พระคัมภีร์พูดว่าอย่างไรเกี่ยวกับโทราห์?
(รม. 5:20) บทบัญญัติถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อที่การล่วงละเมิดจะมีมากขึ้น แต่ที่ใดมีบาปมากขึ้น พระคุณก็มีมากขึ้นยิ่งกว่านั้น
1.โตราห์เป็นวิธี ที่พระยาห์เวห์ สั่งให้เราเดิน (เฉลยธรรมบัญญัติ. 13:5), ผู้เผยพระวจนะและผู้ฝันเห็นเหตุการณ์นั้นจะ ต้องถูกประหาร เพราะเขาสั่งสอนให้กบฏต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ได้ทรงนำท่านออกจาก อียิปต์และทรงไถ่ท่านจากแดนทาส ผู้นั้นพยายามชักจูงท่านให้หันเหจากทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสั่ง ให้ท่านเดินตาม ท่านต้องขจัดความชั่วออกไปจากหมู่พวกท่าน
เป็นความจริง (สดุดี 119:142) ความชอบธรรมของพระองค์ดำรงนิรันดร์
และบทบัญญัติของพระองค์เป็นความจริง
และเป็นน้ำพุแห่งชีวิตแก่ผู้ที่พบ (สุภาษิต 13:14 ) คำสอนของปราชญ์เป็นน้ำพุแห่งชีวิต
ช่วยให้คนพ้นจากบ่วงความตาย (อ่านต่อ)
(เลวีนิติ 18.: 5) จงทำตามกฎหมายและบทบัญญัติของเรา เพราะผู้ใดที่เชื่อฟังจะมีชีวิตอยู่โดยสิ่งเหล่านี้ เราคือพระยาห์เวห์
เช่นเดียวกับ Yeshua เป็นทางนั้น, ทรงเป็นความจริงและชีวิต (ยอห์น 14:6) พระเยซูตรัสตอบว่า " เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา (พระองค์คือโทราห์)
สำหรับทุกคนที่วางใจในพระองค์และปฏิบัติตาม แท้จริงโทราห์คือพระวิญญาณของชีวิตในพระเมสสิยาห์ (โรม. 8:2) เพราะว่าโดยทางพระเยซูคริสต์ กฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตได้ปลดปล่อยท่าน ให้เป็นอิสระจากกฎแห่งบาปและความตาย
2.Yeshua ไม่ได้เข้ามาและให้ยกเลิกโทราห์ แต่ทรงมาเพื่อตอบสนองตามโทราห์ (มัทธิว 5:17) " อย่าคิดว่าเรามาเพื่อล้มล้างหนังสือบทบัญญัติหรือหนังสือผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มล้างแต่มาเพื่อทำให้สำเร็จครบถ้วน
ซึ่งจะทำให้มันเต็มรูปแบบของความหมายทั้งสองโดยคำโดยสอนของพระองค์และด้วยชีวิตของของพระองค์ที่ทรงเสียสละ, และการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ได้ตรัสว่า ดังนั้นเราจึงไม่มาล้มเลิก (ยุติ) โทราห์ทางความเชื่อของพระองค์ ในทางตรงกันข้ามพระองค์จะรักษาโทราห์ไว้
(โรม. 3:31) ถ้าเช่นนั้นเราทำให้บทบัญญัติเป็นโมฆะโดยความเชื่อนี้หรือ ? เปล่าเลย! เรากลับสนับสนุนบทบัญญัติเสียอีก
สำหรับพระเจ้าพระองค์ทรงเป็นเป้าประสงค์ของธรรมบัญญัติ หรือโทราห์
( โรม 10: 4 ) พระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของบทบัญญัติเพื่อจะมีความชอบธรรมสำหรับทุกคนที่เชื่อ
ภาษาไทยยังใช้คำที่ทำให้หลายคนตีความผิดไป พระองค์ไม่ใช่จุจดจบที่หมายถึง โทราห์หรือธรรมบัญญัติทำให้ถูกยกเลิกไป แต่เป็นเป้าหมาย และเป้าประสงค์
และ ผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรไม่ใช่แต่เพียงผู้ฟังแต่คือผู้กระทำตามโตราห์
(โรม. 2:13) เพราะผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรพระเจ้าไม่ใช่ผู้ ที่ได้ยินได้ฟังบทบัญญัติ แต่ผู้ที่ทำตามบทบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าจะทรงประกาศว่าเป็นผู้ชอบธรรม
3.จนกระทั่งสวรรค์และโลกผ่านไปไม่ว่า หนึ่งตัวอักษร Yod (ตัวอักษรที่เล็กที่สุด) หรือจุดหนึ่ง ขีดหนึ่ง จะผ่านออกไปจากโทราห์ไม่ได้จนกว่าทุกอย่างจะเป็นจริงจนทุกอย่างเป็นจริง
(มัทธิว 5:18) เราบอกความจริงแก่ท่านว่าตราบจนฟ้า และดินสูญสิ้นไป แม้อักษรที่เล็กที่สุดสักตัวหนึ่งหรือขีดๆ หนึ่งก็จะไม่มีทางสูญหายจากหนังสือบทบัญญัติจนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จ ครบถ้วน
ดังนั้นใครที่สะดุดคำสั่งใดคำสั่งหนึ่งของโทราห์ก็เป็นความผิดของการนำไปสุ่ทำลายคำสั่งทั้งหมดทั้งหมด
(ยากอบ 2:10) เพราะผู้ใดทำตามบทบัญญัติทั้งหมดแต่พลาดไปจุดเดียวก็มีความผิดเท่ากับละเมิดบทบัญญัติทั้งหมด
และบรรดาผู้ที่ทำลายบัญญัติอย่างน้อยอย่างใดอย่างหนึ่งของโทราห์และสอนคนอื่นให้ทำเช่นเดียวกันก็จะเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่ผู้ที่ทำและสอนมันจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์
(มัทธิว 5:19, 23:23) ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติเหล่านี้แม้ข้อเล็ก น้อยที่สุดและสอนคนอื่นให้ทำเช่นเดียวกัน ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสั่งสอนตามคำบัญชาเหล่านี้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ในอาณาจักรสวรรค์
วิบัติแก่เจ้า เหล่าธรรมาจารย์และพวกฟาริสี เจ้าคนหน้าซื่อใจคด! เจ้าถวายสิบลดของเครื่องเทศของเจ้า คือสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า แต่ละเลยเรื่องที่สำคัญกว่านั้นในบทบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตา และความสัตย์ซื่อ เจ้าควรปฏิบัติอย่างหลังโดยไม่ละเลยอย่างแรก
4.โทราห์ไม่ได้เป็นบาป นั่นคือการรักษาโทราห์ไม่ได้เป็นความบาป
(โรม. 7:7) เช่นนี้แล้วเราจะว่าอย่างไร ? บทบัญญัติคือบาปหรือ ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน! อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะบทบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าอะไรคือบาป เพราะถ้าบทบัญญัติไม่ได้กล่าวว่า " อย่าโลภ " t ข้าพเจ้าคงไม่รู้ว่าอะไรคือความโลภ
แต่โทราห์ค่อนข้างเป็นที่สมบูรณ์แบบ
(สดุดี 19:7) บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณกฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
โทราห์ มีค่ามากกว่าทองคำและเงิน
(สดุดี 119:72) บทบัญญัติจากพระโอษฐ์ของพระองค์ล้ำค่าสำหรับข้าพระองค์
ยิ่งกว่าเงินและทองนับพันนับหมื่น
ทางวิญญาณ- นั่นคือของพระวิญญาณ
(โรม. 7:14) เรารู้อยู่ว่าบทบัญญัติเป็นเรื่องจิตวิญญาณ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ
ข้าพเจ้าถูกขายให้เป็นทาสบาป
ศักดิ์สิทธิ์และดีงาม
(โรม. 7:12) ดังนั้นแล้วบทบัญญัติจึงบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์และพระบัญญัติก็บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ชอบธรรม และดีงาม
และโทราห์แห่งเสรีภาพ
(ยากอบ 1:25 2:12) ส่วนผู้ที่พินิจดูบทบัญญัติอันสมบูรณ์ซึ่งให้ เสรีภาพและทำสิ่งนี้ต่อไปโดยไม่ลืมสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ปฏิบัติตาม เขาก็จะได้รับพรในสิ่งที่ตนทำ
จงพูดและทำอย่างคนที่จะรับการตัดสินด้วยกฎซึ่งให้เสรีภาพ
โทราห์มีจุดมุ่งหมาย
(1 ทิโมธี 1:8) เรารู้อยู่ว่าบทบัญญัตินั้นดีหากใช้ในทางที่ถูก
5.โทราห์จะไม่ยากเกินไปที่จะทำความเข้าใจ หรือยากเกินไปที่จะทำ แต่อยู่ใกล้กับและเขียนในใจเราว่าเราอาจให้มัน
(เฉลยธรรมบัญญัติ 30:11) สิ่งที่ข้าพเจ้ากำชับท่านในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรงหรือเกินเอื้อมสำหรับท่าน
(สดุดี 40:8) ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์
บทบัญญัติของพระองค์อยู่ในดวงใจของข้าพระองค์ "
(อสย. 51:7) จงฟังเราเถิด เจ้าทั้งหลายผู้รู้ว่าอะไรคือความถูกต้อง
ชนชาติผู้ถนอมบทบัญญัติของเราไว้ในใจ
อย่ากลัวการตำหนิติเตียนของมนุษย์
อย่าหวาดหวั่นไปกับคำสบประมาทของพวกเขา
นี้คือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้พันธสัญญาใหม่
(เยเรมีย์ 31:33) องค์พระผู้เป็นเจ้า ประกาศว่า " นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล
หลังจากสมัยนั้น คือเราจะใส่บทบัญญัติของเราในจิตใจของพวกเขาจารึกบนหัวใจของพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขาและพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
(ฮีบรู 8:10) นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลหลังจากสมัยนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้เราจะใส่บทบัญญัติของเราในจิตใจของพวกเขา
จารึกบนหัวใจของพวกเขาเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
โทราห์คือสรุปได้ง่ายขึ้นในความรักพระเจ้า, รักเพื่อนบ้านของเราและเป็นกฎทอง
(มัทธิว 7:12, 22:38-40) ฉะนั้นในทุกสิ่งจงทำต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านอยากให้เขาทำต่อท่าน เพราะนี่สรุปสาระของหนังสือบทบัญญัติและหนังสือผู้เผยพระวจนะ
นี่เป็นพระบัญญัติข้อสำคัญที่สุดและข้อแรก39 ข้อที่สองก็เช่นกันคือ ' จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ' 40 หนังสือบทบัญญัติและหนังสือผู้เผยพระวจนะล้วนขึ้นกับบทบัญญัติสองข้อนี้ "
(ลูกา 10:27) เขาทูลว่า " ' จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอย่างสุดใจ สุดจิต สุดกำลัง และสุดความคิดของท่าน ' และ ' จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง '
(โรม 13:8 ) อย่าติดค้างเป็นหนี้ใคร เว้นแต่หนี้ซึ่งไม่อาจจ่ายคืนได้หมด คือความรักที่มีต่อกันและกัน เพราะผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติอย่างครบถ้วนแล้ว
(กาลาเทีย 5:14) แต่ถ้าพระวิญญาณทรงนำท่าน ท่านก็ไม่ได้อยู่ใต้บทบัญญัติ
(ภาษาเดิมแปลได้ ประมาณว่า แต่ถ้าพระวิญญาณทรงนำท่าน ท่านก็ไม่ได้อยู่ใต้ระบบที่ค้านกับ บทบัญญัติ ..หรือไม่ค้านกับโทราห์)
(ยากอบ 2:8) หากท่านปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าในพระคัมภีร์อย่างแท้จริงที่ว่า " จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง " ท่านก็ทำถูกแล้ว
6.ความชอบธรรมของโทราห์เป็นเครื่องหมายของความยิ่งใหญ่ของประชากรของพระเจ้า
(เฉลยธรรมบัญญัติ 4:8) และมีชาติใดเล่าที่ยิ่งใหญ่ขนาดมีกฎหมายและบทบัญญัติอันชอบธรรมเหมือนบทบัญญัติซึ่งข้าพเจ้ามอบให้พวกท่านในวันนี้ ?
มันจะใช้เวลาความแข็งแรงและความกล้าหาญที่จะทำให้ไปให้ถึงโทราห์
(โยชูวา 1:7, 23:6) จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด จงใส่ใจปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งปวงที่โมเสสผู้รับใช้ของเราให้ไว้กับเจ้า อย่าเลี่ยงไปทางซ้ายหรือทางขวา เพื่อเจ้าจะประสบความสำเร็จไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด
จงเข้มแข็งและใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส โดยไม่หันเหไปทางซ้ายหรือทางขวา
ในความเป็นจริงโทราห์สามารถถูกเก็บไว้อย่างแท้จริงโดยบรรดาผู้ที่เดินในพระวิญญาณไม่ใช่ผู้ที่เดินตามหลังธรรมชาติเนื้อ / บาป
(โรม. 8:4-9) เพื่อข้อกำหนดอันชอบธรรมของบทบัญญัติจะได้สำเร็จครบถ้วนในตัวเราทั้งหลายผู้ไม่ดำเนินชีวิตตามวิสัยบาป แต่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ
5 ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามวิสัยบาปก็ปักใจในสิ่งที่วิสัยบาปต้องการ แต่ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณก็ปักใจในสิ่งที่พระวิญญาณทรงประสงค์6 จิตใจของคนบาป t นำไปสู่ความตาย แต่จิตใจที่พระวิญญาณทรงควบคุมนำไปสู่ชีวิตและสันติสุข7 จิตใจที่เต็มไปด้วยบาป t ก็เป็นศัตรูกับพระเจ้า ไม่ยอมอยู่ใต้บทบัญญัติของพระเจ้า ทั้งไม่สามารถอยู่ได้ด้วย
8 บรรดาผู้ที่วิสัยบาปควบคุมอยู่ไม่อาจเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าได้
9 อย่าง ไรก็ตามถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตในท่าน ท่านก็ไม่ได้ถูกควบคุมโดยวิสัยบาปแต่โดยพระวิญญาณ และถ้าผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่ได้เป็นของพระคริสต์
พระยาห์เวห์ ให้ที่ดินให้กับชาวอิสราเอลเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะที่พวกเขาอาจเก็บโทราห์ และประพฤติตาม
(สดุดี 105:45) 44 พระองค์ประทานดินแดนของชนชาติต่างๆ แก่เขา
พวกเขาได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในสิ่งที่คนอื่นลงแรงไว้
45 ทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะได้รักษาข้อบังคับ
และทำตามบทบัญญัติของพระองค์
จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เถิด
ของพระองค์ เพราะหลายคำสั่งโทราห์ไม่สามารถเก็บไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบนอกที่ดิน (เช่น พลับพลา)
7.โทราห์อาจจะเป็นเพียง "ความอ่อนแอ" และเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บได้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะเรามีความอ่อนแอในเนื้อหนังของเรา
(โรม. 8:3) เพราะสิ่งที่บทบัญญัติทำไม่ได้เนื่องจากวิสัยบาป ทำให้อ่อนแอนั้นพระเจ้าทรงกระทำแล้ว โดยส่งพระบุตรของพระองค์เองมาในสภาพเช่นเดียวกับมนุษย์ที่เป็นคนบาปเพื่อ เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป t และโดยการกระทำเช่นนี้พระองค์ได้ตัดสินลงโทษบาปในมนุษย์ที่เป็นคนบาป
และเพราะทุกคนได้ตกจากความชอบธรรมของพระเจ้า
(โรม. 3:23) เพราะว่าทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระเกียรติสิริของพระเจ้า
(กาลาเทีย 2:16) ยังรู้ว่าไม่มีใครถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมได้โดย การถือรักษาบทบัญญัติ แต่เป็นได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ฉะนั้นเราเองจึงเชื่อในพระเยซูคริสต์เพื่อจะได้ถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมโดยความ เชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการทำตามบทบัญญัติ เพราะว่าไม่มีใครถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมได้โดยการทำตามบทบัญญัติเลย
คือเหตุผลที่เราต้องการพระคุณ จากพระเมสสิยาห์
8.คำสาปโทราห์ผู้ที่ไม่ได้ยึดมั่นทั้งหมดของโทราห์
(เฉลธรรมบัญญัติ 27:26) ขอแช่งคนที่ไม่ยึดมั่นปฏิบัติตามบทบัญญัตินี้ "
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า " อาเมน! "
(อิสยาห์ 5:24, 24:5) ดังนั้นรากของพวกเขาจะเน่าเปื่อย
และดอกของเขาจะปลิวไปเหมือนธุลี
เหมือนเปลวไฟเผาฟาง
เหมือนหญ้าแห้งลุกมอดไปในไฟ
เพราะเขาละทิ้งบทบัญญัติของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
และลบหลู่พระวจนะขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
โลกนี้สกปรกโสมมเพราะผู้คนที่อยู่ในโลก
พวกเขาไม่เชื่อฟังบทบัญญัติ
ละเมิดกฎเกณฑ์
และฝ่าฝืนพันธสัญญานิรันดร์
(เยเรมีย์ 6:19) แผ่นดินโลกเอ๋ย จงฟังเถิด
เรากำลังนำภัยพิบัติมาเหนือชนชาตินี้
เป็นผลจากแผนชั่วของพวกเขาเอง
เพราะพวกเขาไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา
และได้ละทิ้งบทบัญญัติของเรา
(โรม 4:15) เพราะบทบัญญัติย่อมนำพระพิโรธมาถึง และที่ใดไม่มีบทบัญญัติ ที่นั่นก็ไม่มีการล่วงละเมิด
(กาลาเทีย 3:10) คนทั้งปวงที่พึ่งการทำตามบทบัญญัติ ก็ถูกสาปแช่ง เพราะมีเขียนไว้ว่า " ขอแช่งทุกคนที่ไม่ปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติ
ในความเป็นจริงการอธิษฐานเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธที่จะได้ยินโทราห์ (สุภาษิต 28:9) คนที่ปิดหูไม่ยอมฟังคำสั่งสอน
แม้แต่คำอธิษฐานของเขาก็น่าชิงชัง
มันเป็นคำสาปเหล่านี้ที่พระเจ้า พระเยซูได้เอาตัวเองและไถ่ถอนเราจากคำสาปแช่งนั้นด้วยตัวของพระองค์เอง
(กาลาเทีย 3:13) พระคริสต์ได้ทรงไถ่เราพ้นจากคำสาปแช่งของบท บัญญัติ โดยทรงรับคำสาปแช่งแทนเรา เนื่องจากมีเขียนไว้ว่า " ผู้ใดถูกแขวนบนต้นไม้ก็ถูกแช่งสาปแล้ว
9.โทราห์นำการกลับใจมาสู่จิตวิญญาณ
(Psa. 19:7) บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
กฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
มันบอกเราจากความบาปของเรา ว่าสิ่งใดเป็นความบาป
(โรม. 3:20, 5:13; 7:7) ฉะนั้นไม่มีใครได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าโดยการรักษาบทบัญญัติ บทบัญญัติเพียงแต่ทำให้เรารู้ตัวว่ามีบาป
เพราะก่อนมีบทบัญญัติบาปก็อยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีบทบัญญัติก็ไม่ถือว่าบาป
เช่นนี้แล้วเราจะว่าอย่างไร ? บทบัญญัติคือบาปหรือ ? ไม่ใช่อย่างแน่นอน! อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะบทบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าอะไรคือบาป เพราะถ้าบทบัญญัติไม่ได้กล่าวว่า " อย่าโลภ " ข้าพเจ้าคงไม่รู้ว่าอะไรคือความโลภ
คำจำกัดความอย่างหนึ่งของ ความบาปคือ ไม่มีโทราห์
(1 ยอห์น 3:4) ทุกคนที่ทำบาปย่อมละเมิดบทบัญญัติ อันที่จริงบาปก็คือการละเมิดบทบัญญัติ
ดังนั้นโทราห์ช่วยคนชอบธรรมจากการสะดุด
(สดุดี 37:31) บทบัญญัติของพระเจ้าอยู่ในใจของเขา
ย่างเท้าของเขาจะไม่พลาดพลั้ง
ย่างเท้าของเขาจะไม่พลาดพลั้ง
มันเป็นแสงแก่เส้นทางของเรา
(สุภาษิต 6:23) เพราะคำสั่งนี้เป็นดวงประทีป
คำสอนนี้เป็นความสว่าง
การอบรมบ่มนิสัย
เป็นทางแห่งชีวิต
คำสอนนี้เป็นความสว่าง
การอบรมบ่มนิสัย
เป็นทางแห่งชีวิต
และบรรดาผู้ที่ละทิ้งโทราห์ก็ยังสรรเสริญคนชั่วร้าย
(สุภาษิต 28:4) ผู้ละทิ้งบทบัญญัติก็เชิดชูคนชั่ว
แต่ผู้ที่รักษาบทบัญญัติก็ต่อต้านคนชั่ว
แต่ผู้ที่รักษาบทบัญญัติก็ต่อต้านคนชั่ว
10.โทราห์ยังทรงประทานพระพรให้แก่ผู้ที่รักษาพระบัญญัติ
(เฉลยธรรมบัญญัติ 28:1) หากท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของ ท่านอย่างครบถ้วน และหมั่นปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเชิดชูท่านเหนือประชาชาติทั้งปวงในโลก
(30:9) แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงให้ท่าน เจริญรุ่งเรืองในการงานทุกอย่างที่ท่านทำและให้บุตรหลานทวีขึ้น ให้ฝูงสัตว์มีลูกอ่อนมากมายและพืชผลของแผ่นดินงอกงาม พระยาห์เวห์จะทรงปีติยินดีในตัวท่านและทำให้ท่านเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง หนึ่งเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงปีติยินดีในบรรพบุรุษของท่าน
ทั้งหมดที่เราทำ ที่เรามี เราจะได้รับพระพร ของการงานที่เราทำ
11.ท่านจะมีความสุขมีความชอบธรรมและสติปัญญา เมื่อใคร่ควรญอยู่ในโทราห์ตลอดวันคืน
(โยชูวา 1:8) อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของ เจ้า จงใคร่ครวญทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้อย่างเคร่งครัด แล้วเจ้าจะประสบความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง
(สดุดี 1:2 ,119:97) แต่พวกเขาปีติยินดีในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
ข้าพระองค์รักบทบัญญัติของพระองค์ยิ่งนัก!
ข้าพระองค์ใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นตลอดวัน
มีความสุขใจในโทราห์
(สดุดี 1:2, 40:8, 119: 70, 77, 174) แต่พวกเขาปีติยินดีในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์
บทบัญญัติของพระองค์อยู่ในดวงใจของข้าพระองค์
จิตใจของพวกเขาดื้อด้านและไม่รู้จักสำนึก
ส่วนข้าพระองค์ปีติยินดีในบทบัญญัติของพระองค์
ขอทรงเอ็นดูสงสาร เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่
เพราะข้าพระองค์ปีติยินดีในบทบัญญัติของพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ใฝ่หาความรอดของพระองค์
และบทบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
(โรม 7:22) เพราะในส่วนลึกข้าพเจ้าชื่นชมในบทบัญญัติของพระเจ้า
และให้โทราห์ด้วยหัวใจทั้งหมดของเรา
(สดุดี 119:34) โปรดประทานความเข้าใจ แล้วข้าพระองค์จะรักษาบทบัญญัติของพระองค์
และปฏิบัติตามด้วยสุดใจ
ผู้ที่พอใจในโทราห์จะไม่ตายในความทุกข์ของพวกเขา
(สดุดี 119:92) หากบทบัญญัติของพระองค์ไม่ได้เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
ข้าพระองค์คงมอดม้วยในความทุกข์ยากไปแล้ว
สำหรับโทราห์นั้นนำความสงบสุขและความสุขให้คนที่รักในโทราห์
(สดุดี 119:165) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงดีต่อผู้รับใช้ของพระองค์
ตามพระวจนะของพระองค์
(สุภาษิต 29:18) ในที่ซึ่งไม่มีการเผยพระวจนะ สังคมก็โกลาหลวุ่นวาย
แต่ความสุขมีแก่ผู้ที่รักษาบทบัญญัติ
12.โทราห์ทำให้เราไตร่ตรองด้วยความมีสติปัญญา
(สดุดี 19:7) บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
กฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
และเราจะพบว่ามีสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผู้ที่มีดวงตา ที่พระยาห์เวห์ทรงเปิดเผย
(สดุดี 119:18) ขอทรงเปิดตาของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็น
สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายในบทบัญญัติของพระองค์
ความสุขคือคนที่พระยาห์เวห์สอนจากโทราห์
(สดุดี 94:12) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความสุขมีแก่ผู้ที่พระองค์ทรงตีสั่งสอน
แก่ผู้ที่พระองค์ทรงสอนจากบทบัญญัติของพระองค์
ผู้ที่เดินในทางของโทราห์จะพบกับความสุข
(สดุดี 119:1) ความสุขมีแก่ผู้ที่วิถีทางของเขาไร้ที่ติ
ผู้ซึ่งประพฤติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
13.การเห็นพ้องในโทราห์เป็นหนึ่งในการทดสอบที่แท้จริงของผู้เผยพระวจนะ
(เฉลยธรรมบัญญัติ 12:32-13:5)
จงพิเคราะห์ดูว่าท่านได้ปฏิบัติตามทุกสิ่งซึ่งข้าพเจ้ากำชับ อย่าเพิ่มเติมหรือตัดทอนเลย
อย่านมัสการพระอื่น
หากมีผู้เผยพระวจนะหรือผู้ที่ทำนายอนาคตโดยอ้างความฝันอยู่ในหมู่พวกท่าน และประกาศกับพวกท่านว่าจะเกิดหมายสำคัญหรือปาฏิหาริย์2 และ หากหมายสำคัญหรือปาฏิหาริย์ที่เขาบอกไว้เป็นจริงขึ้นมา และเขากล่าวว่า " ให้เราไปติดตามพระอื่นๆ เถิด " ( บรรดาพระที่ท่านไม่รู้จัก) " ให้เราไปกราบไหว้พระเหล่านั้นเถิด "3 อย่า ไปฟังคำของผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์คนนั้นเลย พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทดสอบดูว่าท่านรักพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจหรือ ไม่4 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือผู้ที่ท่านต้องติดตามและยำเกรง จงปฏิบัติตามพระบัญชาและเชื่อฟังพระองค์ จงปรนนิบัติและยึดมั่นในพระองค์
5 ผู้ เผยพระวจนะและผู้ฝันเห็นเหตุการณ์นั้นจะต้องถูกประหาร เพราะเขาสั่งสอนให้กบฏต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ได้ทรงนำท่านออกจาก อียิปต์และทรงไถ่ท่านจากแดนทาส ผู้นั้นพยายามชักจูงท่านให้หันเหจากทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสั่ง ให้ท่านเดินตาม ท่านต้องขจัดความชั่วออกไปจากหมู่พวกท่าน
(อิสยาห์. 8:20) จงไปค้นดูบทบัญญัติและคำพยาน! หากพวกเขาไม่ได้พูดตามนี้ พวกเขาก็ไม่ได้มีแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณอยู่เลย
14.เปาโลยังคงไว้ซึ่งโทราห์
(กิจการ 21:24 ,25:8) ท่านจงพาคนเหล่านี้ไปทำพิธีชำระตัวร่วมกับ เขาและจ่ายค่าธรรมเนียมให้พวกเขาเพื่อเขาจะได้โกนผม แล้วทุกคนจะได้รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินมาเกี่ยวกับท่านนั้นไม่เป็นความจริง ที่แท้ท่านเองดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติต่างหาก
แล้วเปาโลจึงแก้ข้อกล่าวหาว่า " ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อบทบัญญัติของยิวหรือต่อพระวิหารหรือต่อซีซาร์ "
เปาโลรับใช้ด้วยใจของเขาแม้ว่าเขามักจะสะดุดในเนื้อหนังของเขา
(โรม. 7:25) ขอบพระคุณพระเจ้า ข้าพเจ้าพ้นได้โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา!
ดังนั้นแล้วในด้านจิตใจข้าพเจ้าเองเป็นทาสของกฎแห่งพระเจ้า แต่ในด้านวิสัยบาปข้าพเจ้าเป็นทาสของกฎแห่งบาป
ชีวิตโดยทางพระวิญญาณ
และความเชื่อเหล่านั้นเริ่มต้นยิวที่ใกล้ชิดกับเมสสิยาห์และคำสอนของพระองค์ ทั้งในพื้นที่และเวลาที่ อยู่ที่ความกระตือรือร้นสำหรับโทราห์
(กิจการ 21:20 ,22:12) เมื่อพวกเขาได้ฟังแล้วก็สรรเสริญพระเจ้า และกล่าวกับเปาโลว่า " พี่เอ๋ย ท่านก็เห็นชาวยิวหลายพันคนได้เชื่อและพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เคร่งครัดร้อนรน ในบทบัญญัติ
ในความเป็นจริงการขลิบหรือการเข้าสุหนัต (ชาวยิว) เขาจะได้กำไรเพียงอย่างเดียว ถ้าเขารักษาโทราห์
(โรม. 2:25, 5:3) การเข้าสุหนัตมีคุณค่าถ้าท่านรักษาบทบัญญัติ แต่ถ้าท่านละเมิดบทบัญญัติ ท่านก็จะเหมือนไม่ได้เข้าสุหนัตเลย26 ถ้าผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตทำตามข้อกำหนดของบทบัญญัติจะไม่ถือเสมือนว่าพวกเขาได้เข้าสุหนัตแล้วหรือ ?
ไม่เพียงเท่านั้นแต่เรา ยังชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้นก่อให้เกิดความบากบั่น
15.และยังโทราห์ไม่ได้มีไว้สำหรับให้ชาวยิวเชื่อเพียงอย่างเดียว สำหรับชนชาติใดชนชาติหนึ่งที่ไม่ได้เข้าสุหนัต (คนต่างชาติ) โทราห์ก็จะช่วยนับว่าเขาก็ได้เข้าสุหนัต
(ยิว; โรม 2:26.) เรารู้อยู่ว่าพระเจ้าทรงตัดสินลงโทษผู้ที่ทำเช่นนี้ตามความเป็นจริง
และไม่ว่าจะเป็น คนยิว หรือ คนต่างชาติ ถือว่าไม่มีอะไรเปรียบเทียบกับการที่เราได้รักษาพระบัญญัติที่เป็นคำบัญชาของพระยาห์เวห์
(1 โครินธ์ 7:19) ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่เข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต แต่อยู่ที่การรักษาพระบัญชาของพระเจ้า
16.ในเวลาสิ้นสุดคนจำนวนมากจะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อที่จะเรียนรู้โทราห์และโทราห์จะออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มคือพระวจนะของพระยาห์เวห์
(อิสยาห์ 2:3) ชนชาติต่างๆ จะมาและกล่าวว่า
" มาเถิด ให้เราขึ้นไปบนภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ
พระองค์จะทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่เรา
เพื่อเราจะดำเนินในวิถีทางของพระองค์ "
บทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะออกมาจากเยรูซาเล็ม
(มีคาห์ 4:2) ประชาชาติมากมายจะมาและกล่าวว่า
" มาเถิด ให้เราขึ้นไปบนภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ
พระองค์จะทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่เรา
เพื่อเราจะดำเนินในวิถีทางของพระองค์ "
บทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะออกมาจากเยรูซาเล็ม
พระยาห์เวห์จะทรงแผ่ขยายโทราห์และทำให้โทราห์ของพระองค์มีเกียรติ
(อิสยาห์ 42:21) องค์พระผู้เป็นเจ้า พอพระทัย
ที่จะทำให้บทบัญญัติของพระองค์ยิ่งใหญ่และมีเกียรติ
เพื่อเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์
ในการเชื่อมต่อกับการมาของเอลียาห์ พระยาห์เวห์สั่งให้เราจดจำโทราห์ของโมเสส
(มาลาคี 4:4) จงระลึกถึงบทบัญญัติของโมเสสผู้รับใช้ของเรา คือกฎหมายและบทบัญญัติต่างๆ ซึ่งเรามอบให้โมเสสบนภูเขาโฮเรบสำหรับชนชาติอิสราเอลทั้งปวง
การตีความอย่างถูกต้องและความเข้าใจในโทราห์ไม่ได้เป็น "ภาระหนักเกินไปที่จะทนแบก"
โทราห์เป็นตัวอักษรแห่งภูมิปัญญาและการเรียนการสอนสำหรับผู้ที่เชื่อที่บอกให้เราทราบว่าจะเป็นเหมือนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา:
เราจะไม่พยายามที่จะให้โทราห์เพื่อที่จะได้บันทึกไว้เฉยๆ
เรามุ่งมั่นที่จะรักและทำให้โทราห์เป็นชีวิตของเรา เพราะฉันบันทึกไว้แล้ว
และเราต้องการที่จะเป็นเหมือนผู้ช่วยให้รอดของเรา
แรงจูงใจของการเชื่อฟังโทราห์
เราพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าพระคุณและ เสรีภาพในบริบทนี้ แตาหลายครั้งเราก็พยายามหา จุดอ่อนของโทราห์ ไม่ว่าจะเรื่องคำสอน การปฏิบัติ การกินหรือการดื่มว่า ไม่เป็นไร ไม่ตกนรก ยังไงก็รอด แล้วจะมีโทราห์ทำไม ?
แรงจูงใจของการเชื่อฟังโทราห์
ใน สดุดี 19:7-11
7 บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
กฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
8 ข้อบังคับขององค์พระผู้เป็นเจ้า นั้นถูกต้อง
ให้ความชื่นชมยินดีแก่จิตใจ
พระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า กระจ่างชัด
ให้ความสว่างแก่ดวงตา
9 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า นั้นบริสุทธิ์
ยั่งยืนเป็นนิตย์
ข้อปฏิบัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า นั้นแน่นอน
และล้วนแต่ชอบธรรมทั้งสิ้น
10 ล้ำค่ากว่าทองคำ
ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์
หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
ยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดจากรวง
11 สิ่งเหล่านี้ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์
และเป็นบำเหน็จยิ่งใหญ่แก่ทุกคนที่ยึดถือปฏิบัติตาม
12 ใครเล่าสามารถสังเกตเห็นความผิดพลาดของตน ?
ขอทรงอภัยความผิดที่ซ่อนเร้นของข้าพระองค์
พระเยซูพระองค์คือโทราห์ที่มีชีวิต เมื่อมนุษย์ล้มเหลวในธรรมบัญญัติ และไม่สามารถ
ทำตามพระบัญชาในม้วนหนังสือได้ สมัยโมเสสนั้น อิสราเอลล้มแล้วล้มอีก แต่พระเจ้า
ก็ยังทรงเมตตา มาวันนี้พระเยซูซึ่งใน ยอห์น 1:1 พระวาทะในภาษาเดิม คือโทราห์
ทรงเป็นโทราห์ที่มีชีวิต พระองค์ ไม่ได้เป็นจุดจบ แต่เป็นเป้าประสงค์ให้โทราห์สำเร็จ
บัดนี้ ข้อความนั้นใน เยเรมีย์ 31:31 และ ฮีบรู 8:10 ได้จารึกในหัวใจของเรา ไม่ใช่เสรี
ภาพและพระคุณที่จะทำอะไรก็ได้ แต่จงดำเนินตามธรรมบัญญัติ และพระองค์จะช่วยเรา
ไม่ใช่ผิดไม่ได้ พลาดไม่ได้ แต่พระองค์จะนำเราและเดินไปบนทางนั้น
ขอพระเจ้าอวยพระพร
(ชาโลม)
Ktm.worship
ที่มา: www.hebrewroot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น