กิจการ 10 นิมิตของเปโตร
กจ. 10:10 ขณะนั้นท่านหิวอยากจะรับประทานอาหาร และในระหว่างที่ยังจัดอาหารกันอยู่ เปโตรก็ตกอยู่ในภวังค์
กจ. 10:11 และท่านเห็นท้องฟ้าแหวกออกเป็นช่อง มีอะไรอย่างหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ซึ่งมุมทั้งสี่ถูกหย่อนลงมายังพื้นโลก
กจ. 10:12 ในนั้นมีสัตว์ทุกอย่าง ทั้งสัตว์สี่เท้า สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ
กจ. 10:13 แล้วมีพระสุรเสียงกล่าวกับท่านว่า “เปโตร จงลุกขึ้นฆ่ากิน”
กจ. 10:14 เปโตรจึงทูลว่า “ไม่ได้ องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสิ่งไม่บริสุทธิ์หรือเป็นมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานเลย”
กจ. 10:15 แล้วมีพระสุรเสียงมาเป็นครั้งที่สองกล่าวกับท่านว่า “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระแล้ว เจ้าอย่าว่าเป็นสิ่งไม่บริสุทธิ์”
กจ. 10:16 สิ่งนี้ปรากฏถึงสามครั้ง แล้วถูกรับขึ้นไปในท้องฟ้าทันที
นิมิตของเปโตรนั้น บางฉบับใช้คำว่า ภวังค์ ซึ่งก็มีความแตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร สิ่งที่เปโตรเห็นนั้นหมายถึงอะไร
บางคนเล็งถึงเรื่องของอาหารการกิน วึ่งวันนี้ประเด็นที่จะแบ่งปันไม่ใช่เรื่องของข้อถกเถียงเรื่องการกินเท่านั้น เพราะประเด็นนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอาหารหรือการกินอย่างที่เข้าใจกัน
ในบริบทนั้นคนที่ไม่เชื่อในพระยาห์เวห์ ถุกเรียกว่าสัตว์ที่ดุร้ายหรือสัตว์ไม่สะอาด (เช่นหมู หรือสุนัข) ในกรอบความคิดของพระวจนะ (โทราห์) คนต่างชาติที่ไม่เชื่อในพระยาห์เวห์เปรียบกับสัตว์ไม่สะอาด
ในเมื่อไม่เกี่ยวของกับเรื่องการกิน แล้วเกี่ยวข้องกับอะไร สิ่งนี้หมายถึง คนต่างชาติที่ยาชูวาห์ ส่งพวกเขามาให้กับเปโตร และเพื่อให้เปโตรต้อนรับพวกเขาอย่างดี ในข้อ (13) กจ. 10:13 แล้วมีพระสุรเสียงกล่าวกับท่านว่า “เปโตร จงลุกขึ้นฆ่ากิน” พระยาห์เวห์ไม่ตรัสสิ่งที่ค้านกันเอง ฉธบ. 14:3 “ห้ามรับประทานสิ่งพึงรังเกียจ
ในพระคัมภีร์สำนวนเดิมบางฉบับ เป็นสำนวนที่ใช้ในการต้อนรับแขกพิเศษ เช่นใน ปฐมกาล 18 ที่อับราฮัม ฆ่าลูกแกะและรับประทานกับบรรดาแขก เช่นเดียวกันสิ่งที่พระองค์ให้เห็นนั้นไม่ใช่การให้กินสัตว์มลทินที่ไม่สะอาด (ผมย้ำแค่ในบริบทนี้เพื่อไม่เป็นประเด็นเรื่องการกิน) และก็ไม่ใช่ให้ลุกขึ้นฆ่าคนต่างชาติ แต่พระองค์ให้เปโตรลุกขึ้นฆ่า หมายถึง "จงให้การต้อนรับ" คนต่างชาติทั้งสามคนนั้นดั่งอับราฮัมได้ทำใน ปฐมกาล 18
พระองค์ไม่ประสงค์ให้เรารังเกียจคนต่างชาติ อย่ามองว่าเขาไม่สะอาด พวกเขาก็ล้วนแสวงหาความจริงและพระองค์ได้ส่งพวกเขามาให้เปโตร เพื่อที่จะสอนและดูแลพวกเขา "จงให้การต้อนรับพวกเขา" พวกเขาคือแกะหลง คืออิสราเอลที่หลงหาย
สี่มุมของผ้านั้น คือการเก็บเกี่ยว หรือทุ่งนาของการเก็บเกี่ยว
ลนต. 23:22 “และเมื่อเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผลในแผ่นดินของเจ้า ห้ามเกี่ยวไปถึงขอบไร่นาจนหมดเกลี้ยง และห้ามเก็บเมล็ดที่เกี่ยวตก จงทิ้งไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าว เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า”
นี่คือสี่มุมของโลกที่บรรดาแกะนั้นได้กระจัดกระจายไป
อสย. 11:12 พระองค์จะทรงชูธงสัญญาณขึ้นให้แก่ประชาชาติทั้งหลาย และจะชุมนุมอิสราเอลที่พลัดพราก และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจาย จากมุมทั้งสี่ของแผ่นดินโลก
วว. 7:1 หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ยืนอยู่ที่มุมทั้งสี่ของแผ่นดินโลก ยับยั้งลมทั้งสี่ของแผ่นดินโลกไว้ เพื่อไม่ให้ลมพัดบนบก บนทะเลหรือบนต้นไม้ทุกต้น
พระองค์ตรัสเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของคนต่างชาติ "ทูตสวรรค์ทั้งสี่จากลมทั้งสี่แห่งสวรรค์"
วว. 7:1 หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ยืนอยู่ที่มุมทั้งสี่ของแผ่นดินโลก ยับยั้งลมทั้งสี่ของแผ่นดินโลกไว้ เพื่อไม่ให้ลมพัดบนบก บนทะเลหรือบนต้นไม้ทุกต้น
สิ่งนี้มีความหมายเกี่ยวโยงกับ "ผ้าคลุมไหล่อธิษฐาน" หรือ Tallit เรียกว่า "เต๊นท์" ภาษากรีกคือ skene ในภาษาฮีบรูคือ sukkah เช่นในเทศกาลอยู่เพิง
ในกิจการบทที่ กจ. 18:3 ท่านอาศัยและทำงานอยู่กับเขาทั้งสอง เพราะว่าทั้งสองฝ่ายเป็นช่างทำเต็นท์ด้วยกัน
เปาโลไม่ได้เป็นช่างเย็บหรือทำเต๊นท์ที่เป็นหลัง แต่เป็นคำเดียวกับ เต็นท์ที่เป็นแบบพกพา นั่นคือ ทาลิช หรือผ้าคลุมไหล่อธิษฐานนั่นเอง ที่มุมทั้งสี่ของผ้าคลุมไหล่อธิษฐานนี้เราได้รับการบัญชาให้วางไว้บน "ริมหรือขอบ" เพื่อเตือนเราในการเชื่อฟังคำสอน หรือบัญญัติของพระยาห์เวห์
ฉธบ. 4:39 ดังนั้นจงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่าพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย
ฉธบ. 4:40 ฉะนั้น ท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานที่เกิดมาภายหลังท่านจะไปดีมาดี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านตลอดไป”
ฉธบ. 22:12 “ท่านจงทำพู่ห้อยไว้ที่มุมทั้งสี่ของชายเสื้อคลุมของท่านซึ่งท่านใช้คลุมตัว
กดว. 15:38 “จงพูดกับคนอิสราเอลและสั่งพวกเขาให้ทำพู่ที่มุมของชายเสื้อคลุม ตลอดชาติพันธุ์ของเขา และให้เอาด้ายสีฟ้าติดที่พู่ของแต่ละมุม
ที่ขอบ หรือริมทั้งสี่มุมนี้เองที่เรียกว่า "tziytzith"
ศคย. 8:23 พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ในสมัยนั้น 10 คนจากทุกชาติทุกภาษา จะยึดชายเสื้อคลุมของยิวคนหนึ่งไว้แล้วกล่าวว่า ‘ขอให้เราไปกับท่านทั้งหลายเถิด เพราะเราได้ยินว่า พระเจ้าสถิตกับพวกท่าน’ ”
ชายเสื้อคลุม หรือ skirt (สเคิร์ท)
n. กระโปรง, ชายเสื้อชนิดยาว, ชายเสื้อ, ชาย, ขอบ, รอบ, นอก,
#3671 คือ "kanaph" นี่เป็นคำเดียวกับที่ใช้ใน เศคาริยาห์ 8:23 "ชายเสื้อคลุม"
kanaph ใช้ใน มลค. 4:2 แต่สำหรับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงนามของเรา ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมซึ่งมีปีกรักษาโรคภัยได้ จะปรากฏขึ้น แล้วเจ้าจะกระโดดโลดเต้นออกไปเหมือนลูกวัวออกไปจากคอก
บุตรน้อยหลงหาย เอฟราอิมและคนต่างชาติ
ถ้าพูดถึงบุตรน้อยหลงหาย หลายท่านคงได้ยินและได้ฟังไม่ว่าจะเป็นในชั้นเรียนรวี หรือคำเทศนาอยู่บ่อยครั้ง ว่าพระบิดาไม่เคยทอดทิ้งหรือทรงลืมเราเลย
วันนี้ผมขออนุญาตแบ่งปันในอีกแง่มุมหนึ่งของเรื่องบุตรน้อยหลงหาย ที่เกี่ยวข้องกับว่าทำไมปัจจุบันถึงได้มีหลายคนที่สนใจและกลับสู่รากความเชื่อแบบยิว หรือ อิสราเอล ทำไม่เราจึงยืนเคียงข้างอิสราเอล ซึ่งแท้จริงไม่ใช่เพียงการยืนเคียงข้างแต่เราต้องรู้ว่าเราคือใคร (อิสราเอล)
แท้จริงบุตรน้อยหลงหายในคำอุปมาตอนนี้คือ เอฟราอิม บิดา (พ่อ) คือพระบิดา องค์ยาห์เวห์ และพี่ชายคือ ยูดาห์
- เอฟราอิม คือเผ่าหนึ่งของอิสราเอล ที่เล็งถึงคนต่างชาติ เพราะเอฟราอิมได้กลายและถูกกลืนจนเป็นคนต่างชาติไปในยุคหนึ่ง จนได้สูญเสียอัตลักษณ์ที่ตนเองได้มีไป และเอฟราอิมยังเล็งถึงคนต่างชาติที่พ่วงเข้าไปด้วย
- ยูดาห์ คืออิสราเอล
ลก. 15:11 พระเยซูตรัสว่า “ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน
คำอุปมาของพระเยซูเล็งถึง ยูดาห์ และเอฟราอิม (ยูดาห์+เบนยามิน+เลวี) (เอฟราอิม+10 เผ่าตอนเหนือ) นี่คือพระประสงค์ของพระบิดา เราเป็นลูกของพระยาห์เวห์
ลก. 15:12 บุตรคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘พ่อ ขอแบ่งทรัพย์สินส่วนที่ตกเป็นของลูกให้ลูกด้วย’ บิดาจึงแบ่งสมบัติให้แก่บุตรทั้งสอง
ลก. 15:13 ต่อมาไม่กี่วัน บุตรคนเล็กนั้นก็รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเดินทางไปยังเมืองไกล และผลาญทรัพย์สินของตนที่นั่นด้วยการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย
ลก. 15:14 เมื่อใช้จ่ายจนหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างรุนแรงทั่วเมืองนั้น เขาจึงเริ่มขาดแคลน
เขาเป็นดังกิ่งมะกอกที่แยกตัวออกไปและขาดน้ำหล่อเลี้ยง เขาได้ออกจากบ้านไปเขาคือคนต่างชาติที่หลงหายไป เขาลืมพ่อและครอบครัวของเขาเสียสิ้น
ลก. 15:15 เขาไปอาศัยอยู่กับชาวเมืองนั้นคนหนึ่ง และคนนั้นก็ใช้เขาไปเลี้ยงหมูที่ทุ่งนา
ลก. 15:16 เขาอยากจะอิ่มท้องด้วยฝักถั่วที่หมูกินนั้น แต่ไม่มีใครให้อะไรเขาเลย
ลก. 15:17 เมื่อเขาสำนึกตัวได้ จึงพูดว่า ‘ลูกจ้างของพ่อไม่ว่าจะมีมากสักแค่ไหนก็ยังมีอาหารเหลือเฟือ แต่ข้ากลับต้องมาอดตายที่นี่
น้องชายคนเล็กคนนี้เคยอยู่กับพ่ออยู่กับพี่ชายเป็นบ้านที่สมบูรณ์ แต่เขาผันตัวเองออกมาเป็นคนต่างชาติ (การเลี้ยงหมูนั้น เป็นสัญญลักษณ์ของคนต่างชาติด้วย)
ลก. 15:18 ข้าน่าจะลุกขึ้นไปหาพ่อ และพูดกับท่านว่า “พ่อ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
ลก. 15:19 ไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ขอโปรดให้ลูกอยู่ในฐานะของลูกจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด” ’
นี่คือขั้นแรก 4 ขบวนการที่สำคัญคือ
- เสียใจ เมื่อเขาสำนึกตัวได้ จึงพูดว่า ‘ลูกจ้างของพ่อไม่ว่าจะมีมากสักแค่ไหนก็ยังมีอาหารเหลือเฟือ แต่ข้ากลับต้องมาอดตายที่นี่
- ละทิ้ง ข้าน่าจะลุกขึ้นไปหาพ่อ
- สารภาพ และพูดกับท่านว่า “พ่อ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
- รับการแก้ไข
ลก. 15:20 แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดา แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาก็เห็นเขาและมีใจสงสาร จึงวิ่งออกไปกอดคอและจูบแก้มของเขา
ขอให้เราที่จะต้อนรับคนต่างชาติ เพราะก่อนนี้เราเองก็เป็นเช่นเดียวกับเขา ให้การต้อนรับเขาเหมือนดั่งที่ที่พระองค์ทรงรักเรา ส่งต่อความรักนั้นออกไป สู่บรรดาแกะหลงที่กระจัดกระจาย เพื่อเขาเหล่านั้นจะคืนกลับสู่บ้านเกิดและรับการชำระให้สะอาดโดยพระยาห์เวห์ เอโลฮิม
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
Ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น