วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

อย่ายอมแพ้ เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่

อย่ายอมแพ้
 
 
ชาโลม เราเชื่อว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่ไหม

สิ่งที่ผมอยากแบ่งปันในวันนี้คือ
อย่ายอมแพ้ มารอาจจะบอกว่าเราพ่ายแพ้
ทำให้เรารู้สึกว่าเรานั้นพ่ายแพ้ และหมดหวัง แต่พระเจ้าทรงบอกว่าเราชนะ .. อาเมน
ผมประทับใจบทเพลงที่บอกว่า …. คุณจะเชื่อคำพุดของใคร ? (พระเยซู)
ถ้าเราเชื่อคำพูดของพระองค์
เราต้องมีความหวังและ มั่นใจว่าเราจะชนะ
การพ่ายแพ้ กับการยอมแพ้แตกต่างกัน
สิ่งที่แตกต่างกันคือ ความพ่ายแพ้ ” ไม่น่ากลัวเท่ากับ “การยอมแพ้”

คำว่ายอมแพ้ หมายความว่า ..
-    แพ้ แปลว่า สู้แล้วแต่สู้ไม่ได้ ไม่สามารถคว้าเอาชัยชนะมาได้
-    ยอมแพ้ แปลว่า ยอม ยอมจำนน ยอมยกธงขาว
เลิกสู้กลางคัน ถอดใจ
เราอาจจะเคยพบความพ่ายแพ้มา
เพราะในสภาพความเป็นมนุษย์เรามีความอ่อนแอ
เนื้อหนังเราย่อมมีอารมณ์ มีความโกรธ มีการผิดพลาด
แต่พระเจ้าสัญญาว่า พระองค์จะอยู่กับเราและช่วยเราให้มีชัยชนะ

สดด. 42:5 จิตใจของข้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่? ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายใน? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะยกย่องพระองค์อีก ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด

พระวจนะของพระเจ้าหนุนใจเพื่อเราจะไม่ท้อใจ
ความท้อใจ ทำลายความหวัง … แต่พระเยซูทรงเป็นความหวังของเรา

ศัตรูของเรา จะเป็นอะไรก็ตาม นอกจากมาร
คอยจ้องที่จะทำให้เราท้อใจ ปราศจากความหวัง และเราจะยอมแพ้

เราจะประสบชัยชนะไม่ได้เลยหากเราท้อใจ
ดังนั้นพระวจนะหลายตอนจึงบอกให้เรา
อย่ากลัว อย่าท้อใจ อย่าหมดหวัง อย่าคร้ามกลัวเลย
อะไรที่กำลังต่อสู้อยู่ในหัวและ ในความคิดของเราเราตอนนี้

ถ้าเราคิดว่า “โอยฉันทำไม่ได้แน่”
มันยากเกินไป มันล้มเหลวทุกครั้ง ยอมแพ้เสียดีกว่า
เหนื่อยแล้ว ไม่อยากพยายามแล้ว
ถ้าเราคิดแบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่เราจะพ่ายแพ้

จงพูดกับตัวเองว่า พระเจ้าอยู่กับฉัน ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้า อาเมน

พี่น้องเคยรู้สึกอยากยอมแพ้หรือไม่ ? เอลียาห์เคย เพราะความกลัว
พระเจ้าเพิ่งจะทรงใช้ท่านให้บอกแก่ชนชาติอิสราเอล
ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า (1 พกษ.18)

แต่ราชินีเยเซเบลข่มขู่จนท่านตกใจกลัวหนีไปเบเออร์เชบา
ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 160 กิโลเมตรทางทิศใต้ (19:3)

แล้วท่านก็เดินเท้าต่อไปทางใต้อีกราว 240 กิโลเมตร
ถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า
พระเจ้าตรัสถามเอลียาห์ถึงสองครั้งว่าท่านทำอะไรอยู่ที่นี่ (ข้อ 9,13)

ท่านตอบว่า “ข้าพระองค์แต่ผู้เดียวเหลืออยู่
และเขาทั้งหลายแสวงชีวิตของข้าพระองค์” (ข้อ 10,14)

เอลียาห์กลัวมากจนลืมไปว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งใด
ผ่านตัวท่านที่ภูเขาคารเมล ทั้งที่เคยได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
เอลียาห์กลับจมอยู่กับความท้อใจ
หลายครั้ง เราเองก็คงตอบสนองเช่นนี้เช่นกัน

พระเจ้าไม่ยอมรับที่เอลียาห์เอ่ยปากว่าจะล้มเลิก
แต่กลับทรงมอบหมายงานใหญ่สามงาน
ให้ผู้รับใช้ที่เหนื่อยอ่อนผู้นี้ (ข้อ 15-17)

เอลียาห์เข้าใจผิดว่าเขาเป็น ผู้ที่สัตย์ซื่อคนเดียวที่เหลืออยู่
อันที่จริงพระเจ้าทรงมีอีก 7,000 คน
ซึ่งไม่ได้น้อมลงต่อพระบาอัล (ข้อ 18)

บางครั้งเราอาจสิ้นหวังในชีวิตเหมือนเอลียาห์
จงให้พระเจ้าตรัสกับคุณ (ข้อ 12)

พระองค์จะไม่ยอมให้คุณล้มเลิก แต่จะทรงสำแดงให้คุณเห็น
สิ่งที่คุณทำได้โดยพึ่งกำลังของพระองค์

ปัญหาของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป
ปัญหาใหญ่ของอีกคน อาจจะเล็กน้อยสำหรับบางคน
แต่สำหรับพระองค์แล้ว ทุกปัญหา เล็กน้อย

แต่เมื่อพระเจ้าจะช่วยเรา สิ่งที่เราต้องร่วมมือกับพระองค์คือ
“อย่าที่จะยอมแพ้” เพราะการยอมแพ้คือการปฏิเสธการทรงช่วยเหลือของพระเจ้า
และการยอมแพ้ ตรงข้ามกับความเชื่อ

เพราะความเชื่อ คือความมั่นใจในถ้อยคำของพระเจ้า
และมั่นใจในการช่วยกู้ของพระองค์
ดังนั้น “จงอย่ายอมแพ้” อาเมน

ในพระวจนะของพระเจ้า กาลาเทีย 6:9
กท. 6:9 อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร

พระวจนะตอนนี้อยากนำมาหนุนพี่น้องทุกคน
ที่ วันนี้หลายคนอยากจะยอมแพ้ในเรื่องบางเรื่อง
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

หลายคนอาจจะมีคำถามว่า ทำไมฉันก็ทำแต่สิ่งดี
แต่ฉันถึงเจอกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆมากมาย

ทำได้ดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป …. ถ้าแบบนี้ ยอมแพ้เสียดีกว่า
แต่พระวจนะของพระเจ้าบอกว่า “อย่าให้เราเมื่อล้าในการทำดี”
เพราะว่า ถ้าเราไม่ท้อใจ ( คำนี้คือ ถ้าเราไม่ยอมแพ้แล้ว )
เราจะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร …. อาเมน !

พระวจนะของพระเจ้า หนุนใจเราว่า
จงอย่ายอมแพ้ ไม่ว่าสภาพชีวิต
หรือความคิดของเรา จะย่ำแย่มากเพียงไร

มารซาตาน ต้องการแย่งชิงพื้นที่ในชีวิตของเรา
ส่วนไหนที่โดนขโมยไป  จงยึดคืนกลับมา
แม้มันจะได้ทีละนิด ทีละคืบก็จงแย่งชิงกลับคืนมา

แต่มันยากนะ ! อาจจะมีคำถาม ว่าจะทำอย่างไร
พระวจนะบอกว่า อย่าพึ่งพากำลังของตัวเอง
“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ใช้ไม่ได้

สภษ. 3:5 จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง

ใน กาลาเทีย 6:9 ที่ผ่านไปนั้น เปาโลได้หนุนใจพวกเราทุกคนให้สู้
อย่ายอมแพ้และทำดีต่อไป คำว่าทำดี
ยังหมายถึง การเชื่อฟังพระวจนะด้วย

เราต้องไม่มีวิญญาณแห่งการยอมแพ้
เพราะพระเจ้าทรงแสวงหาคนที่พร้อม
และดำเนินกับพระองค์ไปถึงที่สุดปลาย

เราเชื่อเช่นนั้นไหม ?
ถ้าเชื่อจงลุยต่อไป พระเจ้าทรงอยู่กับท่าน อาเมน !

อสย. 43:2 เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า และเมื่อข้ามแม่น้ำ มันจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ถูกไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาเจ้า

พี่น้องครับ พระเจ้าจะอยู่กับเรา อาเมน
ไม่ว่าเรากำลังเผชิญสิ่งใดตอนนี้
พระเจ้าจะนำเราเพื่อจะผ่านพ้นไปได้

บริบทของการไม่ยอมแพ้ คือการ ก้าวต่อไปข้างหน้า
อย่ากลัว

“ จงก้าวต่อไปข้างหน้า ” อาเมน
นี่เป็นภาพฝ่ายวิญญาณ เป็นก้าวหน้าในภาพของฝ่ายวิญญาณ
เมื่อพระองค์สถิตกับเรา เมื่อทรงเสริมกำลังเรา
เราจะยืนหยัดต่อสู้ได้ เราจะไม่กลัว ในยามยากลำบาก

จงใช้ความเชื่อ การยอมแพ้นั้นง่าย
แต่การฝ่าฟันต่อไปโดยไม่ยอมแพ้นั้น เป็นเรื่องการใช้ความเชื่อ !
1ยน. 5:4 เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยเหนือโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่มีชัยเหนือโลก

พี่น้องครับ ในแต่ละวันมักมีอุปสรรค และปัญหาเข้ามา
บางครั้งมาทางความคิด เป็นร้อย เป็นพัน
นอนแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผาก
ในหัวเราถูกแย่งชิงพื้นที่ไปเท่าไร ?

และเมื่อเป็นเช่นนี้ เรามักคิด คิด เครียดและเครียด
และพยายามที่จะแก้ปัญหามากมาย
ดังนั้น เราต้องวางทุกอย่างลง .. ไม่ใช่การยอมแพ้

จิตใจ ความคิดของเราต้องยอมรับการเปลี่ยนใหม่
เพื่อที่จะดำเนินตามพระวิญญาณ ไม่ใช่ตามใจของเนื้อหนัง

เราเคยสังเกตไหม ว่าเราไม่ต้องพยายามที่จะคิดในสิ่งที่ผิด
หรือทำอะไรที่ผิดเลย เพราะนั่นเป็นธรรมชาติบาปที่เราเคยเป็น และเคยชิน

จงอย่ายอมแพ้ .. เพราะพระวจนะบันทึกไว้ชัดเจนว่า
ยก. 4:7 เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป

จงเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง อาจจะมีหลายคนกำลังคิดว่า
ปัญหาของฉันมันยาก .. อันนี้ยิ่งต้องทำลาย
และบอกกับตัวเองว่า พระเจ้าทำได้

และเราทำได้แน่นอน และมันจะสำเร็จ
บอกกับตัวเองว่า ฉันจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด

มันจะมีช่วงเวลาที่เราถูกรุมเร้าด้วยความสงสัย และไม่มั่นใจ
หรือแม้แต่ความกลัว จงยืนหยัดที่จะต่อสู้
เพราะพระเจ้าอยู่ข้างเรา ทรงสถิตกับเรา พระองค์รักเรา
ช่วยกู้เรา และทรงคอยช่วยเหลือเราอยู่

พี่น้องครับ .. ความคิดของเราจะกลายเป็นคำพูดของเรา
ดังนั้นเมื่อเราจะก้าวต่อไปข้างหน้า เราต้องจัดการกับความคิดแง่ลบ ที่ผิดๆ
แม้แต่ถ้อยคำพูดที่ป่าวประกาศออกไป

สภษ. 23:7 เพราะเขาคิดในใจอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น
สภษ. 18:21 ความตายและความเป็นอยู่ที่อำนาจของลิ้น และบรรดาผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน

ความคิดของเราจะกลายเป็นคำพูดของเรา ดังนั้น
เราต้องไม่ยอมแพ้ และเสียพื้นที่ทางความคิดให้กับมาร
หรือความคิดอื่นๆที่ไม่ได้เป็นดั่งพระทัยของพระบิดา

จงยอมรับแต่สิ่งซึ่งเป็นชีวิต เราสังเกตคนได้จากคำพูด
คำพูดที่เป็นดั่งลูกของพระเจ้าจะพรั่งพรูออกมา
จากปากของคนคนนั้น ซึ่งเป็นแต่คำพูดที่เต็มไปด้วยชีวิต

เรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลา เรามักไม่ชอบรออะไรที่เนิ่นนาน
แต่เมื่อเราเลือกที่จะเชื่อฟังและรอคอยพระองค์
เราทั้งหลายก็กำลังเดินมาถูกทางแล้ว

อย่าที่จะหยุดยืนอยู่ที่เดิม ที่ยุ่งเหยิงไปตลอดชีวิต
จงหันมายึดครอง
บุตรน้อยหลงหายไป เมื่อเขาจัดการกับความคิดนั้นได้
เขาไม่ยอมที่จะจมอยู่กับที่เดิม

แต่เขารีบลุกและวิ่งไปยังจุดหมาย และจุดที่เขาควรจะอยู่
นี่เป็นภาพที่ลุกออกจากความพ่ายแพ้ และสิ้นหวัง

ฉธบ. 1:6 “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ตรัสสั่งเราที่โฮเรบว่า ‘เจ้าพักที่ภูเขานี้นานพอแล้ว

ฉธบ. 1:7 จงหันไปและเดินตามทางของเจ้ามุ่งไปยังแดนเทือกเขาของคนอาโมไรต์ และที่ใกล้เคียงกันในที่ราบของแดนเทือกเขา และในเนินเชเฟลาห์ และในเนเกบ และที่ฝั่งทะเล แผ่นดินของคนคานาอันและที่เลบานอนจนถึงแม่น้ำใหญ่คือ แม่น้ำยูเฟรติส

ฉธบ. 1:8 ดูสิ เราได้ตั้งแผ่นดินนั้นไว้ตรงหน้าเจ้าแล้ว จงเข้าไปยึดครองแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณกับบรรพบุรุษของเจ้า คือกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า จะให้แก่พวกเขาและแก่เชื้อสายของเขาที่ตามมาด้วย’

ให้เราพิจารณาดูพระวจนะตอนนี้ด้วยกัน
ในข้อที่สอง โมเสสชี้ให้ประชาชนอิสราเอลที่จะมองดู
แผ่นดินคะนาอัน (แผ่นดินที่พระยาห์เวห์ทรงสัญญา)

ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงระยะทางที่จะเดินเพียง 11 วัน เท่านั้น
แต่คนอิสราเอลใช้เวลา 40 ปี ในการเดินทางเข้าสู่ คะนาอัน

เราลองพิจาณาตัวเองว่า …
เราใช้เวลาที่ภูเขาลูกนี้มานานพอแล้วหรือยัง
เราจมอยู่กับภูเขาที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ปัญหา เนิ่นนานพอหรือยัง

ที่ผ่านมามันอาจจะเนิ่นนาน และเดินทางยาวนาน
ทั้งที่ พระสัญญาของพระเจ้า อยู่เพียงใกล้แค่เอื้อม
หากยังหยุดอยู่ที่เดิม เราก็เป็นเพียงคนที่ปราศจากชัยชนะ

มีชีวิตที่ไปไม่ถึงไหน มีป้อมความคิดมากมาย
ที่ถูกปลูกฝังมานานหลายปี

“ 2คร. 10:4 เพราะว่าอาวุธของเราที่ใช้สู้รบไม่ใช่แบบมนุษย์ แต่เป็นฤทธานุภาพจากพระเจ้าที่จะทำลายป้อมปราการได้ คือทำลายเหตุผลปลอมทั้งหลาย
2คร. 10:5 และความเย่อหยิ่งทุกรูปแบบที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และจะยึดกุมความคิดทุกประการให้มาเชื่อฟังพระคริสต์ ”

คำว่า ป้อม หมายถึง ชีวิตด้านใดด้านหนึ่งถูกพันธนาการ
เปาโล บอกให้เรารู้ถึงอาวุธที่จะจัดการ ป้อม ของซาตานได้

ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ทำให้เราพ่ายแพ้ หรือยอมแพ้นั้น
หรือเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดารนั้น คือ ..
“ รูปแบบความคิดของคนที่ต้องอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ”

นี่เป็นแนวคิดที่ผูกมัดเราไว้ จะเป็นอะไรหลายคนแตกต่างกัน
แต่วันนี้ เราเองต้องถูกกระตุ้นว่า เราจะยอมให้ความคิด
วิถีชีวิตของเรารับการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

จงตั้งใจว่าเราจะไม่ยอมแพ้ หรือหยุดยั้ง
จนกว่าจะประสบชัยชนะ
และเราจะไปถึงจุดหมาย ครองครองสิทธิอันชอบธรรม
ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้กับเรา

… ผมค้างถึงอาวุธที่เปาโล แนะเราในการใช้จัดการ ป้อม ของศัตรู
ยน. 8:31 พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่วางใจในพระองค์ว่า “ถ้าพวกท่านยึดมั่นในคำสอนของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง
ยน. 8:32 และพวกท่านจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท”

นี่คือวิธีการสู่ชัยชนะ ในการหลอกลวง คือ ..
รับเอาความรู้ถึงสัจจะของพระเจ้าเข้าสู่ตัวเรา
และเปลี่ยนความคิดของเราเสียใหม่ ด้วยพระวจนะของพระองค์

เราต้องใช้ศาสตราวุธคือ พระวจนะ เราต้องอ่านและสะสมพระวจนะไว้
ยังมีอาวุธเสริมอีกสองอย่าง คือ …
อธิษฐาน และ นมัสการสรรเสริญพระเจ้า

ในการแข่งขันกรฑา ในกีฬาโอลิมปิก
จอห์น สตีเฟน อัควารี ตัวแทนจากประเทศแทนซาเนีย
ได้ลงแข่งขันในการวิ่งมาราธอน 40 กิโลเมตร
การวิ่งรอบสุดท้ายจะเป็นการเข้าสู่สนาม
หลังสิ้นสุดการแข่งขัน มีการมองเหรียญรางวัล
กับคนที่ชนะ คือเหรียญทอง

ผู้ชมเริ่มเดินออกจากสนาม โดยไม่มีใครรู้เลยว่า
การแข่งขันนั้นยังไม่สิ้นสุดลง เพราะยังเหลือนักกีฬาที่ยังวิ่งไม่จบ

นักกีฬาคนสุดท้ายที่วิ่งเข้าสู่สนามในเวลา 1 ทุ่มตรง
อัควารี วิ่งฝ่าความมืดอย่างกระโผลกกระเผลก
ขาข้างขวามโชกเลือด โดยพันผ้าพันแผล
พร้อมด้วยอาการกระหืดกระหอบ ความเร็วช้ากว่าการเดิน
แต่เขายังคงวิ่ง จนถึงเส้นชัย

เขาได้รับเสียงปรบมือ
ผู้สื่อข่าวถาม อัควารี ว่า
ทำไมคุณถึงไม่เลิกวิ่ง ทั้งที่รู้ว่าไม่มีโอกาสชนะ

เราลองฟังคำตอบของเขาดู
“ประเทศของผมไม่ส่งผมมาแค่ออกสตาร์ตแต่ส่งผมมาเพื่อวิ่งให้สำเร็จ”

มีหลายคนที่ออกจากการแข่งขันไป
เมื่อรู้ว่าโดนทิ้งห่างเป็นกิโลเมตร

แต่ “อัควารี” ไม่หยุดวิ่ง
เป้าหมายของเขาไม่ได้อยู่ที่“ชัยชนะ”

ฟป. 2:16 จงยึดมั่นในพระวจนะแห่งชีวิต เพื่อข้าพเจ้าจะมีความภูมิใจในวันของพระคริสต์ว่าข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งโดยเปล่าประโยชน์ หรือตรากตรำโดยเปล่าประโยชน์

2ทธ. 4:7 ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว

ฮบ. 12:1 เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา

จงบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย นั่นคือชัยชนะ
ที่จะไม่หยุดและจมอยู่กับที่
พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งท่าน จงมีความหวัง
และลุกขึ้น อย่ายอมแพ้

เมื่อรู้สึกอยากพ่ายแพ้ นั่นคือเวลา
ที่จะก้าวออกจากจุดนั้นจุดที่เป็นอยู่

ก่อนจะจบในวันนี้มีชีวิตของอีกบุคคล
บอกตัวเองว่า ..... อย่ายอมแพ้!

ผู้ชายคนหนึ่ง "ตกงาน" เมื่ออายุ 22 ปี
อายุ 23 ปี "พ่ายแพ้" การเลือกตั้งในจังหวัด
อายุ 24 ปี การค้าก็ "ขาดทุน" จนต้องปิดกิจการ
อายุ 27 ปี เกิดอาการทางประสาทอย่างรุนแรงจนต้องเข้า "บำบัด"
อายุ 34 ปี สมัครชิง ส.ส. แต่ก็ "ไม่ได้" รับเลือก
อายุ 39 ปี ลองสมัครอีก แต่ก็ "สอบตก" ตามเคย
อายุ 46 ปี สมัครชิง ส.ว. แต่ก็ "ไม่ได้" รับเลือก
อายุ 47 ปี "พ่ายแพ้" คู่แข่งในพรรคตอนชิงรองประธานาธิบดี
อายุ 50 ปี "แพ้" เลือกตั้ง ส.ว. อีก
คนอะไรชีวิตรันทด มีแต่พ่ายแพ้แบบนี้
แต่ทว่าเรื่องนี้มีตอนต่อไปว่า

อายุ 51 ปี เขา "ได้รับเลือก" ให้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา

นี่คือชีวิตของประธานาธิบดีลินคอล์น หนึ่งในประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ และเป็นที่รักยิ่งของชาวอเมริกันจนถึงทุกวันนี้

“ผมก้าวเดินไปอย่างช้าๆแต่ไม่เคยถอยหลัง”

ไม่ว่าเราจะเคยล้มเหลวในงานหรือสถานการณ์ชีวิต
ขอเพียงเราสู้ อดทน เราก็จะผ่านไปได้
และสิ่งดีทีเกินคาดฝันก็จะรอเราอยู่..อย่ายอมแพ้!
ข้อมูล : หนังสืออัจฉริยะสร้างสุข

การทรงเจิม แบบ “บากบั่นพยายามอย่างไม่ยอมแพ้”
อฟ. 6:13 เพราะเหตุนี้จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้
อฟ. 6:14 เพราะฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก
อฟ. 6:15 และเอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า
อฟ. 6:16 และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นี้พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย
อฟ. 6:17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า
อฟ. 6:18 จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกๆ อย่าง เพราะเหตุนี้จงเฝ้าระวังด้วยความเพียรและด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ

ชาโลม

ktm.shachah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น