เรากำลัง "อดทน" แบบผิด ๆ หรือเปล่า ?
ให้อดทน อดทนนาน .. และ อดทนให้มากขึ้นอีก
กท. 5:22 ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์
ในวันนี้เรามาดูกันที่ “ความอดทน”
อดทน ต่อการทดลอง อดทนต่อความอยุติธรรม
อดทนต่อความทุกข์ ความยากลำบาก อดทนต่อกันและกัน อดทนให้นาน ๆ
นานอีก นานขึ้นไป
(เราเคยต้องอดทนกับใครแบบนี้ไหมครับ เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง คนในคริสตจักร)
ความ "อดทน" ตามพระคัมภีร์ คืออะไร ?
คือ การที่เรายังคงยืนหยัดในความเชื่อ ความรัก
และความหวังใจในพระเจ้ามั่นคงอยู่ในพระวจนะแห่งความจริง
ไม่หวั่นไหว แม้ขณะที่ต้องเผชิญกับการทดลอง
หรือความทุกข์ความยากลำบาก ความอยุติธรรม การถูกข่มเหง
จนถึงความไม่น่ารักของพี่น้องหรือเพื่อนบ้าน
วว 14:12 นี่แหละคือความอดทนของพวกวิสุทธิชน คือผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และความเชื่อของพระเยซูไว้
ดังนั้น ความอดทน ไม่ได้หมายถึง อดทนแช่ตัวอยู่ในการทดลอง
อดทนต่อพี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่ไม่น่ารัก (อดทนแล้ว แต่เขาไม่เคยเปลี่ยน)
อดทนอยู่ในความทุกข์ยากลำบากต่อไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ
อดทนให้คนอื่นกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรมกับเราไปนาน ๆ โดยไม่แก้ไข
หรือ อดทนอยู่กับความเจ็บป่วย ความผิดปกติ
อดทนต่อความยากจน ขัดสน หรือ อดทนต่อแรงกดดันต่าง ๆ
บางครั้งเวลาเราทนกับคนที่ไม่น่ารัก แต่ลับหลังเขาเราก็บ่น
เราก็ระบายความในใจกับคนอื่นๆ ถึงความทุกข์ยากของเรา
แบบนี้ไม่เรียกได้ว่าเป็นความอดทนตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
แต่เป็นการ อดทน ด้วยเหตุผลอื่น บางคนอาจจะอดทนเพื่อผลประโยชน์
หรืออดทนเพื่อความหวังที่ไม่ได้ยั่งยืนของโลกนี้
แล้วพระเจ้า สร้างการอดทนมาทำไม ?
ก็เมื่อเราได้เข้าไปเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้าย
ความทุกข์ ความอดทนเปรียบกับการแบกความหนัก
พระเจ้าให้เรามีความอดทนจนถึงที่สุด ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เพื่อเราจะไม่ฟุ้งซ่าน หรือตบะแตก
เพราะความอดทนของเราตั้งอยู่ใน ความเชื่อ ความหวัง และความรัก
ยกตัวอย่างอีกเรื่อง
การควบคุมอารมณ์ ถ้ามีคนมาแหย่เรา เฮ้ ไอ้อ้วน
ไอ้หมูตอน ความอดทน ย่อมมีลิมิตใช่ไหม
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทนจนเกินลิมิต
“อดทน” จึงเป็นเหมือน เกราะป้องกันฝ่ายวิญญาณ
ที่ทำให้เราเผชิญความยากลำบากได้นานๆ
ไม่ย่อท้อ หรืออดกลั้นที่ เป็นการควบคุมบังคับความรู้สึก
ความอดทนที่ผิด และไม่ได้เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า
คือ ยิ่งอดทนได้นาน คือการทนๆๆ ฝืนยิ้ม แช่อยู่ในความกดดัน
นั่นยิ่งแสดงว่าเราเติบโต และเป็นคนใช้การได้
เป็นคนเข้มแข็ง และ โอวววว พระเจ้าจะทรงพอพระทัยเราอย่างมาก
นี่เป็นความเข้าใจผิด อย่างร้ายแรง !
คนที่แช่ตัวอยู่ใน “ความอดทน” ที่ผิดๆ มีแต่จะล้มลง
เรามีสิทธิ์ที่จะถอยห่างจากคนที่ไม่น่ารักได้
เพื่อจะยังรักเขาได้ต่อไป ไม่ใช่อดทน จนทนไม่ไหว
แล้วกลายเป็น การขุ่นเคืองใจ กลายเป็นรากขมขื่น
อยู่ภายในจิตใจของเราเอง
ยกตัวอย่าง คนที่ทำงานบริษัทบางครั้งเราต้องอยู่กับคนที่เป็นเจ้าของบริษัท
หัวหน้างาน หรือเจ้านาย ถ้าเราเจอเจ้านายที่ไม่ชอบธรรม
ใช้อำนาจกดขี่ ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ฟังเหตุผล เจอหน้าก้เอาแต่ด่าลูกน้อง
ถามว่า เรายังทำงานอยู่ที่บริษัทนี้หรือไม่
คนที่บอกว่าอดทน ก็จะทนและทำงานต่อไป
แต่เจ้านายคนนี้ไม่มีทางได้ใจ ของพนักงาน
และยิ่งทำงานต่อไป ความกดดัน ความเกลียดชัง
ก็จะยิ่งเข้ามาแทนที่ ความรักที่ควรจะมีให้แก่กัน
พระเจ้าทรงมอบสิทธิอำนาจให้กับเราแล้ว
และ เราต้องใช้ ในการต่อต้านยุทธอุบายของมาร
ใช้เพื่อเรียกสิ่งดีให้เกิดขึ้น
แต่สิ่งดีนั้นต้องเป็นตามน้ำพระทัย หากเราขอรถยนต์สักคัน เพราะเราจำเป็นต้องใช้ทำงาน เพราะเราต้องอดทนมานานกับความลำบาก กับ เราขอรถเบนซ์ เพราะอยากขับมาอวดกัน พระเจ้าจะให้รถกับใคร
ยก. 4:3 พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง
จงใช้สิทธิอำนาจที่พระเจ้าให้อย่างถูกต้อง
ใช้เพื่อห้าม หรือ ขับไล่ สิ่งเลวร้ายออกไปจากชีวิตเรา
ไม่ใช่อดทนอยู่ในสถานการณ์ที่่เลวร้ายไปเรื่อย ๆ
แม้เราจะพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงใด
แต่เมื่อเรายัง ยืนหยัด มั่นคง อยู่ในความเชื่อ
นั่นคือ "ความอดทน" ที่ทรงปรารถนาให้เรามี
เพราะ ความหวังใจของเราอยู่ในพระสัญญา
ที่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ด้วยความเชื่อ..
เราจะพ้นออกมาได้ทั้งหมด
ความเชื่อคือ ?
ความเชื่อไม่ใช่ความแน่ใจหรือมั่นใจ
ในสิ่งที่ขัดแย้งกับพระคัมภีร์
ถ้าเราบอกว่า เราเชื่อพระองค์ แต่ถ้าเรา “อดทน”
และแช่ตัวในการทดลอง การอดทนนั้นก็สูญเปล่า
พระเจ้าไม่มุสา สัตย์ซื่อ และเที่ยงธรรม ถ้าเราอดทนในความเชื่อ
และเราอธิษฐานคำตอบจะมา และหากคำตอบมา คำตอบนั้นไม่มีการผิดพลาด
แต่ การอดทน ในการทดลอง และยังฝืนที่จะแช่ตัวอยู่ จะยิ่งทำให้เราเสียเวลา
เสียงนั้น อาจบอกเราว่า อดทนอีกนิดน่า อดทนอีกหน่อยเถอะ
พระเจ้าของเรา คือ พระผู้ช่วยให้รอด ..
รอดจากทุกสิ่งที่เลวร้ายทั้งสิ้น
และ พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนทุกสิ่งร้ายเหล่านั้นให้เป็นผลดี
สำหรับคนที่รักพระองค์ ...
(เช่น ชีวิตของ ดาเนียล โยเซฟ โยบ อับราฮัม ฯลฯ)
อดทน ที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคงในความเชื่อ
มั่นใจในพระสัญญา ในพระวจนะของพระเจ้า
ใช้สิทธิอำนาจ ใช้ความเชื่อ พึ่งพาในพระวิญญาณ
และออกมาจากสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้น
อย่างผู้ที่มีชัยในพระคริสต์ !
มีคำบางคำที่ทำให้คน อดโท๊น อดทน นั่นคือคำว่า “พระเจ้าเขย่า”
ยังมีหลายคำที่ไม่มีในพระคัมภีร์ แต่เป็นคำตกทอดต่อๆกันมา
ที่อาจจะทำให้ผู้เชื่อ เข้าใจความจริงในพระวจนะบิดเบือนไป
หากคุณเดินในความเชื่อ มุ่งมั่น เสียสละ กัดฟันสุดๆ
และยังมีปัญหา ก็จะบอกกับตนเองหรือคนที่เจอเหตุการณ์คล้ายอย่างนี้ว่า
"นี่เป็นเวลาที่พระเจ้ากำลังเขย่า" ทุกอย่างกำลังจะเข้าที่เข้าทาง
คำหนุนใจนี้ฟังเผินๆ ผ่านๆ ดูดีมาก หนุนใจมากๆ จริงไหม
โอววว ฉันต้องผ่านการเขย่า เขย่าๆ
พระวจนะบันทึกว่า มารมาเหมือนดั่งขโมย เพื่อที่จะลัก ฆ่าและทำลาย
ยน. 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์
แต่ตอนท้ายของพระวจนะตอนนี้บันทึกว่า
แต่พระเยซู มาเพื่อจะมีชีวิต การมีชีวิตที่ชื่นชมยินดี
เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า และมีอย่างครบบริบูรณ์ด้วย
หากเขาจะเข้าใจว่าพระเจ้าเขย่าเขา
เขาก็จะไม่ยืนต้านมาร ทั้งที่พระวจนะบันทึกว่า “จงต่อสู้กับมาร”
ยก. 4:7 เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป
เมื่อเข้าใจว่าพระเจ้า ทั้งเขย่า ทั้งฝัดร่อน
จึงได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้มารลัก ฆ่าและทำลายเขาต่อไป
โดยไม่มีการยืนต้านทาน และต่อสู้ และในที่สุดเมื่อทนไม่ไหว
ก็จะขมขื่นและละทิ้งพระเจ้าไปในที่สุด
บางคนกล่าวโทษพระเจ้าว่าทำไมถึงไม่ช่วยเหลือ
เมื่อเจอปัญหา ท่านกำลังถูกฝัดร่อนจริงหรือ
นี่ก็เป็นอีกคำหนึ่ง ที่ทำให้เราทั้งหลาย อดทนแบบผิดๆ
หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้ ในสถานการณ์ที่เจอปัญหา
ท่านจะได้รับคำหนุนใจว่า “พระเจ้ากำลังฝัดร่อนท่าน”
หรือคนใดหรือกลุ่มคนใดทำสิ่งใดที่ขัดแย้งซึ่งกันและกัน
และเขาเจอปัญหา อาจจะมีประโยคที่กล่าวว่า
“พระเจ้ากำลังฝัดร่อนคนในคริสตจักร” ซึ่งมีความหมายว่า
พวกเขาไม่ได้ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ฯลฯ
คำว่า "ฝัดร่อน" พบในพันธสัญญาใหม่ครั้งเดียว
แต่ในฉบับ THSV พบได้บ้างในพันธสัญญาเดิม
แต่เป็นบริบทของการฝัดร่อนผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าซึ่งต่อต้านอิสราเอล
และพบในพระคัมภีร์ฉบับ KJV เพียงครั้งเดียวใน
ลก. 22:31 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ดูเถิด ซาตานได้ขอท่านไว้เพื่อจะฝัดร่อนท่านเหมือนฝัดข้าวสาลี
จากพระคัมภีร์ตอนนี้ซาตานทดสอบพวกสาวก
เพื่อหวังจะสร้างความเสียหายแก่พวกเขา
ดังนั้นผู้ที่ฝัดร่อนเราแท้จริงคือ ซาตาน
ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระนามว่า ยาห์เวห์
หลายครั้งเราได้ยินคำสอนเสมอว่า
พระเจ้าทรงใช้ปัญหาเพื่อฝัดร่อนผู้เชื่อ (คริสเตียน)
และใครที่ทนจนถึงที่สุดและผ่านมันไปได้จะมีชัยชนะ
ดังนั้นการขอ ฝัดร่อน ผู้เชื่อกับพระเจ้า
ซาตานไม่สามารถทำอะไรผู้เชื่อได้ แต่ทำทุกวิถีทางเพื่อแยกเราออกจากพระเจ้า
เป็นดุจสิงห์ที่วนเวียน เป็นพ่อของการมุสา
พระคัมภีร์บันทึกว่า มารได้แค่ วนเวียน จริงไหม
1ปต. 5:8 ท่านทั้งหลายจงเป็นคนใจหนักแน่น จงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่าน คือพญามาร วนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงโตคำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้
แมวชอบกินปลามากเป็นชีวิตจิตใจ
แต่ถ้าปลานั้นเป็นปลากระป๋อง มันก็คงกินไม่ได้
แม้จะขึ้นไปยืน ขย่ม ใช้กรงเล็บแงะแคะออกมากก็ไม่สามารถทำได้
แต่มันก็ยังสนใจเดินวนไปวนมา คอยโอกาสว่าสักวันมันจะต้องได้กิน
พระเจ้าพระองค์ทรงรักเราและปกป้องเรา
พระองค์ซ่อนเราไว้ในพลับพลา ไว้ในที่กำบังที่ปลอดภัยและเข้มแข็ง
ซาตานทำอะไรผู้เชื่อที่อยู่ในการคุ้มครองด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้าไม่ได้
สิ่งเลวร้ายใดๆไม่อาจกร้ำกราย เพราะพระเจ้าซ่อนเราไว้ในปีกของพระองค์
จงเข้าลี้ภัยในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้น คนที่อดทนเท่านั้นถึงจะผ่านข้อสอบและได้รับชัยชนะ
คำว่า ทน ในที่นี้เป็นบริบทที่หมายถึง การอดทนต่อการถูกข่มเหงความเชื่อ
การทนทุกข์เพื่อพระเยซูคริสต์
ซึ่งต่างกับการอดทนต่อปัญหา ความยากจนหรือความเจ็บป่วย
ผู้เชื่ออาจจะเข้าใจว่า เพราะความอดทนต่อปัญหา
พระเจ้าจะเลือกคนคนนั้นที่อดทนได้ท่ามกลางปัญหาความทุกข์ยาก
เพื่อเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ ส่วนคนที่อ่อนแอหรือพ่ายแพ้ต่อปัญหา
หรือการทดลองคนเหล่านี้ก็ไม่ได้มาตรฐาน
ดังนั้นเราต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น
แตกต่างกับการคิดของมนุษย์ เพราะว่าพระองค์ไม่ประสงค์ให้ใครพินาศไปเลย
มธ. 18:10 จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า บนสวรรค์ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์
มธ. 18:14 อย่างนั้นแหละ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งพินาศไปเลย
เราทั้งหลายได้รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
แทนทุกคนที่เชื่อและไว้วางใจในพระองค์
เมื่อนั้นเราทั้งหลายก็รับสิทธิ์เป็น "บุตรของพระเจ้า"
พระเยซูทรงซื้อเราด้วยราคาสูง เราอาจจะคิดว่า
พระคุณเป็นสิ่งที่ได้มาฟรีๆ แต่เบื้องหลังของฟรีนั้นมีการลงทุน
ด้วยการแลกชีวิตอันยิ่งใหญ่ ทนอับอาย ทรมาน บนไม้กางเขน
วันนี้เราเป็นลูกรักของพระเจ้า
พระองค์ไม่จับเรามาใส่กระจาดฝัดร่อน
มีแต่ทะนุถนอม ฟูมฟัก เลี้ยงดู อย่างดีที่สุด
พระองค์เรียกเราว่าที่รัก พระองค์ทรงหวงแหนเรา
ห่วงใยเรา ปกป้องเรา มีพระกรุณาและพระคุณต่อเรา
และไม่ประสงค์ให้ใครสักคนตกหล่นไปสักคนเดียว
วันนี้เราต้องพิจารณา ใช้เวลาในการใคร่ครวญ
ว่าสิ่งใดมาจากพระเจ้า และสิ่งใดมาจากซาตาน
พระเจ้าประทานสิ่งดีแก่ลูกของพระองค์เสมอ ดังนั้นสิ่งที่ดีจึงมาจากพระเจ้า
ยน. 10:10 พระองค์ตรัสว่า “พระองค์มาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์”
ยก. 4:7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงยอมน้อมกายต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับพญามาร และมันจะหนีไปจากท่าน
ถ้าพระเจ้าให้เราอดทน ทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้น ถ้าชีวิตยิ่งแย่ ยิ่งเป็นทาส ยิ่งกดดัน พระคัมภีร์จะให้ อดทนเพื่ออะไร อย่าเข้าใจผิดว่า สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิต มาจากพระเจ้า การล่อลวงไม่ได้มาจากพระเจ้า และพระเจ้าเองก็ไม่ทรงปรารถนานำลูกของพระองค์ไปให้สิ่งเลวร้าย
มธ. 6:13 และขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย
นี่เป็นพระวจนะอีกข้อที่อาจทำให้เราคิดว่า พระเจ้าจะนำเราไปในการทดลองของมารซานตาน และนำไปนำไปในความชั่วร้ายในบางกรรีด้วยหรือ ?
ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ใน ฉบับแปลจาก อารเมค ใช้คำว่า “และขออย่าทรงปล่อยให้พวกข้าพระองค์ ให้ตกลงสู่การทดลอง แต่โปรดทรงช่วยข้าให้พระองค์ ให้พ้นจากมารร้ายทั้งหมด” (*ความชั่วร้ายหรือ มารซาตาน) ในบริบทของการ ทดลอง ตอนนี้ หมายถึง การล่อลวง มารซาตานมีจุดประสงค์ ดึงเราเพื่อไม่ให้ไปถึงเป้าหมายและเป้าประสงค์ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้
นำเราเข้าสู่การทดลอง พระเจ้าจะนำเราเข้าสู่การทดลองหรือ ? เพื่อเราจะอดทน
ยก. 1:13 อย่าให้คนที่ถูกล่อลวงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้า” เพราะว่าพระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อลวง และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย
ดังนั้นพระเจ้า พระองค์ไม่เคยล่อลวงผู้ใด แต่ราคะตัณหาของตัวเราเองที่ล่อลวงเรา ในสำนวน KJVบันทึกว่า “เมื่อผู้ใดถูกล่อลวงให้หลง อย่าให้ผู้นั้นพูดว่า "พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้าให้หลง" เพราะว่าความชั่วจะมาล่อลวงพระเจ้าให้หลงไม่ได้ และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงผู้ใดให้หลงเลย”
ในบางสำนวนของพระคัมภีร์ บันทึกว่า "อย่าให้ผู้ใดพูดเมื่อเขาถูกล่อลวง ว่าฉันถูกล่อลวงโดยพระยาห์เวห์ สำหรับพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ล่อลวงด้วยความชั่วร้ายและไม่ล่อใจคน"
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น