แอนตี้ไวรัส จากพระเจ้า
ถ้าใครเล่นคอมพิวเตอร์ หรือ เคยได้ยินลูกหลานบ่นไหมว่า
ไวรัสเข้าเครื่อง เครืองค้างบ้าง
ต้องลงโปรแกรมใหม่บ้าง เราเคยสงสัยไหม ว่าไวรัส มันหน้า ตา เป็น
ยังไงน๊า
เมื่อเราเล่นคอมพิวเตอร์ หรือเล่นอินเตอร์เน็ต หรือเอาอุปกรณ์จากเครื่องอื่นมาเสียบ
กับคอมพิวเตอร์เรา ก็มีโอกาส ติดไวรัสได้ และไวรัสก็จะ
แพร่กระจายในคอมพิวเตอร์
เหมือนติดไข้หวัด จนมีอาการเพี๊ยนไป จนต้องลงโปรแกรมใหม่ล่ะครับ
แต่ มันก็มีทางออกทางแก้ไขโดยการ ลงโปรแกรม แอนตี้ไวรัส
ที่จะช่วยเป็นตัวป้องกัน
หรือแม้แต่ติดแล้ว หลุดรอดเข้าไปได้ มันก็จะ สแกนตรวจสอบ
ทุกวอกทุกมุมของคอมพิวเตอร์
เมื่อเจอก็จัดการและฆ่าเสีย
ชีวิตเราเอง แน่นอนครับไม่ต่าง ตรงที่ว่า
ซาตานเองจ้องเล่นงานเราทุกเวลา เผลอเป็นไม่ได้
เราต้องสำรวจดูว่า เรามีแอนตี้ไวรัสที่สมบูรณ์มากแค่ไหน
รากศัพท์หนึ่งของ ซาตาน มาจากคำว่า ศัตรู หรือผู้ขัดขวาง
เราต้องไม่เปิดโอกาสให้ซาตานแม้แต่วินาทีเดียว ด้วยความมั่นคงของเรา
เราต้องไม่ใจอ่อน ไม่อ่อนข้อ ในการให้พื้นที่ซาตานเข้ามา แพร่ไวรัส
เราจึงต้องใช้พระวจนะ รวมไปถึง บัญญัติของพระเจ้า “โทราห์” ในการสแกนหาสิ่งแปลกปลอมอยู่เสมอ
ซาตานเป็นพวกฉวยโอกาสเพราะนั่นหมายถึงมันจะขี้โกงและยึดพื้นที่
ไม่ใช่การยึดพื้นที่ทั้งหมดในครั้งเดียวซึ่งนั่นเราก็จะรู้ทัน
แต่มันจะค่อยๆยึดทีละนิด เอานิดเอาหน่อยจนในที่สุดเราเองซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเราก็จะไม่มีที่ยืน
ให้เป็นสนามรบ การเปิดโอกาสให้กับซาตานนั้นคือการเปิดรับเอาสิ่งต่างๆความคิดต่างๆที่ดูไร้
สาระ
……
เรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง
เมื่ออาจารย์ให้นักเรียนพระคริสตธรรมทำข้อสอบโดยเขียน
เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า และเรื่องมารซาตาน
โดยนักเรียนคนหนึ่ง
ตั้งหน้าตั้งตาเขียนเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์จนเวลาในการทำข้าสอบหมด
อาจารย์จึงถามว่า ทำไมไม่เขียนเรื่อง ซาตาน นักเรียนจึงตอบ อาจารย์ว่า
ผมเขียนนะครับ อาจารย์จึงถามว่า เขียนตรงไหน
นักเรียนจึงชี้ให้อาจารย์ดูบรรทัดสุดท้าย
ข้อความที่ว่า “ผมไม่มีที่ว่างและเวลาให้มารซาตานครับ”
เราเห็นอะไรครับ แน่นอน เขาไม่มีคะแนนแน่นอน แต่ที่แน่ๆเราเห็นว่า
หนทางเดียวที่เราจะต่อต้านซาตานได้ก็คือ พระวจนะที่เติมเต็ม
จนไม่มีที่ว่างให้ซาตาน
ซาตานมักโจมตีเราทั้งหลายที่ความคิดเสมอ
และเราเองก็บ่อยครั้งที่พ่ายแพ้เสมอ
เมื่อเรามีจุดอ่อน พระเจ้าก็ประทานสิ่งปกป้องให้กับเรา เพื่ออุดรูรั่ว
และตรวจสอบชีวิต
นั่นคือพระวจนะ และบัญญัติของพระองค์ นั่นเอง
สดุดี 119:15 ข้าพระองค์ใคร่ครวญข้อบังคับของพระองค์
และพิเคราะห์วิถีทางของพระองค์
สดุดี 1:2 แต่พวกเขาปีติยินดีในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
ในฉบับ Hebraic Roots Bible กล่าวว่า แต่ความชื่นชมยินดีของเขาอยู่ใน
โทราห์ (บทบัญญัติ) ของพระยาเวห์เท่านั้น
และเขาใคร่ครวญโทราห์ ทั้งวัน ทั้งคืน
ยิ่งเราใคร่ครวญ เราก็ยิ่งรู้แนวทางที่พระเจ้าจะนำเราไป
พระเจ้าประทาน บทบัญญัติ
เพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นอย่างที่พระองค์ประสงค์ให้เราเป็น
… ที่เราต้องพุดถึงโทราห์ เพราะว่า คนยิวเอง
ในความคิดของพวกเขา โทราห์ถูกอ้างถึง
พระคัมภีร์ ทั้งเล่มด้วย .. ขออ่านพระวจนะในบริบทของราก ฮีบรู
พระวจนะบอกเราว่า พระคัมภีร์ทุกตอน( ทั้งหมด )ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประทุกอย่าง
ไม่ว่าจะสอนเรา ตักเตือนคนของพระองค์ แก้ไขข้อบกพร่อง รวมถึงการฝึกฝน
เพื่อเตรียมคนของพระเจ้า
(2 ทิโมธี 3:16-17)
มัทธิว 5:18 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า
ตราบจนฟ้าและดินสูญสิ้นไป แม้อักษรที่เล็กที่สุด สักตัวหนึ่งหรือขีดๆหนึ่ง
ก็จะไม่มีทางสูญหายไปจากโทราห์ จนกว่าทุกสิ่งจะสำเร็จเป็นจริง
ดังนั้นผู้ใดสะดุด คำสั่ง หนึ่งคำสั่งใด
หรือข้อความใดในโทราห์ก็มีความผิด
ยากอบ 2:10 เพราะผู้ใดทำตาม โทราห์ทั้งหมด แต่พลาดไปจุดเดียวก็มีความผิด
เท่ากับละเมิดบัญญัติทั้งหมด
โรม 7:7 บอกเราว่า บัญญัติไม่ใช่บาป แต่ถ้าไม่มีบทบัญญัติ (Torah) เราก็ไม่รู้ว่าอะไร
คือบาป
หลังจากออกจากอิสราเอล พระเจ้าให้บัญญัติแก่เขาเพื่อเขาจะได้สำรวจ
สิ่งที่มันยังค้างคาและติดออกมา
แต่บาป (มาร) คอยฉวยโอกาสจาก โทราห์
คือบทบัญญัติ ที่จะบิดเบือน และล่อลวงเรา
แต่พระเจ้าให้โทราห์มาเพื่อ เราจะได้เห็นความชั่วร้ายของความบาป ….
แต่คริสเตียนจำนวนมากมาย
ไม่เอาโทราห์ สิ่งนี้คือกระจกเงาที่ดีที่เมื่อเราส่องแล้ว
เราจะสำรวจตัวเองได้
ถ้าใครมีลูก หรือไม่มี เอาเป็นว่าเราลองสังเกตเด็ก เด็กที่ทำความผิด
แต่เขาไม่รู้ว่าอะไรคือผิด แต่พอเราโตมา ถูกสอนจากพ่อแม่
มีกฎมีระเบียบ
รู้แล้วว่าอะไรคือผิด อะไรคือถูก แต่ถ้ายังฝืนทำ บอกอย่า ! แต่ยังทำ
อันนี้เรียกดื้อ แหกกฎ
ก็ต้องรับโทษไป
เช่นกฎของโรงเรียน การทะเลาะ เสียงดังในห้อง การขโมย พูดจาหยาบคาย
เขาทำโดยติดนินสัยมาจากที่อื่น
หรือข้างบ้าน แต่เมื่อเข้าโรงเรียน โรงเรียนมี กฎ
ห้ามพุดจาหยาบคายเด็ดขาด เขาก็จะรู้ว่า ถ้าพูดมันผิด
จะทำให้ไม่น่ารักและนิสัยไม่ดี
สุภาษิต 3:1 ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสอนของเรา แต่จงรักษาคำบัญชา ของเราไว้ในใจเจ้า
สดุดี 19:7 โทราห์ของพระเจ้าสมบูรณ์ ไร้ที่ติ ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
กฎเกณฑ์ของพระเจ้าเชื่อถือได้ ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
มนุษย์มุกคน ได้ชื่อว่ารู้น้อย ปัญญาในที่นี้ไม่ใช่ ไอคิว
ที่ดีเลิศกว่าคนทั่วไป แต่เป็นสติปัญญาจากพระเจ้า
… คนยิวเชื่อว่า บัญญัติมีค่ามากกว่าเงินและทอง
สดุดี 119:72 ย้ำว่า โทราห์เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ แต่ถ้าไม่ได้เลือกฝ่ายวิญญาณ
ก็เท่ากับถูกขายเป็นทาสบาป
จิตวิญญาณของโทราห์ คือความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ และมีจุดมุ่งหมายคือการไถ่ถอน
เขาทั้งหลายจากการเป็นทาส
ยอห์น 14:15 "ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา
1 ยอห์น 5:3 เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า
คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ
ยากอบ 1:25 ส่วนที่พินิจดูบทบัญญัติ อันสมบูรณ์ซึ่งให้เสรีภาพ
และทำสิ่งนี้
ต่อไป โดยไม่ลืมสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ปฏิบัติตาม
เขาก็ได้รับพระพรในสิ่งที่เขาทำ
พี่น้องที่รัก อย่ามีมุมมอง หรือให้ความคิดใดมาบิดเบือน
ความหมาย โทราห์ นี้ ว่ายากเกินไปเกินมนุษย์
หนุนใจด้วย สดุดี 40:8 ข้าพระองค์ปรารถนาจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์
บทบัญญัติของพระองค์อยู่ในดวงใจข้าพระองค์
พระเจ้าเขียน สิ่งนี้ในหัวใจของเรา เมื่อเราทั้งหลาย
ใคร่ครวญและไม่ลังเลที่จะรับเอา
เยเรมีย์ 31:33 แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับประชาอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น
พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาทั้งหลาย
และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา
พระวจนะไม่มีตอนไหนบันทึกว่า ให้อ่านพระคัมภีร์เดิมเป็นความรู้
หรือประวัติศาสตร์
การอ่านพระวจนะเป็นประวัติศาสตร์ไม่ต่างกับการอ่าน วรรณกรรม อ่านรามเกียรติ์ หรือ สุนทรภู่
ตัวละครเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง คริสเตียนหลายคนไม่เอาพระคัมภีร์เดิม ในแง่ของการเชื่อฟัง
ก็ไม่ต่างจากอ่านพระวจนะเป็นประวัติศาสตร์
ยอห์น 4:34 พระเยซูยังตรัสเลยว่า อาหารของเราคือ
ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
แต่บางครั้งเราเองไม่ให้ความสำคัญกับพระวจนะ คือให้พระวจนะเป็นชีวิต
เราต้องไม่ให้พระวจนะเป็นเพียงเสื้อผ้าที่สวยงาม ประดับเราให้ดูดี
แต่พระวจนะคืออาหารแห่งชีวิต ที่มีวิตามิน ที่จะบำรุงสมองของเรา
เราเองไม่ใช่ ฟาริสี ที่ ท่องเก่ง จำเก่ง รู้หมดเป็น อับดุน ถามได้ตอบได้
แต่ไม่ได้เชื่อในพระวจนะ คือแค่เปลือกนอก แบบนี้ก็ไม่มีความหมาย
พระวจนะไม่ใช่บทละคร ที่ท่องจำเป็นบทบาทให้ดูดี แต่พระวจนะ
คือชีวิตที่เรารักที่จะกินเข้าไปให้เป็นหนึ่งเดียว
แซกแทรงไปทุกตารางนิ้ว
พระวจนะ บทบัญญัติของพระองค์คือชีวิตจริงที่ต้องอยู่ในเรา
และสะท้อนออกมา
พระวจนะตอนนี้จึงได้แจ้งให้เราเข้าใจว่า
เราควรใช้เวลาคิดถึงสิ่งใดบ้าง..??
จงใคร่ครวญว่า สงกรานต์จะไปเล่นสาดน้ำที่ไหนดี จะไปเที่ยวที่ไหนดี
ใคร่ครวญว่า ตอนต่อไปพระเอกหรือนางเอกจะตาย แต่ความจริงฉันว่า
ตัวอิจฉา มันบ้า มันน่าจะตายก่อน
เมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้น๊า ตอนจบแล้ว … ใช่ไหม นี่คือสิ่งที่เราใคร่ครวญ
หรือ ?
แต่เราเอง ต้อง ใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า ภาวนาข้อบังคับของพระองค์
บัญญัติของพระองค์ โดยไม่เลือกว่าพระคัมภีร์ ใหม่ หรือเดิม
เพราะว่า เราจะพบวิถีทางของพระเจ้า ใน โทราห์ เท่านั้น
เพื่อเราจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกริมธารน้ำ และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
และเราจะประสบผลสำเร็จ
ยิ่งเราใช้เวลามากเท่าใดกับพระวจนะ
เราก็จะเก็บเกี่ยวผลที่มากตามไปด้วย
และนี่จะเปรียบเหมือน แอนตี้ไวรัส
ที่คอยหมั่นตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามา
ซาตานเองรู้ข้อนี้ดี ศัตรูเองก็เข้าใจถึงยุทธศาสตร์นี้
ฉะนั้นมันจึงมุ่งโจมตีเรา ที่ความคิด
ความคิดจึงกลายเป็นสนามรบ แต่เราอยากอยู่ฝ่ายไหน ชนะ หรือแพ้
เมื่อเรามีพระวจนะ เราก็เป็นนักรบที่ติดอาวุธ หลายครั้งเราไม่ให้ความสำคัญกับพระวจนะ
มาคริสตจักร พระวจนะกลายเป็นภาระ และเป็นสิ่งที่รองลงไปที่เราจะคิดถึง
เราทุ่มเทรับใช้
แต่เราไม่ได้อุทิศตัวเพื่อพระวจนะเป็นส่วนสำคัญในชีวิต
เอเฟซัส 6:11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
เอเฟซัส 6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
เอเฟซัส 6:13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้
เอเฟซัส 6:14 เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก
เอเฟซัส 6:15 และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า
เอเฟซัส 6:16 และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย
เอเฟซัส 6:17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า
เอเฟซัส 6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
เอเฟซัส 6:13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้
เอเฟซัส 6:14 เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก
เอเฟซัส 6:15 และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า
เอเฟซัส 6:16 และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย
เอเฟซัส 6:17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า
พระวจนะของพระเจ้าทั้งเล่มเป็นหนึ่งเดียวและแยกจากกันไม่ได้เลย
พระแสงดาบจะเป็นพระแสงดาบได้เช่นไร ถ้ายังถูกแยกออกจากกัน
ไม่ต่างจากมีดปอกผลไม้เลย
เราต้องภาวนาพระคำของพระเจ้า ภาวนาในภาษากรีกคือ
การเอาใจใส่ เข้ามาใกล้ ฝึกฝน หรือการรำพึง และอีกคำยังหมายถึง
การเคี้ยวเอื้องด้วย ผมเคยยกตัวอย่าง วัวที่กินหญ้าและเคี้ยวอย่างช้าๆ
คายออกมา และกินซ้ำเข้าไปอีก เพราะว่ามันจะได้ประโยชน์และคุณค่าสูงสุด
ต่อน้ำนมที่จะมีสารอาหารทีมากมาย
โยชูวา 1:8 อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า
จงใคร่ครวญทั้งกลางวันและกลางคืน
เพื่อเจ้าจะปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้อย่างเคร่งครัด
แล้วเจ้าจะประสบความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง
“ เพื่อโทราห์นี้จะไม่ออกห่างจากปากเจ้า
แต่จงจดจ่อใคร่ครวญเพ่งที่พระวจนะ ตามวันและตามคืน เพื่อเราจะระวังในการ ทำตามทุกสิ่ง
ที่ถูกเขียนอยู่ในนั้น แล้วเจ้าจะประสบผลสำเร็จ ”
หลายคนอาจจะคิดว่า การประสบความสำเร็จ
มาจากสติปัญญาอันซับซ้อนของตัวเอง
ฉันฉลาด ฉันแน่ล่ะ จบปริญญาเอก หรือด๊อกเตอร์อะไรก็ว่ากันไป
หรือมาจากอำนาจ อิทธิพล
สำหรับพระเจ้ามัน ไร้ค่า ….
แต่สิ่งที่พระเจ้าสอน โยชูวานั้น ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
1. จงเข้มแข็งและกล้าหาญ
2. เชื่อฟัง โทราห์ของพระเจ้า
3. ศึกษา โทราห์ของพระเจ้า แล้วเจ้าจะประสบผลสำเร็จ
ความสำเร็จคือการทำตาม โทราห์ ของพระเจ้า
ทำไมถึงต้อง ภาวนาทั้งวันทั้งคืน พระเจ้าไม่เอาเวลาของเรามากไปหรือ
เพราะซาตานดุจสิงห์ที่จ้องคอยหาโอกาสและพื้นที่ๆจะเล่นงานเรา
สนามรบเราเป็นความคิดยังไงล่ะ .. เราคิดๆๆ
ทุกเรื่องที่เข้ามาในสมอง
การภาวนาไม่ได้หมายถึงขับรถไปอ่านพระวจนะไป
แต่เราสามารถนำพระวจนะมาใช้ได้ในทุกๆสถานการณ์
เช่นถ้ามีคนขับรถปาดหน้าเรา เราจะสะท้อนสิ่งใดออกมา คำด่าที่หยาบคาย
หรือการอวยพรเขาคนนั้น อธิษฐานเผื่อเขาคนนั้น
ซาตานใส่ความคิดเหล่านั้นได้และนั่นคือคำมุสา เมื่อเราเสียเวลาคิด
เราก็เสียเวลาที่จะจดจ่อที่พระวจนะ และเราก็โดนมันควบคุม
เอเฟซัส 2:3 ครั้งหนึ่งเราเคยใช้ชีวิตร่วมกับพวกนั้น
บำเรอตัณหาแห่งวิสัยบาปของเรา
สนองความอยากกับความคิดของมันตามวิสัย
เราจึงควรแก่พระพิโรธเหมือนคนอื่น
เปาโลกำลังเตือนเราว่า เราไม่ต้องถูกควบคุม โดยตัณหาอีกต่อไป
ไม่ต้องใฝ่ต่ำอีกต่อไป
เพราะเรารู้จักวิธีควบคุม ถามตัวเองเสมอว่า เรากำลังคิดอะไร?
เราได้เรียนรู้แล้วว่า เราเองอาจจะโดน ว่าเอาลับหลังว่า
พวกเรามันเพี๊ยน มันบ้า และหลายคนออกไป
พระเยซูเองพระองค์ก็ศึกษา โทราห์ และสอนด้วย บัญญัติข้อใหญ่สองข้า
ก็มาจาก พันธสัญญาเดิม
1. เฉลยธรรมบัญญัติ 6:5 พวกท่านจงรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังของท่าน
2. เลวีนิติ 19:18 เจ้าอย่าแก้แค้นหรือผูกพยาบาทลูกหลานญาติพี่น้องของเจ้า
แต่เจ้าจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือพระเจ้า
เพราะรับไม่ได้กับ การไปสู่เทศกาลบ้าง บทบัญญัติในโทราห์บ้าง
พระเยซูมาทำให้สมบูรณ์แล้วนี่ พระองค์มาและนั่นคือจุดจบของธรรมบัญญัติ
เมื่อเราเชื่อในพระเยซูแล้ว
เราไม่จำเป็นต้องกระทำตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์เดิมอีกต่อไป
ผู้เชื่อชาวยิวมองว่าพระคริสต์คือ
พระเมสิยาห์ที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า
จะเป็นผู้มาทำให้ธรรมบัญญัตินั้น
สมบูรณ์แบบ พระเยซูไม่ได้มาทำ
ให้กฎบัญญัตินั้นเป็นโมฆะไปแต่มาทำให้มันสมบูรณ์
เพราะทุกอย่าง
โรม 10:4
พระเมสสิยาห์ทรงเป็นเป้าประสงค์ ของ โทราห์ เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความชอบธรรม
(พระองค์คือกุญแจ)
มัทธิว 5:17-18 พระเยซูไม่ได้มาเพื่อลบล้าง
โทราห์ แต่ตอบสนองให้สมบูรณ์ทุกประการ
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่
แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจาก โทราห์ (พระองค์มาเติมเต็มให้สมบูรณ์)
เมื่อพระองค์มาพระองค์ทรงเป็นแกะปัสกา พระองค์ไม่มีมลทินใดๆเลย
และไม่ผิดบัญญัติใดเลย
1 ยอห์น 3:4 ทุกคนที่ทำบาปย่อมละเมิดบทบัญญัติ
แต่พระองค์มาเพื่อขจัดบาปของเรา และในพระองค์ไม่มีบาป ไม่มีใครอยู่ในพระองค์แล้วยังทำบาปต่อไปได้
ขอพระเจ้าอวยพระพรท่าน
ที่สิ่งเก่าๆจะล่วงไปและกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
เมื่อเราเข้าใจ
สิ่งที่ ซาตานกลัว และมันเองพยายามบิดเบือน เราต้องตอบสนองด้วยการเชื่อฟัง
ใคร่ครวญพระวจนะ
และบทบัญญัติของพระยาเวห์ องค์เจ้าชีวิต
ที่กล่าวไว้ในกฎบัญญัตินั้นเป็นการกล่าวถึงพระเยซู
ดังนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น
ที่ผู้เชื่อจะดำเนินชีวิตแห่งการเชื่อฟังพระคริสต์
โดยกระทำตาม
พระบัญญัติด้วย ทุกอย่างพระคัมภีร์เดิมได้สมบูรณ์ในพระคัมภีร์ใหม่
พระคัมภีร์เดิมเป็นรากฐานของพระคัมภีร์ใหม่
เนื่องจากพระคัมภีร์ใหม่นั้นต่อยอดมาจากพระคัมภีร์เดิม
หัวใจของพระคัมภีร์เดิมคือ การเตรียมทาง
เพื่อพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา
นำมนุษย์คืนดีกับพระเจ้า
หัวใจของพระคัมภีร์ใหม่คือ
พระองค์มาทำทุกอย่างให้สำเร็จ มาเติมเต็มให้สมบูรณ์ พระวจนะทั้งสองจึงแยกจากกันไม่ได้
ทั้งสองคือชีวิต และเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีพระคัมภีร์เดิม
พระคัมภีร์ใหม่ก็ไม่เกิด ไม่มีพระคัมภีร์ใหม่ พระคัมภีร์เดิมก็ไม่สมบูรณ์
เราเองไม่ได้เลือกพระเจ้า
แต่พระเจ้าเลือกเรา และเราเชื่อฟังพระองค์
ยอมจำนนและให้พระองค์
ผู้บริสุทธิ์ครอบครอง
เราไม่ใช่ของโลก
และโลกก็จะเกลียดสิ่งที่ตรงข้ามที่อยู่ในเรา เพราะว่า
โลกนี้ สกปรก
แต่พระเจ้าผู้บริสุทธิ์อยู่ในเรา
เราไม่ได้บริสุทธิ์ด้วยความพยายาม
แต่เรา
บริสุทธิ์ Kadosh โดยเราแยกตัวออกมาจากโลกนี้ เพื่อพระเจ้าโดยเฉพาะ
และเมื่อเราเป็นของพระเจ้าโดยเฉพาะ
ซาตานเองก็ไม่มีสิทธิ์ๆใดในเรา
เพราะเราเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า
ยอห์น 15:19 ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก
แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก เพราะเราได้เลือกท่านออกจากโลก เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่าน
…..แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ
ซาตานก็ได้ทำการบิดเบือนพระวจนะไปมากมาย
คริสตจักรบางคริสตจักร
อ่านพระคัมภีร์เดิม เป็นเพียงประวัติศาสตร์
แต่ไม่ได้เข้าสู่บัญญัติ หรือเทศกาล และคำสั่งที่พระเจ้าบัญชาไว้
.. ยิวที่ไม่เชื่อในพระเยซู คือพระเมสิยาห์นั้น ก็ยังไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกัน
ยุทธวิธีของซาตานคือ
ต้องการบิดเบือน พระวจนะ
และทำให้ผู้เชื่อมีภูมิต้านทานที่ไม่ครบถ้วน
เลยมีช่องว่างให้
ซาตานเองที่คอยหาช่องโจมตีได้
ดาเนียล 7:25 ซาตานต้องการเปลี่ยนแปลงธรรมบัญญัติ ภาษาเดิมคือ
โทราห์ นั่นเอง
เราเองจึงต้องเชื่อเช่นนี้
พี่น้องเชื่อไหมครับ …. เราต้องมีความเชื่อแบบยิว คือ
ความเชื่อ อีมูน่า
Emunah אֱמוּנָה เป็นมากกว่าคำว่าเชื่อ
ความแน่นมั่นคง, ความจงรักภักดี, อดทน, ความสัตย์ซื่อไว้วางใจความซื่อสัตย์สุจริตและการเชื่อฟัง
ทั้งหมดของความหมายเหล่านี้เป็นคำภาษาฮิบรูเดียวกัน Emunah (ศรัทธา)
เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าตรัส
เชื่อว่า พระคำของพระเจ้าเป็นจริงและมั่นใจในพระวจนะของพระองค์
ทั้งเล่ม เชื่อทั้งเล่ม
อย่าเชื่อในสิ่งที่
ซาตานบิดเบือน และสิ่งที่เรายึดติดมานาน (รากศัพท์กันกับ Aman)
ดังเช่น
อับราฮัม อีมูนา ว่าจะเจ้าจะประทานบุตรให้กับเขา และรอคอย ด้วยความมั่นใจ
เอเฟซัส 4:27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร
พระวจนะตอนนี้ได้เตือนเราว่า จงอย่าให้โอกาสกับซาตาน
พระวจนะตอนนี้ได้เตือนเราว่า จงอย่าให้โอกาสกับซาตาน
เราต้องไม่มีที่ให้ซาตานยืน มันจะยืนที่ไหนเราไม่รู้แต่ต้องไม่ใช่พื้นที่ของเรา
ที่ที่เป็นที่ประทับของพระเจ้าที่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงประทับและ
บริสุทธิ์และสิ่งมลทินและความสกปรกที่มันพยายามป้อนเข้าสู่ความคิด
ของมนุษย์ เพื่อมอมเมามนุษย์ให้เมามาย และเมื่อนั้นมันก็จะจู่โจม
เข้ายึดพื้นที่ มันไม่สามารถเข้ามาได้เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงประทับ
เอเฟซัส 5:18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน
แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ
เปาโลกำลังเปรียบเทียบให้เห็นว่าการเมาเหล้าองุ่นทำให้เกิดความสนุกสนาน
เปาโลกำลังเปรียบเทียบให้เห็นว่าการเมาเหล้าองุ่นทำให้เกิดความสนุกสนาน
และเป็นความสุขจอมปลอมที่ชั่วประเดี๋ยว หลายคนบอกกลุ้มใจและดื่ม
เหล้าเพื่อให้ลืม นั่นแหละคือแผนการที่ให้เราขาดการควบคุมและไม่สามารถดู
และความคิดของตัวเอง ได้ ต่างกับการที่เมาพระวิญญาณหรือเปี่ยมล้นไปด้วย
พระวิญญาณ ซึ่งนำมาซึ่งความยินดี
มันไม่ได้อยู่ที่เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์มากแค่ไหน
มันไม่ได้อยู่ที่เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์มากแค่ไหน
แต่อยู่ที่เรายอมจำนนและยอมให้พระวิญญาณครอบครองเรามากแค่ไหน
ต่างหาก จงน้อมรับการทรงนำจากพระวิญญาณและพึ่งพาพระองค์ทุกเวลา
คุณล่ะกังลังดื่มอะไรและกำลังเมาอะไร
ขอพระเจ้าที่จะครอบครองเราการที่จะให้พระเจ้าครอบครองนั้น
คุณล่ะกังลังดื่มอะไรและกำลังเมาอะไร
ขอพระเจ้าที่จะครอบครองเราการที่จะให้พระเจ้าครอบครองนั้น
อยู่ที่เราเชิญพระองค์เข้ามาและยอมลงจากบัลลังก์ใจของตนเองและ
น้อมนำความคิด ทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับจนถึงรับฟังพระคริสต์
เมื่อเป็นเช่นนั้นคือพระเจ้าได้ครอบครองความคิดและจิตใจของเราแล้ว
พระองค์จะไม่เปิดโอกาสให้กับซาตานอย่างเด็ดขาด และสันติสุขที่แท้จริงจะมาถึงเรา
วันนี้เราเองมีแอนตี้ไวรัสที่สมบูรณ์หรือยัง
ขอให้เราพบความจริงที่ว่า
สดุดี 119:103 พระดำรัสของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริงๆ หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์
สดุดี 119:104 ข้าพระองค์ได้ความเข้าใจโดยข้อบังคับของพระองค์เพราะฉะนั้นข้าพระองค์เกลียดชังวิถีเท็จทุกอย่าง
สดุดี 119:104 ข้าพระองค์ได้ความเข้าใจโดยข้อบังคับของพระองค์เพราะฉะนั้นข้าพระองค์เกลียดชังวิถีเท็จทุกอย่าง
ยากอบ 4:7 ดังนั้นแล้วจงยอมจำนนต่อพระเจ้า
จงต่อสู้กับมารแล้วมันจะหนีท่านไป
บางฉบับแปลว่า
“จงเป็นปฏิปักษ์กับมาร”
ในภาษาเดิมใช้คำว่า
แอนตี้ – ต่อสู้
ตราบใดที่เรายังไม่ยอมรับ
และเป็นกิ่งมะกอกป่าที่ต่อติดเชื่อมเข้ากับต้น คืออิสราเอล
ตราบใดที่เรายังโดนบิดเบือนว่า
ไม่เอายิว ไม่เอาพระคัมภีร์เดิม หรือปฏิเสธ
เท่ากับเราไม่ยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวของพระคัมภีร์ ปฏิเสธพระคริสต์ไปกลายๆ
เพราะพระองค์เองมาทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์
ถ้าเช่นนั้นเราเองจะมีแอนตี้ไวรัสที่สมบูรณ์ได้อย่างไร
เกราะป้องกันจะสมบูรณ์ต่อเมื่อ พระวจนะไม่ถูกแยกจากกันในผู้เชื่อ และยังคงความเป็น เอกภาพ
เอเสเคียล 36:26 เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า
เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า
เอเสเคียล 36:27 และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้าและกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และให้รักษากฎหมายของเราและกระทำตาม
เอเสเคียล 36:27 และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้าและกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และให้รักษากฎหมายของเราและกระทำตาม
สรุป
เราถูกสอนมาตลอดว่า
พระเยซูคือผู้นำเราออกมาจากคำสาปของธรรมบัญญัติ เมื่อเชื่อพระเยซูแล้ว
เราไม่ต้องกลับไปที่พระคัมภีร์เดิมอีกต่อไป จบกันเสียที พระคุณความรัก
เสรีภาพที่ให้เปล่าๆ มาถึงเราแล้ว เหตุนี้จึงเสี่ยงต่อการทำผิดพื้นฐานพระคัมภีร์
แต่จงมีมุมมองแบบผู้เชื่อยิว
เยชูวา ฮามาชียาห์ คือพระเมสิยาห์ ที่มาทำให้ โทราห์ของพระองค์สมบูรณ์
พระองคืเป็นผู้มาเติมเต็ม และทรงเป็นศูนย์กลาง ทุกอย่างที่กล่าวใน โทราห์
ก็กล่าวถึงพระองค์ด้วย
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เชื่อ
จะต้องดำเนินชีวิต แห่งการเชื่อฟังโดย กลับไปที่ ธรรมบัญญัติ (โทราห์) ด้วย
ข้อควรระวังคือ
อย่าทำให้เป็นศาสนา
หรือแบบฟาริสีที่เคร่งครัด แต่ไม่เชื่อ ระวังการถูกหลอกจนบิดเบือน
ให้เรากลับไปอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ อย่ามีความคิดผิดๆว่า ถ้าไม่ทำทุกข้อแล้วจะไม่ได้รับความรอด
อย่าเน้นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ที่พี่น้องจะได้รับประโยชน์จากการแบ่งปันนี้
ขอบคุณพระเจ้า
เยชูวา ฮามาชียาห์ .. อาเมน
Ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น