เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องของถ้อยคำ
แต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดช
1คร. 4:20 เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องของถ้อยคำ แต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดชแต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดช
จากพระวจนะตอนนี้ หลายครั้งมีการตีความว่า ถ้อยคำนั้นหมายถึงพระวจนะ ซึ่งพระวจนะหรือคำสอนนั้นไม่สำคัญเท่ากับฤทธิ์เดช
แท้ที่จริงพระวจนะนั้นก็คือฤทธิ์เดชและต้องควบคู่กันไป จากพระวจนะตอนนี้ คำว่าถ้อยคำ ไม่ได้หมายถึงพระคัมภีร์หรือพระวจนะ แต่หมายถึง คำพูด
ในฉบับ Kjv ใช้คำว่าคำพูด
1คร. 4:20 เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้ามิใช่เรื่องของคำพูดแต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดช
บางฉบับใช้คำว่า “ไม่ใช่แค่ถ้อยคำเท่านั้น” ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งสองต้องควบคู่กันไป
ลก. 4:36 ทุกคนก็ประหลาดใจพูดกันว่า “ถ้อยคำของคนนี้มีอะไรพิเศษนะ เพราะท่านสั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช และพวกมันก็ออก”
1คร. 4:19 แต่ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด ข้าพเจ้าจะมาหาท่านในไม่ช้านี้ และข้าพเจ้าจะหยั่งรู้ไม่ใช่ในถ้อยคำของคนที่หยิ่งผยองเหล่านั้น แต่จะหยั่งรู้ในฤทธิ์เดชของพวกเขา
ในข้อ 19 เป็นการเฉลยว่าถ้อยคำ หมายถึงอะไร ถ้อยคำในบริบทตอนนี้จึงหมายถึงคำพูดที่หยิ่งผยอง ในแผ่นดินของพระเจ้านั้นเต็มด้วยความรัก ถ้อยคำทุกถ้อยคำก็เต็มด้วยความรักจากใจจริงและไม่เสแสร้ง ไม่ใช่ถ้อยคำที่หยิ่งผยอง เพราะในความรักไม่มีการหยิ่งผยอง
1คร. 13:4 ความรักนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง
มธ. 28:18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
มธ. 28:19 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
มธ. 28:20 และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
พระองค์ทรงประทานสิทธิอำนาจให้ผู้เชื่อ เราจึงมีฤทธิ์เดชจากพระเจ้า พระวจนะเน้นย้ำว่า สอนเขาด้วยพระวจนะแห่งความจริง
ขอบคุณพระเจ้า ขอแผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ภายในใจของเราทั้งหลายทุกคน
ชาโลม
Ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น