เราอธิษฐานขอพระเจ้าแบบไหน?
การอธิษฐานของเราจึงคล้ายกับการ “ถูตะเกียง” ให้ยักษ์วิเศษออกมาบันดาลสิ่งสารพัดให้กับเรา ถามว่าพระเจ้าจะให้ไหม เราลองนึกถึงภาพของพ่อที่แสนดีกับบุตรชาย (บุตรน้อยหลงหาย) แม้ลูกจะทำตัวแย่แค่ไหน พ่อก็ยังรักและปรารถนาจะให้สิ่งดีแก่ลูกเสมอ แต่ลูกที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อ มีความใกล้ชิดสนิทสนม ย่อมเป็นอะไรที่พิเศษมากกว่าอื่นใด
เราคือลูกที่อธิษฐานแบบไหน หายเงียบไป แล้วโผล่มาแบบมือขอเงินพ่อกับแม่เมื่อเงินหมดหรือ เราถูกตะเกียง ให้ยักษ์ออกมาเพื่อให้พรตามต้องการหรือ “ฉันสามารถสั่งยักษ์ให้ทำนั่นทำนี่ได้หรือ”
มก. 11:24 เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น
พระเจ้าสัญญาว่า เมื่ออธิษฐานขอสิ่งใดจงเชื่อว่าจะได้รับ และท่านจะได้รับตามนั้น แต่ต้องอธิษฐานขอด้วยความเชื่อไม่สงสัย ไม่กลัวสิ่งใด เวลานั้นไม่แน่นอนแต่จงเรียนรู้ในการรอคอย ที่ท่านไม่ได้รับเพราะท่านขอผิดเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง คือขอด้วยท่าทีภายในที่ไม่ถูกต้อง หรือการอธิษฐานนั้นไม่ได้มาจากความเชื่อที่ถูกต้อง และไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของพระคัมภีร์ และพระสัญญา และตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าก็ไม่โปรดฟัง
ยก. 4:3 ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองกิเลสตัณหาของท่าน
ดงนั้น คำอธิษฐานจึงไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า บางครั้งคำตอบที่ได้อาจจะไม่ได้มาจากพระเจ้า ทำให้เราเข้าใจผิดว่าทำไมพระเจ้าถึงตอบคำอธิษฐานเช่นนี้ เพราะมันแถมความโศกเศร้าและความผิดหวังติดมาด้วย พระพรของพระเจ้านั้นเต็มไปด้วยความมั่งคั่งและนำมาซึ่งความชื่นชมยินดี
สภษ. 10:22 พระพรของพระเจ้ากระทำให้มั่งคั่ง และพระองค์มิได้แถมความโศกเศร้าไว้ด้วย
ฟป. 4:6 อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น