ะหลายๆชั่วโมง หลายคนอ่านนิยายรักวันล่ะเป็นเล่มๆ หลายคนอ่านการ์ตูนได้เป็นตั้งๆ และหลายคนอ่านหนังสือคืนก่อนสอบ เป็นกองๆ เพื่ออนาคตที่จะสอบได้ แต่เพียงเราอ่านพระคัมภีร์ วันล่ะ 6 บท วึ่งใช้เวลาไม่นาน เรากลับคิดว่ามันยากและไม่มีเวลา

เราต้องโตจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นผู้ใหญ่ได้ก็ไดยพระวจนะ
ใครล่ะที่จะเป็นผู้ใหญ่ ?
ผู้ใหญ่ไม่ได้หมายถึง คนที่จบ ด๊อกเตอร์ โรงเรียนพระคัมภีร์ เป็นผู้นำ หรือรู้พระคัมภีร์มากๆ แต่ผู้ใหญ่สำหรับพระเจ้าที่พระองค์ประสงค์ให้เราเป็น คือ ไม่ใช่ว่าเราจะมีความรู้พระคัมภีร์มากเพียงไร แต่เพื่อเราจะนำมาใช้ต่างหาก พระเจ้าต้องการให้เราฉลาดมีสติปัญญา สติปัญาที่มาจากพระเจ้าคือการที่เราเชื่อฟัง โลกนี้สิ่งตรงข้ามกับความโง่ คือ ความรู้
แต่โลกของฝ่ายวิญญาณสิ่งที่ตรงข้ามกับความโง่เขลา คือ การเชื่อฟัง

โยชูวา 1:8
อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างเหินไปจากปากของเจ้า แต่เจ้าจงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะกระทำตามข้อความที่เขียนไว้นั้นทุกประการ แล้วเจ้าจะมีความจำเริญ และเจ้าจะสำเร็จผลเป็นอย่างดี

เราไม่ได้อ่านเพื่อแข่งขัน เราไม่ได้อ่านเพื่อนจะโอ้อวดใครว่าเราอ่านจบกี่รอบ เราไม่ได้อ่านเพื่อจะให้ใครมาทดสอบว่าเราท่องได้แค่ไหน แม้คุณจะอ่านจบ 3 รอบ แต่ท่องหรือจำไม่ได้เท่าคนที่อ่านไม่จบสักรอบ คนที่เขามีความจำที่ดี แต่ผมขอหนุนใจว่ามันจะไม่เปล่าประโยชน์ พระเจ้าผู้ยุติธรรม เมื่อคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามที่ต้องก้าวข้ามผ่านไป ประโยคเหล่านั้นที่เคยอ่านไปจะผุดขึ้นมาหนุนใจเรา
จงภาวนาพระวจนะทั้งกลางวันและกลางคืน พระเจ้าบอกเราแบบนั้นเพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด เราจะเดินในความมืดได้อย่างไร พระวจนะเป็นโคมส่องทาง และเป็นแสงสว่างให้กับเรา
1 เปโตร 2:2
เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์ เพื่อโดยน้ำนมนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น