วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ลำดับวันในเดือน Adar

ลำดับวันในเดือน Adar
ในปฏิทิน Hebrew เราจะเห็นว่า Purim นั้นเฉลิมฉลองกันในวันที่ 14 เมื่อการต่อสู้ระหว่างชาวยิวกับศัตรูของเขาทั่วจักรวรรดิเปอร์เซียนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 Adar นี่เป็นที่มาของการเฉลิมฉลองทั่วทั้งโลกของชาวยิวทีได้หยุดพัก และเฉลิมฉลองในวันรุ่งขึ้นคือ 14 Adar

แต่ในเมืองหลวงของสุสา (Shushan) อย่างไรก็ตามที่นี่เป็นที่ที่ชาวยิวจำนวนมากถูกเกลียดชัง การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาสองวันคือ 13 และ 14 Adar ดังนั้นการเฉลิมฉลองชัยชนะใน Shushan จึงจัดขึ้นในวันที่ 15

ในปูริมก่อนจะมีการเฉลิมฉลอง เอสเธอร์และคนยิวได้อดอาหารอะศฐานต่อพระเจ้าเพื่อขอการช่วยกู้พวกเขา เป็นการอดอาหารถึง 3 วัน คาดว่าเริ่มอดอาหารตั้งแต่วันที่ 10-12 Adar เพราะในวันที่ 12 Adar พระคัมภีร์บันทึกว่า เมื่อถึงวันที่สามพระนางเอสเธอร์ก็ทรงเครื่องทรงราชินี และทรงยืนในลานชั้นในของพระราชวังตรงข้ามกับท้องพระโรง กษัตริย์ประทับบนราชบัลลังก์ภายในพระราชสำนักตรงข้ามทางเข้าพระราชวัง (เอสเธอร์ 5:1)

ปล. แต่หากดูกันตามปฏิทินยิวแล้ว วันที่ 13 Adar เป็นถืออดอาหาร (Ta'anit Esther)

ในวันนี้ และพระนางเอสเธอร์ทูลว่า “ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอกษัตริย์เสด็จมาพร้อมกับฮามานในวันนี้ เพื่อเสวยอาหารที่หม่อมฉันเตรียมไว้ถวายพระองค์ท่าน” (เอสเธอร์ 5:4)

จากนั้นหลังจาก ขณะเสวยเหล้าองุ่นอยู่ กษัตริย์ตรัสกับพระนางเอสเธอร์ว่า “เธอจะร้องขออะไร? เราจะให้ เธอจะทูลขออะไร? แม้ถึงครึ่งราชอาณาจักรก็จะได้” พระนางเอสเธอร์ทูลว่า “คำร้องขอของหม่อมฉันและคำทูลขอของหม่อมฉัน คือถ้าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์ และเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ที่จะประทานตามคำร้องขอของหม่อมฉัน และทรงทำตามคำทูลขอของหม่อมฉัน พรุ่งนี้ขอกษัตริย์เสด็จมายังงานเลี้ยงของหม่อมฉันพร้อมกับฮามาน และหม่อมฉันจะทำตามที่กษัตริย์ตรัสนั้น” (เอสเธอร์ 5: 6-8) พรุ่งนี้คือวันที่ 13 Adar

ในวันนี้เองฮามานก็ออกไปด้วยใจชื่นบานและยินดี แต่ก็ไม่พอใจโมรเดคัยที่ไม่ยืนขึ้นต่อหน้าเขา จึงทำตะแลงแกงตามคำยุยงของ เศเรชภรรยาของเขา และเพื่อนๆ ทุกคนจึงพูดกับเขาว่า “ขอทำตะแลงแกงสูงยี่สิบสองเมตร รุ่งเช้าก็ทูลกษัตริย์ให้แขวนคอโมรเดคัยเสียที่นั่น แล้วก็ไปกินเลี้ยงอย่างร่าเริงกับกษัตริย์” คำแนะนำนี้ถูกใจฮามาน เขาจึงสั่งให้ทำตะแลงแกงนั้น (เอสเธอร์ 5:14)

ในวันที่ 13 Adar กษัตริย์ทรงยกย่องโมรเดคัย และเป็นวันที่ฮามานพบความหายนะ แต่โมรเดคัยพบความรุ่งเรือง งานเลี้ยงซึ่งพระนางเอสเธอร์ทรงจัดขึ้นนั้น กษัตริย์จึงเสด็จพร้อมกับฮามานไปงานเลี้ยงของพระราชินีเอสเธอร์ กษัตริย์ตรัสกับพระนางเอสเธอร์อีกว่า “ราชินีเอสเธอร์ เธอจะร้องขออะไร? เราจะให้ และเธอจะทูลขออะไร? แม้ถึงครึ่งราชอาณาจักรของเรา ก็จะได้” (เอสเธอร์ 7:1-2)

พระราชินีเอสเธอร์ทูลตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ถ้าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานของฝ่าพระบาท และถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอประทานชีวิตของหม่อมฉันตามคำร้องขอของหม่อมฉัน และขอไว้ชีวิตชนชาติของหม่อมฉันตามคำทูลขอของหม่อมฉัน เพราะพวกเราถูกขายทั้งหม่อมฉันและชนชาติของหม่อมฉัน ให้ถูกทำลาย ให้ถูกสังหารและให้ถูกล้างผลาญ ถ้าพวกเราถูกขายเพียงให้เป็นทาสชายและหญิง หม่อมฉันก็จะไม่ปริปาก เพราะความทุกข์ยากเพียงแค่นี้ไม่อาจเปรียบกับความเสียหายของกษัตริย์ได้” กษัตริย์อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์ว่า “คนนั้นเป็นใคร? อยู่ที่ไหน? จึงบังอาจคิดทำการเช่นนี้” และพระนางเอสเธอร์ทูลว่า “คู่อริและศัตรูคือฮามานคนชั่วช้าผู้นี้ เพคะ” ฮามานก็ตกใจกลัวต่อพระพักตร์กษัตริย์และพระราชินี (เอสเธอร์ 7:3-6)

กษัตริย์ทรงลุกขึ้นจากงานเลี้ยงด้วยพระพิโรธ จนมาถึง การแขวนคอฮามานบนตะแลงแกงซึ่งฮามานเตรียมไว้สำหรับโมรเดคัย แล้วพระพิโรธของกษัตริย์ก็สงบลง (เอสเธอร์ 7:10)

พระนางเอสเธอร์ทูลกษัตริย์อีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์ และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร เพื่อขอให้ยุติแผนชั่วของฮามาน คนอากัก และการคิดร้ายต่อพวกยิวเสีย กษัตริย์จึงยื่นพระคทาสุวรรณแก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์ก็ทรงลุกขึ้นยืนเฝ้ากษัตริย์ (8:3)

กษัตริย์อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์และกับโมรเดคัยคนยิวว่า “ดูสิ เรามอบบ้านของฮามานแก่พระนางเอสเธอร์แล้ว และพวกเขาก็แขวนคอมันบนตะแลงแกง เพราะมันยื่นมือออกทำร้ายพวกยิว พวกท่านจงเขียนเกี่ยวกับพวกยิวตามที่เห็นว่าดี ในนามของกษัตริย์และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ เพราะว่ากฤษฎีกาที่เขียนในนามของกษัตริย์ และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ จะเปลี่ยนกลับไม่ได้” (8:7-8)

ตามจดหมายเหล่านี้กษัตริย์ทรงอนุญาตให้พวกยิวผู้อยู่ในทุกเมืองมาชุมนุมกันเพื่อป้องกันชีวิตของตน เพื่อทำลาย เพื่อสังหารและเพื่อล้างผลาญกองกำลังทั้งสิ้นของประชาชนหรือของมณฑล ซึ่งจะมาทำร้ายพวกเขาทั้งเด็กและผู้หญิง และมาปล้นข้าวของของพวกเขาไป ภายในวันเดียวในทุกมณฑลของกษัตริย์อาหสุเอรัสคือ วันที่สิบสามเดือนสิบสอง คือเดือนอาดาร์  (8:11-12)

ในวันที่สิบสามเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ วันที่จะปฏิบัติตามพระบัญชาและกฤษฎีกาของกษัตริย์ ในวันนั้นเองที่ศัตรูของพวกยิวหวังจะมีอำนาจเหนือพวกยิว แต่กลับกลายเป็นวันที่พวกยิวได้มีอำนาจเหนือพวกที่เกลียดชังพวกเขา พวกยิวได้ชุมนุมกันตามเมืองต่างๆ ในทุกมณฑลของกษัตริย์อาหสุเอรัส เพื่อจะฆ่าบรรดาคนที่หาทางทำร้ายพวกเขา ไม่มีใครต่อต้านพวกเขาได้ เพราะความกลัวพวกยิวครอบงำชนทุกชาติ (เอสเธอร์ 9:1-2)

พวกยิวจึงโจมตีศัตรูทั้งหมดของตนด้วยดาบ ฆ่าและทำลาย และทำแก่ผู้ที่เกลียดชังพวกเขาตามใจชอบ (9:5)

เหตุนี้เกิดขึ้นในวันที่สิบสามเดือนอาดาร์ และในวันที่สิบสี่พวกเขาหยุดพัก และทำวันนั้นให้เป็นวันกินเลี้ยงและวันยินดี (9:17) 14 Adar พวกเขาหยุดพัก

แต่พวกยิวที่อยู่ในสุสาชุมนุมกันในวันที่สิบสามและวันที่สิบสี่ และหยุดพักในวันที่สิบห้า ทำวันนั้นให้เป็นวันกินเลี้ยงและวันยินดี (9:18)

อสธ. 9:19 เพราะฉะนั้น พวกยิวในชนบทที่อยู่ตามเมืองรอบนอกได้ทำวันที่สิบสี่ของเดือนอาดาร์ให้เป็นวันยินดีและวันกินเลี้ยง และเป็นวันรื่นเริง และเป็นวันที่ส่งของขวัญไปให้กันและกัน

ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น