เข็มทิศนำจิตวิญญาณ
เข็มทิศ คือเครื่องมือสำหรับใช้หาทิศทาง มีเข็มแม่เหล็กที่แกว่งไกวได้อิสระในแนวนอนทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ ตามแรงดึงดูดของแม่เหล็กโลก และที่หน้าปัดมีส่วนแบ่งสำหรับหาทิศทางโดยรอบ เข็มทิศจึงมีปลายชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ (อักษร N หรือ น) เมื่อทราบทิศเหนือแล้วก็ย่อมหาทิศอื่นได้โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านขวามือเป็นทิศตะวันออก ด้านซ้ายมือเป็นทิศตะวันตก ด้านหลังเป็นทิศใต้ การบอกทิศทางในแผนที่โดยทั่วไป คือการบอกเป็นทิศที่สำคัญ 4 ทิศ คือทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก หรืออาจจะบอกละเอียดเป็น 8,16 หรือ 32 ทิศก็ได้ที่มา
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A8
สดด. 119:105 พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์
ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
สมัยเป็นลูกเสือผมเคยฝึกในการเดินป่า ผมเคยคิดว่าก็แค่จำทางให้ได้ก็คงออกมาได้แล้ว หรือมองดวงดาวสิไม่เห็นจะยาก และนั่นคือความคิดของเด็กอายุ 14 ปี แต่เมื่อเดินเข้าไปในป่า
จริง ๆ ในยามค่ำคืน แม้จะอยู่ในการดูแลของครูฝึกแต่ในความมืดทำให้เกิดความกลัว และความกลัวทำให้ความมั่นใจหายไปกว่าครึ่ง ดาวบนท้องฟ้าไม่มีเพราะเมฆบังจนหมด ทางที่เคยจำได้ตอนกลางวัน ในยามคำคืนก็จำไม่ได้เสียแล้ว เพราะรอบข้างนั้นมืดไปหมด มีเพียงไฟฉายเท่านั้น ดังนั้นเข็มทิศ จึงเป็นที่พึ่งของเราที่เราจะออกจากป่านี้ได้ในการทดสอบ เมื่ออาจารย์กำชับบอกว่าให้เดินตามทิศเหนือของเข็มทิศ เพราะเข็มทิศถูกต้องเสมอ
คนที่เดินทะเลก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่พึ่งพาได้และเชื่อมั่นใจได้ในสมัยก่อนนั้นคือเข็มทิศ เพราะท้องทะเลนั้นกล้างไกลสุดหูสุดตา มองไปทางไหนก็เหมือนกันหมด หากไม่มีเข็มทิศคงต้องหลงอยู่กลางทะเลและสุดท้ายอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย
ในชีวิตจริงหลายครั้งเรากำลังพยายามหาวิธีและพึ่งสิ่งนั้นในการดำเนินชีวิต หลายคนด้วยความรู้การศึกษา บางคนด้วยเงินและทอง แต่พระเจ้าพระองค์ทรงให้เข็มทิศแก่ผู้เชื่อในการดำเนินชีวิต เป็นแนวทางเป็นเส้นทาง เป็นคู่มือ นั่นคือพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ความจริงที่เราพบในพระคัมภีร์นั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงและเป้นความจริง เข็มทิศนี้จะชี้ไปในทางเดียวทุกครั้ง
เราไม่ต้องใช้ความรู้สึกเพื่อช่วยในการติดสินใจ เพราะความคิดและความรู้สึกของเรานั้นไม่นิ่งและแกว่งไปแกว่งมา บางครั้งเราสับสนว่าจะทำอย่างไรดี ในแต่ละวัน แต่ละนาทีก็ไม่นิ่งและไม่แน่นอน สิ่งเหล่านี้จึงไม่สามารถเชื่อถือได้ บางครั้งเราอาจจะรู้สึกดีมาก ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทางนั้นจะปลอดภัย
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราสามารถทิ้งตัวลงไป และไว้วางใจได้เสมอว่าเราจะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง นั่นคือพระวจนะ พระเยซูพระองค์เองก็เป็นพระวจนะด้วยเช่นเดียวกัน "จงเดินตามพระเยซู"
อฟ. 5:1 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก
อฟ. 5:2 และจงดำเนินชีวิตในความรักเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักเรา และประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า
ในยามที่เราเจอมสุม นั่นอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตามธรรมชาติเนื้อหนังแล้วเราอยากทำตามแผนการของตัวเอง ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ หลายคนจะให้พระวจนะหรือพระเจ้าเป็นตัวเลือกสุดท้าย แต่เราผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แต่เรามีพระวจนะ เรามีพระเยซู นั่นคือเข็มทิศที่ดียอดเยี่ยมและแน่นอนเสมอ ในทางที่ถูกต้องอาจจะดูเหมือนไม่ใช่ ไม่น่าจะไป หาเราพึ่งตัวเองและพึ่งคนอื่น เขาอาจจะชี้ไปว่าน่าจะเป็นทางนั้น น่าจะเป็นทางนี้สุดท้ายเราก็สับสน แต่พระวจนะไม่มีคำว่า "น่าจะ" ขอบคุณพระเจ้าแม้วันนี้เราไม่เห็นพระองค์ด้วยตาจริงๆ แต่พระองค์ก็อยู่ในเรา นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงเดินตามพระองค์และเราจะไม่หลงทาง
มธ. 14:28 เปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอตรัสให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”
มธ. 14:29 พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู
มธ. 14:30 แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย”
มธ. 14:31 พระเยซูจึงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ทันที แล้วตรัสว่า “ช่างมีความเชื่อน้อย ท่านสงสัยทำไม?”
มธ. 14:32 เมื่อพระองค์กับเปโตรขึ้นเรือแล้ว ลมก็สงบลง
มธ. 14:33 พวกที่อยู่ในเรือ จึงมากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าจริงแล้ว”
จงเบนสายตาจากความกลัวและกังวล มาจับจ้องที่พระวจนะ เดินตามพระเยซู และเราจะเดินในทางที่ปลอดภัย อย่ามัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่น pokemon go เพลินนะครับ
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น