เจาะปัสกา
บทความนี้เป็นบทความจากการเจาะลึกในเทศกาลปัสกา ตามความเข้าใจของผม ณ. ปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วน และนี่เป็นเพียงกรณีศึกษาส่วนตัวของผม ที่นำมาแบ่งปันกัน และยังไม่ได้ฟันธงแต่อย่างใด
แต่ที่มั่นใจคือ เราไม่เจอเทศกาลอีสเตอร์ ตลอดจนที่มาต่างๆในพระคัมภีร์ ตลอดจนวันสิ้นพระชนม์ และวันฟื้นคืนพระชนม์ ของพระเยซูในอีกเตอร์ ก็ไม่สอดคล้องกับคำทำนายของพันธสัญญาเดิม แต่ตรงกับที่มาอื่นที่ไม่ใช่พระเยซู
เมื่ออิสราเอลได้กินลูกแกะปัสกา กับขนมปังไร้เชื้อในอียิปต์ ในคืนก่อนที่พวกเขาจะอพยพออกมาจากดินแดนนั้น นี่คือช่วงเวลาจุดเริ่มต้นของวันที่ 14 อาบีบ หลังจากดวงอาทิตย์ตกลงไปในวันที่ 13 ของอาบีบ และกำลังจะเข้าสู่ 14 อาบีบ (อพยพ 12:2-13)
อพย. 12:4 ถ้าครอบครัวไหนมีคนน้อยและกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่หมด ก็ให้รวมกับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเตรียมลูกแกะตัวหนึ่ง แล้วให้แบ่งลูกแกะนั้นตามจำนวนคนที่จะกินได้
อพย. 12:5 ลูกแกะของเจ้าต้องปราศจากตำหนิ เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี เจ้าจงเอามาจากฝูงแกะหรือฝูงแพะ
อพย. 12:6 จงเก็บไว้ให้ดีถึงวันที่สิบสี่เดือนนี้ แล้วในเย็นวันนั้น ให้ที่ประชุมของชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะนั้น
อพย. 12:7 แล้วเอาเลือดทาที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้างของบ้านที่พวกเขาเลี้ยงกันนั้นด้วย
อพย. 12:8 ในคืนวันนั้นให้พวกเขากินเนื้อปิ้งกับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม
อพย. 12:9 อย่ากินเนื้อที่ยังดิบหรือเนื้อต้มเลย แต่จงปิ้งทั้งหัวและขาและเครื่องในด้วย
อพย. 12:10 จงกินให้หมดห้ามมีเศษเหลือจนถึงเวลาเช้า แต่ถ้ายังมีเศษเหลือถึงเวลาเช้าก็ให้เผาเสีย
อพย. 12:11 เจ้าจงเลี้ยงกันดังนี้คือ ให้คาดเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ และรีบกินโดยเร็ว การเลี้ยงนี้เป็นปัสกาของพระยาห์เวห์
อพย. 12:12 เพราะในคืนวันนั้น เราจะผ่านไปในแผ่นดินอียิปต์ และเราจะประหารลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ และเราจะพิพากษาลงโทษพระทั้งหมดของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์
อพย. 12:13 แต่เลือดตามบ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นพวกเจ้าไป จะไม่มีภัยพิบัติเกิดแก่พวกเจ้า ขณะที่เราโจมตีแผ่นดินอียิปต์
ในเย็นนี้พระองค์จะหมั้นหมาย อิสราเอลเป็นเจ้าสาวของพระองค์
ในกรณีเดียวกัน ยาชูวาห์ (พระเยซู) ได้กินลูก (แกะปัสกา) กับบรรดาเหล่าสาวกของพระองค์ พร้อมด้วยขนมปังไร้เชื้อ และนี่เป็นคืนที่ 3 ของสัปดาห์ (วันอังคาร) นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ 14 อาบีบ หลังจากดวงอาทิตย์ตก (มาระโก 14:12-18, มัทธิว 26:17-23, ลูกา 22:9-15) ในเย็นวันนี้ พระองค์จะหมั้น อิสราเอล เจ้าสาวของพระองค์ พระเมสสิยาห์
มก. 14:12 เมื่อถึงวันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขาฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกานั้น พวกสาวกมาทูลถามพระองค์ว่า “จะให้พวกข้าพระองค์ไปจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน?”
มก. 14:13 พระองค์จึงทรงใช้สาวกสองคนไป สั่งพวกเขาว่า “จงเข้าไปในเมือง แล้วจะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบพวกท่าน จงตามคนนั้นไป
มก. 14:14 เขาเข้าไปที่ไหน ก็ให้บอกเจ้าของบ้านนั้นว่า พระอาจารย์ถามว่า ‘ห้องที่เราจะกินปัสกากับเหล่าสาวกของเรานั้นอยู่ที่ไหน?’
มก. 14:15 เจ้าของบ้านจะชี้ให้เห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว ที่นั่นแหละ จงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเราเถิด”
มก. 14:16 สาวกสองคนนั้นจึงออกไป เดินเข้าไปในเมือง และพบทุกอย่างเหมือนถ้อยคำที่พระองค์ตรัสแก่พวกเขา แล้วพวกเขาก็จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม
มก. 14:17 เมื่อถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน (เย็นค่ำหลัง 18.00 น. เข้าสู่วันที่ 14 อาบีบ)
มก. 14:18 ขณะกำลังประทับและเสวยอาหารอยู่นั้น พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา เป็นคนที่ร่วมรับประทานอาหารกับเรา”
มธ. 26:17 ในวันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อบรรดาสาวกมาทูลถามพระเยซูว่า “จะให้พวกข้าพระองค์เตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน?”
มธ. 26:18 พระองค์ตรัสตอบว่า “จงเข้าไปในเมืองหาคนผู้หนึ่ง แล้วบอกเขาว่า ‘อาจารย์พูดว่า “กำหนดเวลาของเรามาใกล้แล้ว เราจะถือปัสกาที่บ้านของท่านพร้อมกับสาวกทั้งหลายของเรา” ’ ”
มธ. 26:19 พวกสาวกจึงทำตามที่พระเยซูตรัสสั่ง และเตรียมปัสกาไว้พร้อม
มธ. 26:20 พอถึงเวลาพลบค่ำ พระองค์ประทับและเสวยอาหารกับสาวกสิบสองคน
มธ. 26:21 เมื่อรับประทานกันอยู่ พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในท่านจะทรยศเรา”
มธ. 26:22 พวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์ ต่างคนต่างเริ่มทูลถามพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า คือข้าพระองค์หรือ?”
มธ. 26:23 พระองค์ตรัสตอบว่า “คนที่เอามือจิ้มลงในชามเดียวกันกับเรานั่นแหละ คือคนที่จะทรยศเรา
พระยาห์เวห์ทรงตรัสสั่งอิสราเอลที่พวกเขาจะสวมรองเท้าของพวกเขา "เท้า" นี่เป็นคำสั่ง อิสราเอลได้รับคำสั่งให้สวมรองเท้า และพร้อมที่จะออกไป (อพยพ 12:11)
อพย. 12:11 เจ้าจงเลี้ยงกันดังนี้คือ ให้คาดเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ และรีบกินโดยเร็ว การเลี้ยงนี้เป็นปัสกาของพระยาห์เวห์
เท้าเป็นภาพที่เล็งถึงว่า พวกเขาจะได้รัยมรดก คือแผ่นดินอันอัดมสมบูรณ์ ใน โยชูวา 1:3 พวกเขาได้รับสัญญาว่า ทุกที่ที่ "เท้าของพวกเขาได้เหยียบ" พวกเขาจะได้รับ มรดก
ยชว. 1:3 ทุกๆ แห่งที่ฝ่าเท้าของเจ้าทั้งหลายจะเหยียบลง เราได้ยกให้พวกเจ้าดังที่เราได้สัญญาไว้กับโมเสส
ยาชูวาห์ (พระเยซู) ทรงล้าง "เท้า" ของบรรดาเหล่าสาวกของพระองค์ คืนหลังจากเทศกาล ปัสกาในช่วงเวลาอาหารค่ำมื้อนั้น พระองค์ทรงล้างเท้า เหล่าสาวกของพระองค์ (ยอห์น 13:12)
ยน. 13:12 เมื่อพระองค์ทรงล้างเท้าของพวกเขาแล้ว พระองค์ก็ทรงฉลองพระองค์แล้วประทับลงตรัสกับเขาว่า “พวกท่านเข้าใจสิ่งที่เราทำกับท่านหรือไม่?
ยน. 13:8 เปโตรทูลพระองค์ว่า “พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์ไม่ได้เด็ดขาด” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้”
เท้าเป็นตัวแทนของผู้ที่ "นำข่าวดี" (อิสยาห์ 52:7, โรม 10:15, เอเฟซัส 6:15) ในลูกกา 15:22 บุตรน้อยหลงหายที่กลับมา ได้รับการสวมรองเท้า มันเป็นภาพที่หมายถึง เขาได้รับ มรดก (เท้าเป็นตัวแทนภาพที่เล็งถึงมรดก)
โดยโลหิตของพระเมษโปดก ถูกวางโดยการทาลงบนเสาทั้งสองของประตู สัญลักษณ์ของบ้าน อิสราเอล (อิสยาห์ 8:14) พวกได้รับคำสั่งให้ ทาเลือดของแกะที่ประตูทั้งสองข้างและ และเสาประตูด้านบน (อพยพ 12:7)
เสาประตูด้านบนแสดงให้เห็นถึงว่า พระเมสสิยาห์เป็น "ศีรษะ" ของร่างกาย (พระกาย)
พระยาห์เวห์ทรงสถาปนาบ้านทั้งสองหลังของ อิสราเอล คนหัวปีของอิสราเอล (สัญลักษณ์ของยูดาห์พี่ชายคนโต) ชาวอียิปต์ที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขาได้รับการเติมเต็มลงใน อิสราเอล และพวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของ เอฟราอิม ที่เกิดในอียิปต์ เทศกาลปัสกาเป็นพิธีหมั้น ระหว่าง อิสราเอล และพระยาห์เวห์ เลือดของลูกแกะที่ปิดผนึกพันธสัญญานี้ของพวกเขายังคงอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ
โดยโลหิตของพระเมษโปดก ถูกวางบนสองบ้านของ อิสราเอล เป็นพันธสัญญาเลือด ยาชูวาห์ ฮามาชียาห์ (พระเยซูพระเมสสิยาห์) เป็นสัญลักษณ์ของไวน์ เมื่อทรงประกาศว่า "นี่คือพันธสัญญาใหม่ที่หลั่งออกเพื่อปลดความบาป" (มัทธิว 26:28)
มธ. 26:28 เพราะว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก
คืนก่อนที่พระองค์จะได้รับการเสียสละที่ต้นไม้นั้น (กางเขน) ที่ได้ทรงอธิษฐานในสวนของการถูกตรึงไม้กางเขน พระวจนะบันทึกว่า "เหงื่อพระองค์เป็นเลือด" (เสมือนลูกแกะปัสกาได้หลั่งเลือด)
(ลูกา 22:44)
พระเมสสิยาห์มาเพื่อเรียกคืนบ้านทั้งสองของ อิสราเอล และเทศกาลปัสกานี้คือการหมั้นของพระองค์ (การหมั้นที่เปรียบเสมือนการ แย่งชิงและต่อสู้) เพื่อเจ้าสาวของพระองค์นี้ ก็ยังคงอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ
พระยาห์เวห์ ตรัสว่า "จะตีหรือทำลายลูกหัวปีของชาวอียิปต์" (อพยพ 12:12) ลูกหัวปีของชาวอียิปต์ (สัญลักษณ์ของความบาป = ต้องแยกจากเชื้อบาป) จะถูกตีอย่างแรงและถูกทำลายไป เพื่อลูกหัวปีของ อิสราเอล และวันนี้เองอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ โมเสส และอาโรน ไม่ได้เข้าเฝ้าและเจรจากับฟาโรห์จนกระทั่ง วันรุ่งขึ้นที่พวกเขาได้รับคำสั่ง อพยพ 12:22 ห้ามผู้ใดออกไปพ้นประตูบ้านของตนจนถึงรุ่งเช้า
อพย. 12:22 และเอาต้นหุสบกำหนึ่งจุ่มลงในเลือดที่อยู่ในอ่าง แล้วป้ายเลือดนั้นที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้าง ห้ามผู้ใดออกไปพ้นประตูบ้านของตนจนถึงรุ่งเช้า
วันนี้แม้จะเช้า แต่ก็ยังคงอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ
พระยาห์เวห์ทรง ตรัสว่า พระองค์จะ "ตี" คนเลี้ยงแกะ เมื่อทบทวนคำทำนายของ เศคาริยาห์ 13:7 "จงตีผู้เลี้ยง และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป"
ศคย. 13:7 พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า “ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้ผู้เลี้ยงแกะของเรา จงต่อสู้ผู้ที่สนิทกับเรา จงตีผู้เลี้ยง และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะพลิกมือของเรามาต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย
มัทธิว 26:31 เราจะตีผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป เพื่อคนบาป ที่จะแลกเอาลูกชายหัวปีของยิสราเอล และนี้ยังคงอยู่ที่ 14 อาบีบ ยาชูวาห์ (พระเยซู) และสาวกของพระองค์ไม่ได้ออกจากบ้าน (เยรูซาเล็ม) จนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาเดินตามพระองค์ไปยังสถานที่ของการดำเนินการที่อยู่นอกเมือง
มธ. 26:31 เวลานั้นพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ในคืนวันนี้พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’
การพิพากษาจากพระยาห์เวห์ มาถึงอียิปต์ และตีไปที่ลูกหัวปี ในแผ่นดิน ในคืนนี้ ยูดา ได้ทรยศโลหิตอันบริสุทธิ์ และเขาได้แขวนตัวเองและตายไป
อพยพ 12:13 แต่เลือดตามบ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นพวกเจ้าไป จะไม่มีภัยพิบัติเกิดแก่พวกเจ้า ขณะที่เราโจมตีแผ่นดินอียิปต์
อพย. 12:13 แต่เลือดที่บ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป จะไม่มีภัยพิบัติทำลายเจ้า ขณะที่เราประหารประเทศอียิปต์
อพยพ 12:29 ในเวลาเที่ยงคืน พระยาห์เวห์ทรงประหารบุตรหัวปีทุกคนในแผ่นดินอียิปต์์ ตั้งแต่พระราชบุตรหัวปีของฟาโรห์ผู้ประทับบนบัลลังก์ จนถึงบุตรหัวปีของนักโทษที่อยู่ในคุกมืด ทั้งลูกหัวปีของสัตว์เลี้ยงทุกตัว
ชาว อียิปต์ แขวนตัวเอง (เปรียบเทียบ) เมื่อพวกเขาไล่หลังตามไล่ล่า อิสราเอล และมาถึงการถูกจมในทะเลแดง ในลักษณะเดียวกันยูดา ผู้ทรยศ ได้เสียชีวิตใน " นาเลือด" ชาวอียิปต์ถูกฝังอยู่ใน "ทะเลแดง" สัญลักษณ์ของเลือด
การพิพากษาจากพระยาห์เวห์ มาถึงบ้านของยูดาห์ เป็นสัญลักษณ์ในสาวกที่ได้ทรยศต่อพระเจ้า ชื่อ Yahuwdah (Judas) หมายถึง ลูกชายคนโต (หัวปี) ในเรื่องราวของความฟุ่มเฟือย ลูกหัวปีของสองบ้าน อิสราเอล ถูกตัดสินในคืนนั้นเพราะเป็นชนชาติที่ได้สังหารพระเมสสิยาห์ (เมื่อคนอิสราเอลพากันร้องว่าตรึงเขาเสีย ๆ)
และชื่อชนเผ่านี้คือยูดาห์ (อิสราเอล) มาถึง ยูดาห์ สาวก (Yahuwdah หรือทรยศ) ถูกนำมาใช้เพื่อแสดงให้เห็นการตัดสินที่กำลังจะมาถึงพวกเขา 40 ปีต่อมา ในการโอบล้อมของโรมัน แต่พระองค์ยังเอา "ถ้วยแห่งพระพิโรธ" (ถ้วยที่ 2) สำหรับพวกเขา ที่เป็นชนชาติที่มาจากบ้านของยูดาห์ ที่จะกลับใจ และยอมรับการเสียสละของพระองค์ ในคืนนั้นหลังจากที่เขาทรยศพระเมสสิยาห์ เขาประกาศว่า “ข้าพเจ้าทำบาปที่ทรยศคนบริสุทธิ์ถึงตาย”(มัทธิว 27:4)
เขาได้แขวนตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกทุ่งนั้นว่า ทุ่งโลหิต (นาเลือด) มาจนถึงทุกวันนี้ (มัทธิว 27:8)
เมื่อฟาโรห์ได้ปลดปล่อยคนอิสราเอลออกมาในเทศกาลปัสกา "บุตรหัวปี" ของพระยาห์เวห์ (อิสราเอล) ออกมาจากอียิปต์ในคืนนั้น เพราะ YHWH "ตี หรือประหาร" ลูกหัวปีของอียิปต์ เพื่อแลกเอาลูกชายคนแรก คือลูกหัวปีของ อิสราเอล
อพย. 12:30 ฟาโรห์กับพวกข้าราชการ และคนอียิปต์ทั้งหมดตื่นขึ้นในตอนกลางคืน มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมากในอียิปต์ เพราะไม่มีบ้านไหนเลยที่ไม่มีคนตาย
อพย. 12:31 ฟาโรห์จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนให้มาเข้าเฝ้าในคืนนั้น ตรัสว่า “เจ้าทั้งสองกับชนชาติอิสราเอล จงลุกขึ้นและออกไปจากประชากรของเรา ไปนมัสการพระยาห์เวห์ตามที่ขอไว้นั้น
และเหตุการณ์นี้ยังคงอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ออกจากอียิปต์ (จนถึงรุ่งเช้า เพราะห้ามออกจากบ้านตามคำสั่ง) จนถึงวันที่ 15 อาบีบ อย่างที่ชาวอียิปต์ทุกบ้านกำลังยุ่งอยู่กับการฝังศพลูกหัวปีของพวกเขา (กันดารวิถี 33:3-4)
กดว. 33:3 เขาทั้งหลายออกเดินทางจากราเมเสสในเดือนแรก คือในวันที่สิบห้าของเดือนแรกนั้น หลังวันปัสกาหนึ่งวัน คนอิสราเอลออกมาอย่างอาจหาญต่อหน้าต่อตาชาวอียิปต์ทั้งหมด
กดว. 33:4 เวลานั้นชาวอียิปต์กำลังฝังศพบรรดาบุตรหัวปีของตน ซึ่งถูกพระยาห์เวห์ทรงประหารท่ามกลางพวกเขา พระยาห์เวห์ทรงลงโทษพวกเทพเจ้าของเขาทั้งหลายด้วย
ปิลาต ได้ปล่อยนักโทษในเทศกาลปัสกา บารับบัส ซึ่งหมายถึง "ลูกหัวปี" ของ ยิสราเอล บารับบัส คือ (บาร์ อับบา) ใน อราเมอิก มีความหมายว่า "บุตรของพระบิดา"
พระยาห์เวห์ "ตี" คนเลี้ยงแกะ (เมสสิยาห์) ที่กลายเป็นแพะรับบาป สำหรับ "หัวปี" บุุตรของ อิสราเอล
ปิลาต ปล่อย บารับบัส (เล็งถึงลูกหัวปีของอิสราเอล) ในลักษณะเดียวกับที่ฟาโรห์ ปล่อย อิสราเอล ในคืนเดียวกันนั้น ในวันที่ 14 ของ อาบีบ
มธ. 27:17 เมื่อทุกคนมาประชุมพร้อมกันแล้ว ปีลาตก็ถามเขาทั้งหลายว่า “พวกเจ้าต้องการให้เราปล่อยคนไหน บารับบัส หรือเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์?”
ปล่อย บารัสบัส ๆๆ !!!
พระเมสสิยาห์ เป็นตัวแทนของ "หัวปี" บุตของอียิปต์ (แพะรับบาป) ที่สิ้นพระชนม์
ในบทบาทของ บุตรหัวปี ของยิสราเอล เด็กไร้เดียงสา คือลูกหัวปีของชาวอียิปต์จะต้องตาย เพื่อที่จะปลดปล่อย อิสราเอล
พระเมสสิยาห์ พระองค์มาเพื่อคนบาปผิด คำว่า "แพะรับบาป" หมายถึง บุคคลที่บริสุทธิ์ที่สุด มาเพื่อบุคคลที่มีความผิด บารับบัสถูกปลดปล่อยออกมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า อิสราเอล ถูกปลดปล่อยออกมาจากหนี้ความบาปของพวกเขา
พระองค์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 14 อาบีบ ประมาณ บ่าย 3 โมง และถูกฝังอยู่ก่อนที่ดวงอาทิตย์ตกลงไปในวันที่ 15 ของอาบีบ
กลับไปที่การปลดปล่อยคนอืสราเอลในอียิปต์ ในที่สุด ฟาโรห์ให้คน อิสราเอล พร้อมสิ่งของที่เขาต้องการ เมื่อพวกเขาขอร้อง (ให้เราไป) จึงเรียกโมเสสและอาโรน เพื่อนำคนออกจากอียิปต์
อพย. 12:32 เอาฝูงแพะแกะและฝูงโคของพวกเจ้าไปด้วยตามที่ขอไว้แล้ว จงไป และอวยพรเราด้วย”
ฟาโรห์ ได้รับการยอมรับว่าเลือดของลูกแกะบริสุทธิ์ ได้รับการคุ้มครอง คนอิสราเอล ในคืนนั้น และ พระยาห์เวห์ ได้เอาลูกหัวปีของชาวอียิปต์ เกี่ยวกับการปล่อยคน อิสราเอล ออกจากอียิปต์ และตระหนักถึงว่าเลือดของเด็กชาวอียิปต์ผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งเลือดของลูกแกะที่ถูหลั่ง เพื่อความเป็นอิสระ ของคนอิสราเอล นี้ยังคงอยู่ที่ 14 ของอาบีบ แต่พวกเขาไม่ได้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ของอาบีบ
ในที่สุด ปีลาตให้คน อิสราเอล ในสิ่งที่เขาต้องการ เมื่อพวกเขาร้อง ให้ปล่อย "บารับบัส" ไปให้เป็นอิสระ และดังนั้นพวกเขาจึงมี บารับบัส คนยูดาห์ ร้องออกมาว่า ตรึงเขาเสีย ให้เลือดของเขาอยู่กับเรา ปิลาต ล้างมือของเขา "เนื่องด้วยโลหิตนั้นบริสุทธิ์" และเขายอมรับว่า พระเยซู พระเมสสิยาห์ เป็นแพะรับบาปผู้บริสุทธิ์ สำหรับบ้านของ Yahuwdah (ยูดาห์) เพราะเขาตะโกนว่า "ให้เลือดของเขาอยู่กับเรา"
มธ. 27:24 เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่ได้การมีแต่จะเกิดวุ่นวายขึ้น ท่านก็เอาน้ำล้างมือต่อหน้าหมู่ชน แล้วว่า "เราไม่มีผิดด้วยเรื่องโลหิตของคนชอบธรรมคนนี้ เจ้ารับธุระเอาเองเถิด"
มธ. 27:25 บรรดาหมู่ชนเรียนว่า "ให้โลหิตของเขาตกอยู่แก่เราทั้งบุตรของเราเถิด"
มธ. 27:26 ท่านจึงปล่อยบารับบัสให้เขา และเมื่อท่านได้โบยตีพระเยซูแล้ว ท่านก็มอบพระองค์ให้ถูกตรึงที่กางเขน
ปิลาตเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการที่จะปล่อยบุคคลที่มีความผิด (บารับบัส) ที่เป็นสัญลักษณ์ของชนชาติแห่งบ้านอิสราเอล การดำเนินเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ในสถานที่ของพวกเขานี้ยังคงอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ
แม้จะออกมาจากอียิปต์แล้ว แต่อิสราเอลก็ยังโดนตามเพื่อจะฆ่าทิ้งเสียนอกอียิปต์แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่ พระยาหืเวห์ทำลายชาวอียิปต์ในทะเลแดง (สัญลักษณ์ของความบาป และทาส)
กอง ทัพของฟาโรห์แห่งอียิปต์ของเขาถูกทำลายในทะเลแดง (อพยพ 15:4) เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันที่ 18 ของอาบีบ (3วันให้หลัง) อิสราเอลกินลูกแกะปัสกาด้วยเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ
อพย. 15:4 “พระองค์ทรงเหวี่ยงรถรบและกองกำลังของฟาโรห์ลงทะเล นายทหารชั้นยอดของฟาโรห์ก็จมในทะเลแดง
อิสราเอลตามการนำ ของพระยาห์เวห์ ด้วยเสาไฟกลางคืน และเสาเมฆในกลางวัน ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (อพยพ 13:21-22; 14:19 และ กันดารวิถี 33:3-8)
เมื่อพวกเขามาถึงทะเลแดง ซึ่งเป็นตัวแทนของการแช่ (น้ำล้างบาป) ยิสราเอล ข้าม จากความตายเพื่อชีวิตจากการเป็นทาส ไปสู่เสรีภาพ เลือดของชาวอียิปต์ที่จ่ายเพื่ออิสระภาพของพวกเขา เมื่อชาวอียิปต์จมอยู่ในน้ำ
วิญญาณ น้ำ และเลือด มีสามองค์ประกอบในเหตุการณ์นี้ (1 ยอห์น 5:8)
1ยน. 5:8 คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามอย่างนี้สอดคล้องกัน
เช่นเดียวกัน ทำลายบาปผ่านการเสียสละของพระเมสสิยาห์บนต้นไม้ (พระเยซูถูกตรึงที่บนกางเขน) ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ กินลูกแกะปัสกากับเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ กับเหล่าสาวกของพระองค์ ยังอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ (ปัสกา) 14 อาบีบ เริ่มต้นที่ 18.00 น. และกลางวันจนถึงบ่ายสามโมง บนกางเขนคือ 14 อาบีบ
พระเมสสิยาห์ไถ่ผู้ที่ถูกเลือก "ชีวิตแทนที่ความตาย เสรีภาพแทนที่ ทาสความบาป"
ข้า พระองค์ขอฝากจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ และสิ้นพระชนม์ จากนั้นทหารโรมันแทงหอกที่สีข้างของพระองค์ และน้ำและเลือดได้ออกมา (ยอห์น 19:34)
ยน. 19:34 แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที
โลหิตของพระเมสสิยาห์จ่ายเพื่ออิสระภาพของเรา เมื่อเรากำลังแช่อยู่ในน้ำเราจะได้รับการล้างบาป โดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ (โรม 6:4)
รม. 6:4 เพราะฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระบิดาทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายโดยพระสิริของพระองค์แล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน
วิญญาณ น้ำ และเลือด มีสามองค์ประกอบในเหตุการณ์นี้ (1 ยอห์น 5:8)
1ยน. 5:8 คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามอย่างนี้สอดคล้องกัน
เมื่อทะเลแดงถูกแยกออกอย่างแม่นยำ ในขณะที่โมเสสได้ยกไม้เท้า (ไม้คนเลี้ยงแกะ) ใน อพยพ 14:21-22
อพย. 14:21 โมเสสยื่นมือออกเหนือทะเล และพระยาห์เวห์ก็ทรงบันดาลให้ลมตะวันออกพัดโหมไล่น้ำทะเลตลอดคืน ทำให้ทะเลกลายเป็นดินแห้ง และน้ำแยกออกจากกัน
อพย. 14:22 ชนชาติอิสราเอลก็เดินผ่านกลางทะเลบนดินแห้ง ส่วนน้ำนั้นตั้งเป็นเหมือนกำแพงสำหรับพวกเขาทั้งทางขวาและทางซ้าย
พระยาห์เวห์ได้ทรงแยกทะเลแดงเพื่อให้ คนอิสราเอล สามารถข้ามจากความตาย เพื่อชีวิตจากความเป็นทาส ไปสู่อิสระภาพ ภาษาฮีบรูสำหรับ "แดง" เป็น "cuwph" และมันมีความหมาย ที่จะยุติ , ที่จะตอบสนอง , เพื่อนำไปยังจุดสิ้นสุด
พระยาห์เวห์ ล้างบาปของเจ้าสาวของเขา คืออิสราเอล และเชื้ออียิปต์ได้หมดสิ้นไป (สัญลักษณ์ของความเป็นทาสความบาปและรูปเคารพ) นี้เกิดขึ้นในวันที่ 18 ของอาบีบ ซึ่งเป็นวันที่ 3 หลังจากที่พวกเขาออกจากอียิปต์ (กันดารวิถี 33:3-8)
กดว. 33:3 เขาทั้งหลายออกเดินทางจากราเมเสสในเดือนแรก คือในวันที่สิบห้าของเดือนแรกนั้น หลังวันปัสกาหนึ่งวัน คนอิสราเอลออกมาอย่างอาจหาญต่อหน้าต่อตาชาวอียิปต์ทั้งหมด
กดว. 33:4 เวลานั้นชาวอียิปต์กำลังฝังศพบรรดาบุตรหัวปีของตน ซึ่งถูกพระยาห์เวห์ทรงประหารท่ามกลางพวกเขา พระยาห์เวห์ทรงลงโทษพวกเทพเจ้าของเขาทั้งหลายด้วย
กดว. 33:5 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงออกเดินทางจากราเมเสส แล้วมาตั้งค่ายพักที่สุคคท
กดว. 33:6 และออกเดินทางจากสุคคท แล้วมาตั้งค่ายพักที่เอธามซึ่งอยู่ชายแดนถิ่นทุรกันดาร
กดว. 33:7 และเขาทั้งหลายออกเดินทางจากเอธาม แต่กลับไปยังปิหะหิโรทที่อยู่ทางทิศตะวันออกของบาอัลเซโฟน แล้วมาตั้งค่ายพักที่หน้ามิกดล
กดว. 33:8 และเขาทั้งหลายออกเดินทางจากหน้าปิหะหิโรท และเดินฝ่ากลางทะเลเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และเดินตามทางในถิ่นทุรกันดารเอธามเป็นเวลาสามวัน แล้วมาตั้งค่ายพักที่มาราห์
มีความสัมพันธ์กับพระเยซู พระเมสสิยาห์ การคงอยู่ 3 วัน และสามคืน ในหัวใจของโลก (มัทธิว 12:40)
มธ. 12:40 เพราะว่าโยนาห์อยู่ในท้องปลามหึมาสามวัน สามคืน อย่างไร บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนอย่างนั้น
ม่านในพระวิหารถูกแยก (ฉีกขาด) ในอย่างแม่นยำ พระยาห์เวห์ ตีผู้เลี้ยงแกะและพระเมสสิยาห์ตาย (มัทธิว 26:31) ม่านในวิหารที่แยกมนุษย์จากห้องชั้นใน ในพระวิหารขาดครึ่ง (มัทธิว 27:51, มาระโก 15:35, ลูกา 23:45)
มธ. 27:51 และนี่แน่ะ ม่านในพระวิหารก็ฉีกขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่นดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน
พวกปุโรหิตหลังจากรับคำสั่งในการเข้าถึงพระบิดาในสวรรค์ เพื่อให้เราสามารถมา "อย่างกล้าหาญก่อนพระที่นั่งแห่งพระคุณ" (ฮีบรู 4:6) พระเมสสิยาห์นำมาซึ่งความสิ้นสุดของความบาป
ยาชูวาห์ (พระเยซู) ได้แช่เจ้าสาวของพระองค์ "เพื่อจะทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์จากความบาปโดยการชำระด้วยน้ำและพระวจนะ" (เอเฟซัส 5:26) นี้ก็ยังคงอยู่ในวันที่ 14 อาบีบ
ความบาปจึงได้ถูกลงโทษใน "ทะเลกก หรือทะเลอ้อ" (ทะเลสีแดง) อย่างที่ชาวอียิปต์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบาปและความเป็นทาส ความสัมพันธ์นี้ไปยังพระเมสสิยาห์ซึ่งถูกโบยตีด้วย "ไม้อ้อ"
ทะเลแดง เป็นสัญลักษณ์ของการเสียสละของพระเมสสิยาห์ มีสององค์ประกอบของพันธสัญญาคือ (เลือด และ น้ำ) คำว่า "แดง" ในภาษาฮีบรูหมายถึง "อ้อ, กก" หรือ "Cuwph" และมันหมายถึงการ ที่จะบริโภค สิ้นสุด ยุติลง , การทำให้สมบูรณ์,การนำมาให้, และการจบ
พระเมสสิยาห์ "มาถึงจุดสิ้นสุด" เพื่อ "กฎหมายของการหย่าร้าง" ซึ่งแยกยิสราเอล จากพันธสัญญาการแต่งงานออกจากกัน สีแดงเป็นสีของเลือด และนี้เป็นสัญลักษณ์ของ "แดง,สีแดง" ทะเล คำว่า "ทะเลสีแดง หรือทะเลแดง" ในภาษาฮีบรูเป็นตัวอักษร "ทะเล กก" หรือ Yam Cuwph
ไม่มีอะไรแยกพันธสัญญาการแต่งงานได้ นอกจากฤทธิ์อำนาจของพระโลหิต เมื่อพระองค์จ่ายและซื้ออิสราเอลด้วยราคาอันสูง
โยนาห์ก็อยู่ในท้องปลาวาฬ สำหรับ "สามวันสามคืน" ใน "ทะเล" ก่อนที่เขาจะถูกนำตัวออกมาจากปลาวาฬและถูกปลดปล่อย
เช่นเดียวกัน อิสราเอล เดินทางผ่าน "ทะเล" หลังจากสามวัน พวกเขาถูกนำออกมาจากอียิปต์และถูกปลดปล่อย
บาปถูกลงโทษด้วย "กก" ในขณะที่ร่างกายของเราเป็น "บาป" พระองค์ถูกตีด้วย "กก หรือ อ้อ" (มัทธิว 27:29-30)
มธ. 27:29 เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมบนพระเศียรของพระองค์ แล้วเอาไม้อ้อมาให้พระองค์ทรงถือไว้ในพระหัตถ์ขวา และคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์พระองค์เยาะเย้ยว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของพวกยิว ขอทรงพระเจริญ”
มธ. 27:30 แล้วก็ถ่มน้ำลายรด และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์
"สัญลักษณ์" ของโยนาห์ในการตรวจสอบว่า ยาชูวาห์ทรงเป็นพระเมสสยาห์ คือ "บุตร มนุษย์จะอยู่ในหัวใจของแผ่นดิน (ท้องแผ่นดิน) สามวันสามคืน" (มัทธิว 12:40)
มธ. 12:40 เพราะว่าโยนาห์อยู่ในท้องปลามหึมาสามวัน สามคืน อย่างไร บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนอย่างนั้น
อิสราเอล ได้หันออกจากอียิปต์ จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ดินแดนที่ทรงสัญญาไว้ (คานาอัน) แต่ก่อนนั้นที่พวกเขาจะลงไปในทะเลแดง "พระวิญญาณ" นำพวกเขาในรูปแบบของเมฆ ในเวลากลางวัน และ เสาเพลิง ในเวลากลางคืน (อพยพ 13:21, กันดารวิถี 33:3) นี่คือวันที่ 15 ของเดือนอาบีบบ เมื่ออิสราเอล เคลื่อนออกจากแผ่นดินอียิปต์
"คืนวันนั้นเป็นคืนของพระยาห์เวห์ที่ทรงเฝ้าดู เพื่อนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และเป็นคืนที่ชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้นถือเป็นที่ระลึกถึงพระยาห์เวห์ตลอดชั่ว ชาติพันธุ์ของพวกเขา" (อพยพ 12:42)
เช่นเดียวกัน พระเมสสิยาห์ได้หันออกจากโลกนี้ (ทรงสิ้นพระชนม์) ปลายทางของพระองค์คือบัลลังก์สวรรค์ พระองค์ทรงเป็น "ผลแรก" เมื่อครั้งแรกที่ทรงลงไปในส่วนที่ต่ำสุดของโลก เพื่อแลกเอาผู้ที่อยู่ในอกของอับราฮัม (ลูกา 16, เอเฟซัส 4)
ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ทรงตั้งพระทัยมั่นที่ (จิตวิญญาณ) ของพระองค์จะไปอยู่ในพระหัตถ์ของพระบิดา (ลูกา 23:46)
ลก. 23:46 พระเยซูทรงร้องเสียงดังตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอฝากจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์
เหตุการณ์นี้เป็นช่วงเวลา 15.00 น. ในวัน 14 ของเดือน อาบีบ และเพียง 3 ชั่วโมง ก่อนวันที่ 15 ของ อาบีบ เมื่อดวงอาทิตย์กำลังตกดิน และจะทรงถูกฝังไว้ที่อุโมงค์ (15 อาบีบ เป็นสะบาโตใหญ่)
นี้เรียกได้ว่า "คืนวันนั้นเป็นคืนของพระยาห์เวห์ที่ทรงเฝ้าดู เพื่อนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และเป็นคืนที่ชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้นถือเป็นที่ระลึกถึงพระยาห์เวห์ตลอดชั่ว ชาติพันธุ์ของพวกเขา" (อพยพ 12:42)
อพย. 12:42 คืนวันนั้นเป็นคืนของพระยาห์เวห์ที่ทรงเฝ้าดู เพื่อนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และเป็นคืนที่ชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้นถือเป็นที่ระลึกถึงพระยาห์เวห์ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเขา
พระเมสสิยาห์ถูกฝังอยู่ในคืนวันครบรอบเดียวกันของ อิสราเอล เมื่อพวกเขาออกจากอียิปต์ และชาวอียิปต์ถูกฝังอยู่ในที่ตายของพวกเขา
(พระเยซูอยู่ในอุโมงค์ 3 วัน 3 คืน ตรงกับเหตุการณ์ ที่อิสราเอลออกจากอียิปต์มาได้ 3 วันและกองทัพอียิปต์ถูกฝังในท้องทะเลแดงวันที่ 3 ที่อิสราเอล อพยพ ออกมา)
แต่ก่อนนั้นที่พวกเขาจะลงไปในทะเลแดง "พระวิญญาณ" นำพวกเขาในรูปแบบของเมฆ ในเวลากลางวัน และ เสาเพลิง ในเวลากลางคืน (อพยพ 13:21, กันดารวิถี 33:3) นี่คือวันที่ 15 ของเดือนอาบีบบ เมื่อยิสราเอล เคลื่อนออกจากแผ่นดินอียิปต์ (อพยพ 12:42)
12 ชาวอียิปต์ถูกฝังอยู่ใน "ทะเลแดง" คำภาษาฮีบรูสำหรัง "สีแดง" เป็น cuwph หมายความว่า "ที่จะบริโภค,กิน" เช่นเดียวกับ วัวสีแดงที่จะถูกกิน
ชาวอียิปต์ที่ถูกฝังอยู่ในทะเลแดงในวันที่ 18 อาบีบ (สามวันหลังจากที่พวกเขาออกจากอียิปต์) ตามที่ กันดารวิถี 33:3-8
กดว. 33:3 เขาทั้งหลายออกเดินทางจากราเมเสสในเดือนแรก คือในวันที่สิบห้าของเดือนแรกนั้น หลังวันปัสกาหนึ่งวัน คนอิสราเอลออกมาอย่างอาจหาญต่อหน้าต่อตาชาวอียิปต์ทั้งหมด
(วันที่ 15 ของเดือนแรก คือ 15 อาบีบ หรือ นิสาน ในช่วง รุ่งเช้า) ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง
กดว. 33:4 เวลานั้นชาวอียิปต์กำลังฝังศพบรรดาบุตรหัวปีของตน ซึ่งถูกพระยาห์เวห์ทรงประหารท่ามกลางพวกเขา พระยาห์เวห์ทรงลงโทษพวกเทพเจ้าของเขาทั้งหลายด้วย
กดว. 33:5 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงออกเดินทางจากราเมเสส แล้วมาตั้งค่ายพักที่สุคคท
กดว. 33:6 และออกเดินทางจากสุคคท แล้วมาตั้งค่ายพักที่เอธามซึ่งอยู่ชายแดนถิ่นทุรกันดาร
กดว. 33:7 และเขาทั้งหลายออกเดินทางจากเอธาม แต่กลับไปยังปิหะหิโรทที่อยู่ทางทิศตะวันออกของบาอัลเซโฟน แล้วมาตั้งค่ายพักที่หน้ามิกดล
กดว. 33:8 และเขาทั้งหลายออกเดินทางจากหน้าปิหะหิโรท และเดินฝ่ากลางทะเลเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และเดินตามทางในถิ่นทุรกันดารเอธามเป็นเวลาสามวัน แล้วมาตั้งค่ายพักที่มาราห์
พระเมสสิยาห์ถูกฝังเป็นวัวสีแดงที่เสียสละ ในหลุมฝังศพใหม่ที่ยังไม่เคยได้ใช้ (ยอห์น 19:38-41)
ยน. 19:38 หลังจากนั้น โยเซฟจากอาริมาเธียซึ่งเป็นสาวกลับๆ ของพระเยซูเนื่องจากกลัวพวกยิว ก็มาขอพระศพพระเยซูจากปีลาต และปีลาตก็อนุญาต โยเซฟจึงมาอัญเชิญพระศพของพระองค์ไป
ยน. 19:39 นิโคเดมัสคนที่ตอนแรกเคยไปหาพระองค์ในเวลากลางคืนนั้นก็มา เขานำเครื่องหอมผสมคือมดยอบกับกฤษณาหนักประมาณสามสิบกิโลกรัมมาด้วย
ยน. 19:40 เขาทั้งสองอันเชิญพระศพพระเยซูมา แล้วเอาผ้าป่านกับเครื่องหอมพันพระศพนั้นตามธรรมเนียมฝังศพของพวกยิว
ยน. 19:41 ในบริเวณที่พระองค์ถูกตรึงนั้นมีสวนแห่งหนึ่ง ในสวนนั้นมีอุโมงค์ฝังศพใหม่ที่ยังไม่ได้ฝังศพใครเลย
วัวแดงมีการบริโภคอย่างสมบูรณ์ กันดารวิถี 19:9 กล่าวว่า ขี้เถ้าของวัวสีแดงต้องอยู่ถูกนำไปไว้ในสถานที่ที่สะอาด
ศพของพระองค์ถูกนำไปที่ฝังศพ คืออุโมงค์ฝังศพขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกลงในวันที่ 14 ของเดือน อาบีบ ก่อนวันที่ 15 ของอาบีบ
ชาวอียิปต์ได้ทำการฝังศพบรรดาบุตรหัวปีของพวกเขาในวันที่ 15 ของอาบีบ (กันดารวิถี 33:4)
อิสราเอล ได้เดินทาง (การเดินทางสามวัน) สู่ทะเลแดง และมีฟาโรห์ติดตาม และทหารอียิปต์ได้ถูกฝังที่ทะเลแดงใน 17 อาบีบ เรียกว่า "firstfruits" หรือ "ผลแรก" นี้เป็นตัวแทนของการฟื้นคืนพระชนม์เพื่อ อิสราเอล เพราะพวกเขาได้ "ข้าม" จากความตายเพื่อชีวิต จากการเป็นทาสไปสู่อิสระภาพ
พระยาห์เวห์ ทรงมีชัยชนะ "ชัยชนะ" เพื่ออิสราเอล ต่อกองทัพของอียิปต์ที่นำโดยฟาโรห์ "ความตายถูกกลืนด้วยชัยชนะ" มิเรียมได้เต้นรำกับบรรดาผู้หญิง อิสราเอล พวกเขาร้องเพลง "พระยาห์เวห์ ทรงมีชัยชนะอย่างใหญ่หลวง"
อพย. 15:21 มิเรียมจึงร้องตอบพวกเขาว่า “จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์เถิดเพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง พระองค์ทรงกวาดม้าและพลม้าลงในทะเล”
13 พระเมสสิยาห์ถูกฝังอยู่ "สามวันสามคืนในหัวใจของโลก หรือในท้องของแผ่นดิน" (มัทธิว 12:40)
มธ. 12:40 เพราะว่าโยนาห์อยู่ในท้องปลามหึมาสามวัน สามคืน อย่างไร บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนอย่างนั้น
พระองค์ ถูกฝังก่อนวันที่ 15 ของอาบีบและฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 17 อาบีบ ซึ่งปุโรหิตในพระวิหาร โบก "ผลแรก" ของมัดข้าวบาร์เลย์ ในช่วงเวลาวิหารที่สอง ( 2nd Temple period) ปุโรหิตมัดฟ่อนข้าวมัดแรกในตอนท้ายของวันชับบาท (สะบาโต) ที่ดวงอาทิตย์ตกดิน (ที่เราเรียกว่าวันเสาร์) (เลวีนิติ 23:5-11)
ลนต. 23:5 ในเวลาเย็นวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่งเป็นวันเทศกาลปัสกาของพระยาห์เวห์
: หมายถึง เย็นคือ 13 เดือนอาบีบบ เมื่อถึง 18.00 ดวงอาทิตย์ตกดิน เข้าสู่ 14 อาบีบ เป็นปัสกา
ลนต. 23:6 และในวันที่สิบห้าเดือนเดียวกัน เป็นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อถวายแด่พระยาห์เวห์ ให้พวกเจ้ารับประทานขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวัน
: ผ่านไป 1 วัน เช่นเดียวกัน เมื่อถึง 15 อาบีบ เป็นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ และในพันธสัญญาใหม่ คือสะบาโตใหญ่ที่เป็นวันหยุดอีกด้วย
ลนต. 23:7 ในวันแรกจงมีการประชุมบริสุทธิ์ ห้ามทำงานประจำ (15 อาบีบ สะบาโต หรือ ชับบาท)
ลนต. 23:8 แต่เจ้าจงถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระยาห์เวห์ให้ครบเจ็ดวัน ในวันที่เจ็ดเป็นวันประชุมบริสุทธิ์ ห้ามทำงานประจำใดๆ ”
ลนต. 23:9 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า
ลนต. 23:10 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้ามาถึงแผ่นดินซึ่งเราให้เจ้า และเกี่ยวพืชผลของแผ่นดินนั้น พวกเจ้าจงเอาพืชผลส่วนหนึ่งที่เก็บเกี่ยวในรุ่นแรกนำไปให้ปุโรหิต
ลนต. 23:11 และปุโรหิตจะนำพืชผลส่วนนั้น ทำพิธีโบกถวายแด่พระยาห์เวห์ เพื่อพวกเจ้าจะเป็นที่โปรดปราน ในวันรุ่งขึ้นหลังวันสะบาโตปุโรหิตจะทำพิธีโบกถวาย
ถูก เรียกว่า “Habdalah” ในภาษาฮีบรู มีความหมายว่า "การแยกออก หรือ exiting the Sabbath" การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์หมายความว่า "ความตายถูกกลืนไปด้วยชัยชนะ" (1 โครินธ์ 15:54)
1คร. 15:54 เมื่อสิ่งที่เสื่อมสลายได้นี้สวมด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายไม่ได้และสภาพที่ต้อง ตายนี้สวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อนั้นพระวจนะที่เขียนไว้จะสำเร็จว่า “ความตายก็ถูกกลืนเข้าในชัยชนะแล้ว
โมเสส ได้รับคำปรึกษาจากพระยาห์เวห์ และสนทนาอย่างสนิทสนมในภูเขาซีนายสำหรับ "สี่สิบวันสี่สิบคืน" และเขาได้รับพระบัญญัติอยู่ในแผ่นหิน เป็นข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร การแต่งงานระหว่าง พระยาห์เวห์ และ อิสราเอล เรียกว่า (ketuwbah) อพยพ 24:18
อพย. 24:18 โมเสสเข้าไปในหมู่เมฆนั้นและขึ้นไปบนภูเขา โมเสสอยู่บนภูเขานั้นสี่สิบวันสี่สิบคืน
คำว่าหมั้นหมาย จนถึงแต่งงาน มีนัยยะสำคัญมากมายในบริบท พระเจ้ารักเรามากมาย การแต่งงานนั้น หมายถึง ภรรยาจะได้มรดก สิทธิ การค้ำประกันโดยสามี และอีกมากมาย
เช่นเดียวกัน ยาชูวาห์ (พระเยซู) ทรงดำเนินและสนทนาอย่างสนิทสนม กับเหล่าสาวกของพระองค์สำหรับ "สี่สิบวัน" หลังจากทรงฟื้นจากความตาย และทรงสอนพวกเขาถึงโทราห์ของโมเสส พวกเขาได้รับการเรียนการสอนว่า โทราห์ (กฎหมายโมเสส) ตอนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการ "รื้อฟื้นเริ่มใหม่,ต่ออายุ" แต่งงานที่ทรงทำพันธสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรในหัวใจของพวกเขาใน วันของชาวูโอต day of Shabuwoth (Pentecost)
กิจการ 1:3, เยเรมีย์ 31:33, ฮีบรู 8:10, 10:16
กจ. 1:3 เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระองค์กับพวกเขาด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงกล่าวถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
ยรม. 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา
ฮบ. 8:10 นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับชนชาติอิสราเอล ภายหลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในดวงใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
ฮบ. 10:16 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลาย หลังจากสมัยนั้น เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในจิตใจของพวกเขา”
พระวจนะที่บันทึกว่า พระเยซูสิ้นพระชนม์วันศุกร์ (ศุกร์ประเสริฐ) และฟื้นคืนพระชนม์ในวันอาทิตย์ รุ่งเช้า จึงนับอย่างไรก็ไม่ถึงสามวัน แม้จะใช้ทฤษฎีการนับ ไม่เต็มวัน ให้เต็มวันก็ตาม เพราะคำพยากรณ์ โยนาห์อยู่ในท้องปลา 3 วัน 3 คืน เช่นเดียวกัน พระเยซูจะฟื้นขึ้นมาต่อเมื่อ 3 วัน 3 คืน เช่นเดียวกัน
ลก. 24:1 ตั้งแต่เช้ามืดของวันอาทิตย์ พวกผู้หญิงก็นำเครื่องหอมที่จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์
พระวจนะตอนนี้ถูกยกมาว่าพระเยซู ทรงฟื้นคืนพระชนม์ในเช้าวันอาทิตย์ แต่แท้ที่จริง ตามพระวจนะ ตามโทราห์ หรือแม้แต่คำพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์ พระองค์จะสิ้นพระชนม์ใน 14 นิสาน และ ฟื้นขึ้นมาในวันที่ 17 นิสาน
เช้ามืดวันอาทิตย์ ภาษาเดิมคือเช้ามืดวันเสาร์ (ชับบาท) พวกผู้หญิงก็นำเครื่องหอมที่จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์
ลก. 24:2 พวกนางพบว่าก้อนหินกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว
ลก. 24:3 และเมื่อเข้าไปหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า
แสดงว่าพระเยซูทรงฟื้นไปก่อนหน้านั้นแล้ว และอาจจะไม่ใช่เช้าวันอาทิตย์ เหมือนที่เราฉลองอีสเตอร์กัน
ชาโลม
ขอพระยาห์เวห์อวยพรท่าน
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น