วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

พระเยซูและเอสเธอร์ (Adar)

พระเยซูและเอสเธอร์ (Adar)
ในพระธรรมอพยพ 19-20 เราเห็นเรื่องราวของพระยาห์เวห์ ที่ได้นำพาอิสราเอลออกมาจากการที่พวกเขาต้องเป็นทาสในอียิปต์ แล้วนำพวกเขาในถิ่นทุรกันดารเพื่อที่จะสอนเรื่องพันธสัญญาการสมรสกับพวกเขา อิสราเอลได้ยอมรับธรรมบัญญัติที่ซีนาย  ในขณะที่พวกเขาเองก็ให้คำสัญญาว่าพระยาห์เวห์จะเป็นสามีของพวกเขา พวกเขาตกลงที่จะเข้าสู่ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่พวกเขาได้รับ อย่างไรก็ตามพันธสัญญาโมเสส ที่มีต่ออิสราเอล (ไม่ใช่เพราะพันธสัญญามีข้อบกพร่อง) แต่เพราะพวกเขาไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติบาปของตนเองเพื่อให้เชื่อฟังธรรมบัญญัติได้ พวกเขา "อ่อนแอในเนื้อหนัง" และไม่สามารถปฏิบัติตามข้อสัญญาของโมเสสที่มอบให้กับพวกเขาด้วยแผ่นศิลา

รม. 8:2 เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย
รม. 8:3 เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้มันอ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เองมา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงลงโทษบาป
รม. 8:4 เพื่อสิ่งที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้จะได้สำเร็จในตัวเราที่ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ

เช่นเดียวกัน ธรรมบัญญัติโมเสสไม่สามารถยกเลิกได้ และพระราชกฤษฎีกาเพื่อฆ่าชาวยิวไม่สามารถย้อนกลับได้ เอสเธอร์ บทที่ 8 เราได้เห็นภาพของธรรมบัญญัติที่พระเจ้าได้มอบไว้ให้กับโมเสสเพื่อมอบให้แก่อิสราเอลที่ภูเขาซีนายใน อพยพ 20 ธรรมบัญญัติที่พระยาห์เวห์ทำไว้กับอิสราเอลนี้ไม่ได้ยกเลิกไป ในทำนองเดียวกันกษัตริย์อาหสุเอรัสทรงมอบอำนาจให้ฮามานออกคำสั่งให้ลงโทษประหารชีวิตชาวยิวทุกคนในเปอร์เซียในวันที่ 13 ของเดือนที่ 12 แห่งอาดาร์ (เอสเธอร์ 3: 8-15) ตามกฎหมายของจักรวรรดิเปอร์เซียเมื่อกษัตริย์ใช้แหวนตราของตนเพื่อประทับตราพระราชกฤษฎีกาก็ไม่สามารถย้อนกลับหรือยกเลิกได้ได้แม้แต่ตัวของกษัตริย์เอง

เอสเธอร์จึงขอให้กษัตริย์กลับคำสั่งซึ่งออกให้โดยฮามานเพื่อฆ่าชาวยิวทั้งหมดในเปอร์เซีย แต่ในเมื่อคำสั่งที่ออกไปแล้วไม่สามารถยกเลิกได้เพราะว่ากษัตริย์อาหสุเอรัสไม่สามารถกลับคืนคำสั่งนี้ได้เมื่อได้เซ็นสัญญากับประทับแหวนตราสัญลักษณ์ของพระองค์เอง ดังนั้นจึงต้องมีการออกคำสั่งให้ (พระราชกฤษฎีกา) เพื่อให้ชาวยิวปกป้องกันตัวเองจากศัตรู

เปาโลได้อธิบายไว้ใน โรมว่า ธรรมบัญญัติไม่สามารถช่วยเราได้ เพราะว่ามันได้ขัดแย้งกับใจหิน พระเจ้าต้องการสมรสกับอิสราเอลดั่งที่ได้ทรงสัญยาไว้ ความรอดเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือการได้รับ "หัวใจใหม่" เพื่อให้พวกเขาสามารถปฏิบัติตามพันธสัญญาได้ เดิมทีพระเจ้าต้องการให้อิสราเอล รับคำแนะนำของพระองค์ โดยการเรียนรู้ที่จะได้ยินเสียงของพระองค์โดยตรงสำหรับตัวพวกเขาเอง แต่พวกเขาก็ได้ปฏิเสธ

อพย. 20:19 พวกเขาจึงกล่าวกับโมเสสว่า “ท่านจงนำความมาเล่าเถิด เราจะฟัง แต่อย่าให้พระเจ้าตรัสกับเราเลย เกรงว่าเราจะตาย”

นี่จึงเป็นเหตุผลที่พระยาห์เวห์พระเจ้าต้องทำ "พันธสัญญาใหม่" โดยที่เราได้รับอำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่เราจะสามารถรักษาธรรมบัญญัติ (ที่ผ่านมาทางโมเสส) ได้
เอสเธอร์เสี่ยงชีวิตของเธอขณะที่อดอาหารและอธิษฐานเป็นเวลาสามวันสามคืนเช่นเดียวกับพระเยซูคริสต์ของพระเจ้าของเราได้มอบชีวิตของพระองค์เองเพื่อไถ่เรา "สามวันสามคืนในใจกลางแผ่นดิน" (มัทธิว 12:40) ก่อนที่พระองค์จะฟื้นขึ้นจากความตาย

มธ. 12:40 เพราะว่าโยนาห์อยู่ในท้องปลามหึมาสามวัน สามคืน อย่างไร บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนอย่างนั้น

ในวันที่สามของการอดอาหารเธอ (เอสเธอร์ 5: 1) เอสเธอร์ได้ร้องขอชีวิตคนของเธอกับสามีของเธอคือกษัตริย์อาหสุเอรัสเช่นเดียวกับพระเยซู เพื่อขอชีวิตคนของพระองค์ ต่อพระบิดาบนสวรรค์

ชาโลม
ktm.worship

http://doubleportioninheritance.blogspot.com/search?q=Haman

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...