ฤทธิ์เดชของพระเจ้า
กจ. 1:8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราทั้งในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"พระเจ้าทรงมอบฤทธิ์เดชให้กับผู้เชื่อ ในกิจการบทที่ 2 ที่ห้องชั้นบนสาวกและผู้เชื่อเต็มด้วยฤทธิ์เดชที่เทลงมา มอบให้กับผู้เชื่อ และทุกคนก็กระจายออกไปเพื่อเป็นพยานฝ่ายพระเยซูคริสต์ นี่เป็นฤทธิ์เดชเพื่อการประกาสรับใช้ นำคนมาถึงความรอด คือฤทธิ์เดชในการสั่งสอน การประกาสข่าวดี และการรักษาการทำการอัศจรรย์
มธ. 28:18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
มธ. 28:19 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
มธ. 28:20 และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
ฤทธิ์เดชของพระเจ้าไม่ใช่เพียง การอัศจรรย์ การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณเท่านั้นที่จะนำคนมาถึงความรอด แต่เป็นเรื่องของถ้อยคำ คำสอน คือพระวจนะหรือ โทราห์ของพระเจ้า ทั้งสองสิ่งต้องควบคู่กันไป มีแต่พระวิญญาณเอาแต่การอัศจรรย์ ก็อาจจะเพียวผิวเผิน ไม่รู้จักพระวจนะ ทั้งสองจึงต้องควบคู่กันไปในการสอนและสร้างคน เมื่อ เปโตร ได้รับฤทธิ์เดชแล้ว
ก็ได้ประกาศข่าวประเสริฐ ด้วยฤทธิ์เดชที่พระเจ้าประทานให้ ในคราวเดียวก็มีผู้เชื่อถึงสามพันคน
ในกิจการบทที่ 2 ยังบันทึกให้เราเห็นอีกว่า เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเทลงมา ผู้เชื่อก็มีความเป็น "น้ำหนึ่งใจเดียวกัน" และเกิดผล พันธกิจ การประกาศ กลุ่มเซลล์ การทำหมายสำคัญ และการอัศจรรย์ ล้วนเกิดผลทั้งสิ้น ขณะที่เรารับใช้และเต็มด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่อยู่ "เหนือ" ชีวิต ซึ่งเป็นการเจิม ไม่ใช่การทรงสถิตจากพระวิญญาณภายใน การเจิม "เหนือ" นี่เองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น คือเพื่อสั่งสอนพระวจนะให้เดินในทางของพระเจ้า การประกาศข่าวดี หรือข่าวประเสริฐ และการรักษาอย่างอัศจรรย์
การเจิมนี้ไม่ใช่การเจิมเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่ใช่เอโอ้อวดว่าฉันเหนือใคร ๆ
1คร. 9:16 เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะว่าข้าพเจ้าจำต้องทำ และถ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดกับข้าพเจ้า
ผู้เชื่อสามารถที่จะมีประสบการณ์ในฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้คือการทำตามพระบัญชา นั่นคือประกาศ เป็นพยานพระคริสต์ วางมือคนเจ็บคนป่วย เพื่อการอัศจรรย์ และสอนความจริงในพระวจนะ เราจึงจะมีประสบการณ์ฤทธิ์เดช
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น