วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ

การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ

เราเคยสังเกตไหมว่า คำสอน หรือคำเทศนาวันอาทิตย์ บางครั้งเป็นคำสอนที่ทำให้เรามีกำลังขึ้น ดูมีกำลังขึ้น แต่เราเคยกลับไปใคร่ครวญซ้ำไหมว่า เราจะไปต่อยอดอย่างไรกับคำสอนที่เราได้รับมาที่หาใช่เพียง ได้รับกำลังในชั่วขณะ และกล่าวว่า "อาเมนๆ"

เมื่อเราอ่านพระวจนะ และฟังคำเทศนาเราอาจจะได้ยินคำศัพท์ใหม่ๆ หลายคำหนึ่งในนั้นที่ผมเองก็เคยสงสัยและค้นหาในพระคัมภีร์คือคำว่า “การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ”
ขอขอบคุณพี่ Monthawan Tomm Cheadtharat
ที่ย่อยคำสอนจาก อ.ชาญชิต คจ อบันดันท์ไลฟ์
ผมได้ขออนุญาตนำมาต่อยอด เขียนในแบบฉบับของตนเองแล้ว

การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ !!
หนึ่งในหลายคำที่ผู้นำสอนแต่ก็หาไม่เจอในพระคัมภีร์ที่เป็นความจริงของพระเจ้า อาจะเป็นความปรารถนาดีแต่ แฝงมาด้วยการหวังจะควบคุมเสรีภาพ ความเป็นไท ให้อยู่ภายใต้อำนาจในการควบคุม แม้จะกดดันก็ตาม ทั้งที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงมาเพื่อให้เราทั้งหลายเป็นไท และมาปลดปล่อยเราออกจากความเป็นทาส ผู้ที่เชื่อในพระองค์ก็ได้รับมอบสิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว

สิ่งเหล่านี้ทำให้การไปคริสตจักรไม่ต่างกับการไปทำหน้าที่ มีความกลัวและกดดันว่าจะทำสิ่งใดผิดพลาด เหล่านี้ล้วนมาจากมารร้าย เป็นการยกย่องมนุษย์ให้สูงกว่าพระเจ้า แม้จะโดยความไม่ตั้งใจก้ตาม

บุคคลที่เชื่อว่าตนเองสามารถปกคลุมฝ่ายวิญญาณได้นั้น โดยเชื่อว่าหากไม่เชื่อฟังหรือ ออกไปจากคริสตจักร ที่เขาผู้นั้นมีสิทธิอำนาจสูงสุดที่ได้รับการเจิมตั้งจากพระเจ้า จะพ้นจากขอบเขตการปกคลุมการปกป้องและไม่รับรองความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้น ความคิดเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่างมาก

การที่คนอีกคนหนึ่งจะช่วยอีกคนหนึ่งให้พ้นการสิ่งเลวร้าย หรือการโจมตีในความคิดโดยไม่ให้ถูกล่อลวงจากมารซาตานนั้นเป็นไปได้หรือ ? พระเยซูคริสต์ น่าจะเป็นเพียงผู้เดียวที่ทำสิ่งเหล่านี้ได้ เราทั้งหลายที่เชื่อ ก็อยู่ในการปกคลุมของพระองค์ อยู่ภายใต้ปีกอันทรงฤทธิ์ อยู่ในพลับพลา อยู่หลังป้อมปราการที่แข็งแกร่ง ที่พระเจ้าจะทรงซ่อนลูกของพระองค์ไว้ เราเห็นตัวอย่างได้จากยูดาส สาวกคนสนิท เป็นสาวกวงในที่ใกล้ชิดกับพระเยซูมาก ยังถูกความโลภเข้าโจมตีทางคิดและครอบงำเขาจนยอมขายพระเยซู

ในพระคัมภีร์มีบันทึกในช่วงเวลาไหนบ้าง ที่คนหนึ่งจะสามารถ ปกคลุมในฝ่ายวิญญาณ อีกคนหนึ่งได้ ผู้ที่กล่าวว่าปกคลุมฝ่ายวิญญาณได้ แม้แต่ความคิดของตัวเองที่เป็นสนามรบที่แข็งแกร่งที่สุด แค่การปกป้องตัวเองจาก ความโลภ โกหก หลอกลวง คิดร้าย และอุบายต่างๆของมารซาตาน บางครั้งก็ยังมีช่องโหว่ไม่สามารถทำได้เลย เพราะในความเป็นมนุษย์ ทุกคนย่อมยังทำบาปอยู่

1ยน. 1:8 ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และความจริงไม่ได้อยู่ในเราเลย

ถ้ามีผู้เชื่อคนหนึ่ง ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่อ่านพระวจนะ ไม่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่เชื่อฟังการช่วยเหลือและการทรงนำของพระวิญญาณ ที่เขามีภายในแล้ว เราเป็นใคร่เล่า เราใหญ่กว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือ ? ที่กล่าวว่า "ฉันเป็นผู้ที่ปกคลุมฝ่ายวิญญาณคุณ"

เราต้องรู้ความจริงว่า วิญญาณของผู้เชื่อได้บังเกิดใหม่แล้ว ณ เวลาที่ได้บังเกิดใหม่ได้รับการชำระใ บริสุทธิ์ สมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว เป็นบ้านของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตและประทับอยู่ภายใน ไม่มีมารร้าย หรืออำนาจใดๆ แตะต้องเขาได้ หากเขายังไม่ได้ปฏิเสธพระเยซูคริสต์  ในความไม่สมบูรณ์ เนื้อหนังจะไปปกคลุมฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร ?

เคยไหมที่คำเทศนาหรือคำสอน มีสองประโยคที่กล่าวว่า
"พระเจ้าจะตีสอน" ถ้าพระเจ้าตีสอนนะ มันจะหนักหนาแน่ๆ
"มารซาตานจะทำร้าย" หรือจะเล่นงาน

โดยมีข้อแม้ว่าถ้าดื้อและไม่เชื่อฟังพระเจ้าและโยงมาที่ หากไม่เชื่อฟังผู้นำ ผู้นำบางคนมักกล่าวว่า คนที่ต่อต้านตนเองที่ได้รับการเจิมจะเจอกับภัยพิบัติย่างไร ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง เท่ากับเป็นการไม่เชื่อฟังพระเจ้า และไม่เชื่อฟังผู้นำ ไม่ยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของผู้นำ ผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้งไว้ มีวิญญาณอิสรเสรีภาพ หากไม่เชื่อฟัง พระเจ้าจะตีสอน (มิเรียมไม่เชื่อฟังและต่อต้านโมเสส)

วันนี้เรายังรักและให้เกียรติผู้นำ เชื่อฟัง ในฐานะสอนความจริงของพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมาตามพระวจนะ ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกคนที่จะไม่อยู่ในความกลัวอีกต่อไป เราทั้งหลายอยู่ภายใต้การนำของพระเจ้า พระเจ้าจะปกป้องเราไว้เมื่อเราเดินในทางของพระองค์ มีความเชื่อในพระองค์ เราก็อยู่ในหัตถ์อันทรงฤทธิ์ อยู่ในป้อมปราการ อยู่ในพลับพลา อยู่ภายใต้ปีกของพระองค์ พระคัมภีร์ที่เป็นความจริงกล่าวไว้เช่นนั้น

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
Ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น