รับการปรับบุคลิกภาพ ก้าวออกจากถิ่นทุรกันดาร เพื่อส่องสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
บทความ คัดลอกจากคำเทศนา 17 กค 11ถ้าเราพูดถึงบุคลิกภาพนั้น คำว่าบุคลิกภาพ คือ ลักษณะเฉพาะของบุคล
ไม่ได้หมายความว่าต้องใส่สูทผูกเนคไทเท่านั้นนะครับ
และการแสดงออกของพฤติกรรม เป็นลักษณะจำเพาะของบุคคล
การแสดงออก ท่าทาง ท่าที รวมถึงความรู้ สำนึกคิด ความฉลาด
กริยาและมารยาท รวมถึงลักษณะนิสัย รวมไปถึงอุปนิสัยด้วย
บางครั้งก็หมายถึง การยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรมด้วย
ถ้าเราพูดถึงบุคลิกภาพแล้วเราคิดถึงสิ่งใดครับ …การแต่งตัว รูปร่างหน้าตา
แล้วบุคลิกภาพสำคัญไหม สำหรับคริสเตียน ?
ในฐานะผู้เชื่อ เราทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้าฉะนั้นเมื่อเป็นบุตร
เราเป็นลูกไม้ที่อยู่ไกลต้นหรือไม่
บุคลิกภาพนั้นไม่ใช้เพียงสิ่งที่มองเห็นภายนอกเท่านั้น
แต่มันเริ่มต้นที่จะเกิดขึ้นจากภายในด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการพูด การจา บางคนพูดจาโผงผางไม่สุภาพ
กระโชกโฮกฮาก พูดเสียดสี พูดลับหลังนินทา กระแนะกระแหน
พูดเล่นพูดหัวไร้สาระ
พุดไม่เป็นเรื่อง บางคนมีอารมณ์โกรธโมโหที่รุนแรง
ไม่พอใจอะไรก็แสดงออกด้วยอารมณ์และท่าทีที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ
นี่เป็นสิ่งที่แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นตัวตนซึ่งคือบุคลิกภาพของตัวของเขาเอง
บุคลิกภาพ ที่ไม่ได้รับการปรับปรุงก็จะกลายมาเป็นความเคยชินไปเลย
มันไม่ต้องฝึกฝนเพราะมันซึมซับมาแล้วหลายปี
และทำบ่อยๆก็กลายเป็นการฝึกฝนไปในตัวเอง
นี่แหละที่เรียกว่า “วิญญาณแห่งความคุ้นเคย”
ตัวอย่างอิสราเอลใน อียิปต์ ที่เกิดในอียิปต์และเคยชินกับความเป็นอียิปต์
และซึมซับเอาสิ่งนั้นมา รับเอาวัวทองคำเข้ามาเป็นรูปเคารพ
ผมเคยถามหรือเคยคุยกับเพื่อนว่า ทำไมต้องมีนิสัยแบบนี้
คำตอบก็คือ นี่มันตัวข้า ข้าเป็นของข้าแบบนี้ ใครรับได้ก็รับ
ใครรับไม่ได้ก็ช่าง เออ..แบบนี้เราเลยพูดอะไรไม่ออกปิดประเด็นเลย
คนประเภทนี้จะรับฟังแต่ไม่คิดที่จะแก้ไข เพราะความเคยชินที่ดำรงชีวิตมา
ทำให้คิดว่ามันไม่ผิด คริสเตียนบางคนอาจคิดว่า ฉันก็มาโบสถ์
เดินในทางของพระเจ้า มีคำเผยมากมายมาถึงฉัน
นิมิตมากมายผุดขึ้นมาอย่างไม่หยุด แต่ชีวิตไม่เปลี่ยน
ก็เหมือนกับภาชนะที่รั่ว ที่ไม่สามารถรองรับสิ่งใดได้
มันแปลกไหม ถ้าเราบอกว่าเราใกล้พระเจ้าขนาดนั้น
แต่กลับมีบุคลิกไม่ใกล้เคียงกับพระองค์เลย
ถ้าหนึ่งในบุคลิกของบพระเยซูคือความสุภาพ คำพูดของเราเป็นเช่นไร
สุภาษิต [15:1] คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป
แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ
การสนทนาและสามัคคีธรรมอาจจะได้รับคำตอบที่ไม่หวานหูกลับมา
นี่เป็นช่องที่จะให้เราเองโดนโจมตีจากซาตาน
เพราะมันรู้จุดอ่อนในด้านอารมณ์ของเรา
บุคลิกภาพก่อนที่เราจะรู้จักกับพระเจ้าไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา
มันถูกซ่อนอยู่และมันอยู่กับเราแล้วเมื่อซาตานเองเป็นเจ้าโลก
และเราเกิดมาบนโลกใบนี้ เราเองได้ซึมซับเอาบุคลิกภาพของโลก
เราเองได้รับบุคลิกภาพใหม่ตั้งแต่การทรงสร้างของพระเจ้าแล้ว
พระเจ้าใส่ไว้ในเราแล้ว แต่มันถูกกดเอาไว้จากอีกหนึ่งบุคลิก
เมื่อเราเชื่อพระเจ้า นั่นคือกุญแจ …โดยทางพระเยซูคริสต์
เราได้รับกุญแจที่จะไขเข้าสู่บุคลิกภาพที่อยู่ภายในออกมา
ปฐมกาล [1:27] พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
สร้างตามพระฉายาตอนนี้ไม่ได้หมายถึงรูปร่างภายนอกจะเหมือนพระเจ้า แต่หมายถึงพระองค์ได้ระบายลมปราณชีวิตและบุคลิกลักษณะธรรมชาติของพระองค์ เข้าสู่ชีวิตของเรา
การบิดเบือนจากพระฉายา และบิดเบือนออกจากบุคลิกภาพของพระเจ้า
เกิดขึ้นแทบจะทันทีหลังจากการทรงสร้างมนุษย์
เราเองเป็นผงคลีดินที่เป็นก้อนๆ ถ้าเราเคยปั้นอะไรสักอย่างมันอาจจะยากเย็นที่จะปั้นให้สวย
แต่พระเจ้าปั้นเรา และระบายลมปราณเข้าสู่เรา
อ.เปาโล กล่าวว่า เราเองจะเปลี่ยนไปตามพระฉายาของพระเจ้า พระบุตรของพระองค์
ในพระธรรมปัญญาจารย์ที่เขียนโดย ซาโลมอน
ซึ่งมีปัญญามากกว่าคนทั้งปวง
แต่ทำไมซาโลมอนยังดำเนินชีวิตผิดพลาดมากมายหลายอย่าง ?
คำตอบก็คือ เรามีบุคลิกที่พระเจ้าใส่ให้อยู่ภายในแล้วแต่ไม่ได้นำออกมาใช้เลย
เราเองจะถูกเปลี่ยนให้มีลักษณะแบบพระคริสต์
เราเองจะมีลักษณะบุคลิกแบบพระเยซูและสำแดงออก
ด้วยบุคลิกภาพดั่งพระองค์
เมื่อเราลงจากบัลลังก์ใจของเราและให้พระองค์ที่อยู่ภายในเข้าครอบครอง
เอเฟซัส [5:1] เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก
พระเจ้าสร้างมนุษย์มาให้มีความสามารถในการ จดจำ ซึมซับ
และเลียนแบบสิ่งที่เห็นหรือสภาพแวดล้อมที่อยู่ได้
บางครั้งโลกนี้เราเลียนแบบหลายสิ่งหลายอย่าง บางอย่าง
เราเลียนแบบดาราเกาหลี ทรงผมการแต่งตัว บุคลิกภาพ ท่าเต้น ท่าเดิน
บางคนดูละครมากๆ และบางครั้งก็ปลดปล่อยวิญญาณแบบนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว
เพราะเมื่อตอนดู ดูด้วยความอยากและเปิดใจ และเมื่อเปิดใจวิญญาณบางอย่างก็เข้า
ควบคุมครอบครอง เมื่อเจอปัญหา ก็ปลดปล่อยอารมณ์แบบในละคร
เดือนนี้เป็นเดือนที่เราต้องปกป้องดวงตาด้วยนะครับ …เราต้องระวังการมอง
ก่อนนี้ก็ท่าแพลงกิ้ง ที่เขาเรียกท่าแกล้งตาย นอนราบไปกับพื้น เราเลียนแบบ..
พระวจนะตอนนี้หนุนใจเราให้ทำสิ่งที่มีประโยชน์และมีคุณค่ามากกว่านั้นคือ
เลียนแบบพระเจ้า เลียนแบบพระคริสต์
ข้อ 4 บอกไม่ว่าจะเป็นพูดหยาบ พูดลามก สองแง่สองง่าม
พูดเล่นพูดหัว และล้อเลียนปมด้อยคนอื่น
ข้อ 5 บอกว่าคนเช่นนี้คือผู้กราบไหว้รูปเคารพ
เรามีรูปเคารพ หรือวัวทองคำในชีวิตเราหรือไม่
ยอห์น [13:15] เพราะว่าเราได้วางแบบแก่ท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนดังที่เราได้กระทำแก่ท่านด้วย
เมื่อเรามีพระเยซูคริสต์ภายในเรา เราต้องถวายเกียรติพระเจ้าด้วยท่าทีที่ถูกต้อง
วันนี้เราต้องทบทวนว่าเรายังมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่เรายังรับใช้มันอยู่หรือไม่
เป้าหมายในชีวิต หรือการทรงเรียกสูงสุดของเราคือ
ถูกเปลี่ยนให้เป็นไปตามพระฉายาของพระเยซูคริสต์
พระองค์จะไม่หยุดงานของพระองค์
จนกว่าเราทั้งหลายจะได้ยืนอยู่ตรงจุดที่เราสามารถ
เผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆแห่งความยากลำบากได้
เพราะอะไร ? ก็เพราะในยามยากลำบากมันเป็นบท ทดสอบ
และหล่อหลอมเรา มันเป็นถิ่นทุรกันดารที่เราเองจะต้องผ่านไปให้ได้
และท่าทีบุคลิกที่เราตอบสนองต่อสถานการณ์นี่แหละจะเป็นคำตอบ
ของเราว่าตอบผิดหรือตอบถูก เราจะเจอบุคลิก นิสัยที่เป็น วัวทองคำหรือไม่
อุปสรรคต่างๆที่ถามโถมเข้ามา เราต้องรับมือในแบบที่พระเยซูทรงเผชิญ
และจนกว่าเราจะสำแดงชีวิตที่เปี่ยมด้วย ผลของพระวิญญาณ
ที่พระเจ้าทรงใส่ให้เรา
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย สันติสุข
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย ความปลาบปลื้ม
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย ความรัก
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย สันติสุข
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย ความดี
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย ความปราณี
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย การบังคับตน
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย ความอดทน
เราจะมีบุคลิกภาพที่เปี่ยมด้วย ความสุภาพอ่อนน้อม
หลายครั้งที่รูปร่างของเราก็บิดเบี้ยวเพราะสภาพแวดล้อมของโลกที่ไม่เหมาะสม
เมื่อต้องมีการปรับรูปร่างส่วนนั้น มันอาจจะยาก
มันอาจจะมีเสียงร้องออกมาว่า โอว พระเจ้าข้า
ข้าพระองค์ชอบส่วนนั้น ส่วนนี้อย่าเอามันออกไปเลย มันชินแล้ว
ถ้าวันไหนข้าพระองค์ไม่ได้นินทาใคร ข้าพระองค์ตายแน่ๆ
วันไหนไม่ได้ด่าสามีข้าพระองค์ตายแน่ๆ วันไหนไม่ได้บ่นข้าพระองค์ตายแน่ๆ
ข้าพระองค์ไม่อยากเปลี่ยนเลย โอ๊ยพระเจ้า มันเจ็บเหลือเกิน
ที่เราเป็นเช่นนี้ก็เพราะเราโดน “วิญญาณแห่งความคุ้นเคย” ควบคุมเสียแล้ว
เราต้องยอมและไม่ดื้อดึง ใครมีลูกที่ดื้อดึงบ้างครับ
คำว่า ดื้อดึง หมายความว่า หัวดื้อ ยากที่จะจัดการ
ถ้าเป็นผู้ใหญ่ดื้อก็ร่วมงานกันยาก หัวดื้อ ดันทุรัง
อิสราเอลก็ดื้อดึงกับพระเจ้าและไปนมัสการวัวทองคำ
อีกความหมายก็คือ กบฏ ซึ่งหมายถึงการขัดขืนการควบคุม
ดื้อด้าน และปฏิเสธแนวทางที่ควรจะเป็น
มันอาจจะเจ็บปวดแต่ก็เป็นการดีที่พระเจ้าจะลิดบางสิ่งบางอย่างออกไป
ท่าที ความคิดบางอย่างที่ไม่ถูกปรับ และมันฝังมาตั้งแต่เด็กๆ
1 เปโตร [2:21] เพราะพระเจ้าทรงใช้ท่านสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะว่าพระคริสต์ก็ได้ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ให้เป็นแบบอย่างแก่ท่านเพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์
เราเองก็อาจจะต้องทนทุกข์ด้วย แต่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้แก่เราแล้ว
ว่ามันไม่เกินที่มนุษย์จะทนได้ ด้วยท่าทีเช่นเดียวกับพระองค์
อดทน เพราะอนาคตเราพระเจ้าควบคุมอยู่
นิสัยบางอย่างแก้ไม่หาย คนนินทา ยังไงก็ติดนินทา
เพราะไม่คิดจะเปลี่ยน ไม่คิดว่ามันผิด
เราต้องยอมให้พระเจ้าปรับเปลี่ยนรูปร่าง
ดัดรูปร่างใหม่ให้เข้ารูป จนเป็นเหมือนพระฉายของพระองค์
ผลสำรวจ 95% ของพฤติกรรม มาจากนิสัยที่เคยชิน ซึ่งก็คือ
วิญญาณความคุ้นเคยนั่นเอง
โรม [12:2] อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม
2 โครินธ์ [3:18] แต่เราทั้งหลายไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว จึงแลดูพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า และตัวเราก็เปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระฉายขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เช่นอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระวิญญาณ
NIV กล่าวว่า แต่เราทั้งหลายผู้ซึ่งไม่มีผ้าคลุมหน้า ต่างสะท้อน พระสิริของพระองค์พระผู้เป็นเจ้า เรากำลังรับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระองค์ ด้วยรัศมีที่เพิ่มพูนขึ้นทุกที รัศมีซึ่งมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ
สง่าราศีที่พระวิญญาณประทานแก่ผู้เชื่อนั้น
ยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยม และดำรงอยู่นานกว่ารัศมีบนใบหน้าของโมเสสเสียอีก
จงมองดูพระลักษณะของพระเจ้าโดยไม่มีอะไรมาบังตาอีกต่อไป
เราเองก็เป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น
พระวิญญาณจะเปลี่ยนแปลงเราให้เป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งของความหมายบุคลิกภาพหรือนิสัยอีกความหมายคือ
เปรียบดั่งอาภรณ์หรือเสื้อผ้าที่เราสวมใส่นี่แหละ
มันคือสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวเรา เช่นสไตล์การแต่งตัวเป็นต้น ..
ชอบแต่งตัวแนวไหน มันเป็นภาพแรกที่มองเห็น
โคโลสี [3:10] และได้สวมวิสัยมนุษย์ใหม่ ที่กำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายของพระองค์ผู้ทรงสร้าง ให้รู้จักพระเจ้า NIV สวมตัวตนใหม่
การเชื่อฟัง เชื่อฟังทำให้เราเป็นดั่งพระองค์
การสวมวิสัยใหม่ บุคลิกใหม่ ไม่เกี่ยวกับเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือเสื้อสีอื่นๆนะครับ
สิ่งที่แสดงออกก็คือสิ่งที่มาจากภายใน ตอนนี้เราต้องการสวมเสื้อผ้าตัวใหม่หรือยังครับ
ถ้าเราใช้นิสัยของเราเองอย่างที่เราต้องการอะไรจะเกิดขึ้นครับ
จงทิ้งตัวเก่าและสวมเอาธรรมชาติใหม่ บุคลิกใหม่
โดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้ตัวเก่ายังไม่หายไป
แต่เราเองมีสิทธิ์เลือก เรามีทางเลือก
เราต้องไม่เป็นแบบอิสราเอลที่เลือกกลับไปใช้วิถีชีวิตเดิมที่เคยชิน
ก่อนนี้เรามีแต่เสื้อผ้าเก่าซึ่งยังไงเราก็ต้องใส่
แต่บัดนี้เรามีเสื้อใหม่บุคลิกใหม่โดยพระเจ้า อย่าเก็บเอาไว้นะครับ เอามาใช้
ทิตัส [3:5] พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
เราจะยอมรับการสร้างใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหมครับ
2 โครินธ์ [5:17] เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
พระวจนะข้อนี้ชัดเจนมาก คือไม่ใช่แค่เปลี่ยนอุปนิสัยใหม่
แต่..เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ภายใต้เจ้านายคนใหม่
การถูกสร้างใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ภายใต้บุคลิกใหม่ เราเองต้อง
หยั่งรากในพระองค์ ก่อร่างสร้างขึ้นโดยพระองค์ โคโลสี 2:7
มันเป็นเหมือนต้นไม่ที่ดูดซึมและซึมซับผ่านทางราก จากพระองค์
ลองหยิกตัวเอง !! นี่ไม่ใช่ความฝัน
เราถูกสร้างใหม่แล้ว เราต้องไม่ยอมให้บุคลิกนิสัยเดิมในอดีตมา
มีอิทธิพลต่อเราต่อไป เรามีชีวิตใหม่ในพระคริสต์
แม้พระเจ้าจะสร้างเราตามพระฉายา ของพระองค์
แต่ความบาปได้ทำลายจิตวิญญาณของเรา
และทำให้เราขาดจากความสัมพันธ์ ความมั่นคงของพระเจ้า
เอกลักษณ์ของการทรงสร้างได้ถูกทำลายลง
วันนี้ ! พระเจ้าบอกว่า พระเยซูคริสต์มาแล้ว
และพระองค์ได้พามนุษย์กลับไปสู่พระเจ้าพระบิดา
เราได้กลับสู่สถานะพิเศษ พระคริสต์รับเอาสิ่งเก่าตัวเก่าไป
และเปลี่ยนเป็นสิ่งใหม่ เรามีสิ่งใหม่แล้ว
เราจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งไหนที่เราควรปรับปรุงในเมื่อ
มันกลายเป็นความเคยชินและกิจวัตรประจำไปเสียแล้ว ?
เรารู้ได้โดยพระวิญญาณที่เตือนเรา หรือพระวจนะนี่แหละ
เมื่อรู้ก็ต้องยอมรับ ก่อนว่าจุดไหนที่เราต้องปรับเปลี่ยน
เมื่อรับใช้ร่วมกันนิสัยที่ไม่ดีที่เราไม่ยอมรับ
มันก็จะมีผลกระทบต่อบรรยากาศในการรับใช้ได้
คริสตจักรที่เป็นกายเดียวกันต้องไม่เป็นบุคลที่มีอารมณ์แปรปรวน
จงปรับจูนบุคลิกให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
มันมีผลแน่นอนในการรับใช้ เพราะถ้าเราเป็นหนึ่งในทีมรับใช้
เชื้อเพียงเล็กน้อย ที่เราคิดว่าเล็กน้อยนั่นแหละ
ก็อาจจะทำให้แป้งดิบฟูขึ้นก็ได้
1 โครินธ์ [5:6] การที่ท่านอวดอ้างนั้นไม่สมควรเลย ท่านไม่รู้หรือว่าเชื้อขนมเพียงนิดเดียว ย่อมทำให้แป้งดิบฟูทั้งก้อน
ในพระคัมภีร์มีตัวอย่างของบุคคลที่ปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ
เช่น ศัก เคียส ได้ปรับเปลี่ยนนิสัยใหม่ ทิ้งนิสัยเก่าๆ
เสื้อผ้าตัวเก่า เขากลับใจยอมรับ และคืนทรัพย์ที่โกงมา
เปาโล เองก็ปรับบุคลิกภาพใหม่ จนเป็นคนที่พระเจ้าใช้การได้
จงตั้งเป้าหมายและตั้งใจในการเปลี่ยน
เราจะเป็นอิสระไม่ได้เลยจากนิสัย บุคลิกภาพเดิมๆ
ที่เราเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
ถ้าเรายอมแพ้และเมื่อเจอความยากก็หันกลับไปหาวัวทองคำ
ตัวนั้นอีกครั้ง
พระเจ้ารออยู่นะครับเพียงแต่เราจะร่วมมือกับพระองค์หรือไม่
ฟิลิปปี [3:13] ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
ฟิลิปปี [3:14] ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
ประตูแคบเดินยากนะครับ บุคลิกที่พระเจ้าประสงค์และใส่ในเรา
คือความเหมาะสม
แต่บุคลิก นิสัยของโลกนี้เราจะกินมันจนไม่รู้จักอิ่มและเมื่ออ้วนแล้ว
เราก็จะเลือกเดินไปที่ประตูกว้าง เพราะมันเดินผ่านได้ง่าย
เมื่อพระองค์มาเพื่อเป็นแบบอย่างแก่เราแล้ว
เราเองก็ต้องสะท้อนความสว่างของพระองค์ราเองต้องเป็นพระวจนะที่มีชีวิต
เพื่อคนทั้งปวงจะได้อ่าน
2 โครินธ์ [3:2] ท่านเองเป็นหนังสือของเราจารึกไว้ที่ดวงใจของเรา ให้คนทั้งปวงได้รู้และได้อ่าน
2 โครินธ์ [3:3] ท่านปรากฏเป็นหนังสือของพระคริสต์ ซึ่งเราได้เขียนไว้มิใช่ด้วยน้ำหมแต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และมิได้เขียนไว้ที่แผ่นศิลา แต่เขียนไว้ที่แผ่นดวงใจมนุษย์
อิสยาห์ [60:1] จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว และพระสิริของพระเจ้าขึ้นมาเหนือเจ้า NIV ใช้คำว่าพระเกียรติสิริ
คำว่าเกียรติสิริในที่นี้ หมายถึงเสาเมฆ เสาเพลิงในถิ่นทุรกันดาร
แม้เราจะอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ท่ามกลางความมืดมิด พระองค์เป็นความสว่าง
อิสยาห์ [60:2] เพราะว่าดูเถิด ความมืดจะคลุมแผ่นดินโลก และความมืดทึบคลุมชนชาติทั้งหลาย แต่พระเจ้าจะทรงขึ้นมาเหนือเจ้า และเขาจะเห็นพระสิริของพระองค์เหนือเจ้า
อิสยาห์ [60:3] และบรรดาประชาชาติจะมายังความสว่างของเจ้า และพระราชาทั้งหลาย ยังความสุกใสแห่งการขึ้นของเจ้า
คนมากมายที่เห็นแสง ในท่ามกลางความมืดมิด เขาจะมายังเรา
บุคลิกภาพนิสัยบาปต่างๆที่เป็นเชื้อร้าย จะหายไป เพราะแสงสว่างนี้
ฆ่าเชื้อได้ด้วย
คำว่า ลุกขึ้นในภาษาฮีบรู ก็หมายถึงการลุกขึ้น – แต่ในภาษากรีก คำนี้หมายถึงฤทธิ์เดชในการฟื้นสภาพจากความตายมาสู่ชีวิต
ฉายแสง หมายถึงการส่องแสง, การได้รับความสว่าง, เช้าตรู่, การจุดไฟ, การโชติช่วงด้วยความมั่งคั่ง ในภาษาอังกฤษ หมายถึง การส่องความสว่างออกไป, การทำสิ่งที่เหนือกว่า, การมีบุคลิกภาพที่เปล่งรัศมี
พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวก ว่า มัทธิว 5:16
จงให้ความสว่างของท่านกระจ่างแจ้งต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อเขาจะเห็นการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์
คุณเป็นความสว่าง อาเมน อย่ากลัวที่จะเปลี่ยน เอาชนะความกลัว ค้นหามันให้เจอ
ค้นหาไม่ยากหรอกครับ
มันโผล่มาประจำ มันชอบเสนอหน้าออกมาบ่อยๆ
บุคลิกของโลกนี้ ซาตานได้ใส่ การทำลายล้างเอาไว้
เพื่อทำลายมิตร ทำลายศัตรู เพื่อการเอาชนะ เพื่ออำนาจในการควบคุม
แต่บุคลิกที่พระเจ้าใส่ไว้ในเราที่ทรงประทานให้เรานั้น
เพื่อที่เราจะมีชัยชนะต่ออำนาจแห่งความมืด
บุคลิกที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า เกิดจากความกลัว และความไม่มั่นคง
นี่เป็นเวลาที่เราจะสลัดมันทิ้งไป
ในอิสยาห์ 42: 1-9
พระธรรมตอนนี้ถูกกล่าวอ้างถึงใน มัทธิว 12:18-21
ในตอนนี้ได้เล็งถึงพระเยซูคริสต์ ถึงพระลักษณะของพระองค์ ที่ทรงอ่อนโยน
ให้กำลังใจ ทรงความยุติธรรม
เมื่อเราเองรู้สึกปวดร้าว
ชอกช้ำ ควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกอ่อนแอ ท้อแท้ ไม่มั่นคง
และช่วยตัวเองไม่ได้ หมดเรี่ยวแรงในฝ่ายวิญญาณ
พระเจ้า ! ไม่เคยซ้ำเติมเราเลยแต่บุคลิกของพระองค์มีลักษณะที่อ่อนโยนนั้น
ได้อุ้มชูเราขึ้น
ผู้คนในโลกยังคงโหยหาความรัก เราเองคือผู้สะท้อนความรักเช่นนี้ต่อคนรอบข้างโดยอาศัยพระวิญญาณของพระองค์
ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น