คำหนุนน้ำใจ 2 ก.พ. 11
1 โครินธ์ 10:5-6
เพราะว่าศาสตราวุธของเราไม่เป็นฝ่ายโลกียวิสัย
แต่มีฤทธิ์เดชจากพระเจ้า อาจทำลายป้อมได้
คือทำลายความคิดที่มีเหตุผลจอมปลอม
คือทำลายความคิดที่มีเหตุผลจอมปลอม
และทิฐิมานะทุกประการที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า
และน้อมนำความคิดทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับจนถึงรับฟังพระคริสต์ขึ้นหัวข้อแบบนี้ ผมไม่ได้หมายถึงปัญหาชายแดนไทยกับเขมรนะครับ แต่ก็มีมุมที่ทำให้เราน่าคิดไม่น้อย ปัญหาพื้นที่ใคร ใครก็หวงและเมื่อหวงของๆเราใครที่มาบุกรุกหรือล้ำเข้ามาเป็นได้มีเรื่องมีราวกันแน่ๆ เอาง่ายๆ บ้านใครถ้ามีคนอื่นมาหน้าด้านถือกรรสิทธิ์ทำตัวเป็นเจ้าของเป็นได้เห็นดีกัน
การที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ของตนเอง สมมุติว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ของไทยจริง แต่ไม่เคยแสดงความเป็นเจ้าของเลย ปล่อยให้มีการบุกรุกจับจองเป็นเวลานาน ให้คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของจริงๆมาแสดงความเป็นเจ้าของและไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายเนิ่นนานมา การที่เราจะทวงเอาคืนย่อมเป็นการยาก เพราะได้ถูกยึดไปแล้ว
ผมเคยมีของอยู่ชิ้นหนึ่งที่ให้เพื่อนยืมไป และนานวันเข้าผมไม่เคยทวงเอามาเลย เพราะคาดหวังว่าเขาจะคืนสักวันหนึ่ง สุดท้ายของสิ่งนั้นกลายเป็นของของเขาไปโดยเต็มปากเต็มคำ โดยที่ผมอ้างอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่เคยทวงมาหลายปี
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราเองไม่เคยหวงพื้นที่เลย แถมสมยอมให้เขาเข้ามายึดพื้นที่เราไปด้วยซ้ำ นั่นก็คือพื้นที่ในความคิดของเรานั่นเอง สงครามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เชื่อไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลย ปัจจัยอื่นๆ หรือภายนอกเป็นแค่เพียงตัวกระตุ้นเท่านั้น แต่สนามรบจริงๆนั้นคือภายในความคิดของเราเองนี่แหละคือสงครามที่หนักหนาสาหัสที่สุดที่เราต้องต่อสู้และผ่านพ้นไปในทุกๆวัน
ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของซาตานคือ ทำให้ผู้เชื่อขาดออกจากพระเจ้า พระเจ้าประสงค์ให้เรามีความเชื่อ แต่ซาตานต้องการให้เราขาดความเชื่อ สถานการณ์ต่างๆที่เราเจอในแต่ล่ะวัน ถ้าเราบ่นและสบถออกมาและมีแต่ความคิดในแง่ลบต่อทุกสถานการณ์ เช่นอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร ปัญหาที่เขาเจอมีแต่ความคิดในแง่ลบ ว่าแย่แน่ๆ ตายแน่ๆ ซวยแน่ๆ ทำไมเอาเรามาตายในที่แบบนี้ เอาเราออกมาทำไม ให้เราอยู่ในอียิปต์ยังจะดีเสียกว่า เมื่อเจอปัญหาก็จะโวยวาย ตีโพยตีพายไปก่อน คาดการแง่ลบเอาไว้และพยายามหาทางออกด้วยตัวเอง ซึ่งในปัจจุบันผู้เชื่อในยุคนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอิสราเอลในยุคนั้นจริงๆ
ความเชื่อคือสิ่งที่สำคัญ เราต้องฝึกคิดในแง่บวก เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าจะนำเราในแต่ล่ะย่างก้าวเราต้องมั่นใจว่าพระองค์จะทรงอยู่กับเราในทุกสถานการณ์ ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราเชื่อพระเจ้าทุกสิ่งจะถูกปูด้วยพรมแดงและราบรื่น และเมื่อเราเจออะไรที่ไม่สมดั่งที่เราต้องการเราก็หลุดบ่นออกมา และมีแต่ความคิดแง่ลบยิ่งเราคิดลบชีวิตก็จะมีแต่ลบลงไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยมีแต่แย่ลง
มัทธิว 8:13
แล้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า "จงกลับบ้านเถิด ท่านมีศรัทธาแล้ว จงได้ผลตามศรัทธานั้น" ในทันใดนั้นเองบ่าวของเขาก็หายเป็นปกติ
พระเยซูกำลังบอกเราว่า เมื่อมีความเชื่อเช่นไร และคิดในแง่บวก เชื่อในพระเจ้า มันก็จะเป็นไปตามที่เชื่อเช่นนั้นจริงๆ งูในสวนเอเดนพยายามหลอกเอวาว่า มันไม่จริงหรอกเรื่องที่พระเจ้าบอกน่ะ ทำให้เอวาเชื่อตามงูนั้น นั่นคือมีความคิดในแง่ลบแล้ว ผลที่ตามมาคืออะไรเราย่อมรู้กันดี
ถ้าเราเป็นเหมือนอับราฮัมที่ไม่มีบุตรล่ะ อยู่ๆพระเจ้าจะให้ท่านมีบุตร ถ้าอับราฮัมมองที่รอบข้างแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย และบ่นออกมา สบถออกมา พูดแต่ในแง่ลบ ว่าฉันแก่แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร ภรรยาก็แก่แล้วหมดประจำเดือนแล้ว ตามธรรมชาติมันเป็นไปไม่ได้เลย แต่…อับราฮัมเลือกที่จะเชื่อพระเจ้า คาดหวังว่าจะได้รับสิ่งนั้น พระเจ้าไม่แค่ทำในสิ่งยาก แต่พระเจ้าทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และเมื่อความเชื่อเช่นนี้ อับราฮัมก็ได้บุตรจริงๆ ตามพระสัญญาของพระเจ้า
ซาตานมักจะใช้ความรู้สึกแย่ๆดึงเอาคนมากมายในโลกนี้ให้จมลงสู่ก้นเหว เราอาจะเห็นในข่าวว่ามีการฆ่าตัวตายมากมายเพราะคนเหล่านี้ไม่มีทางออกและคิดในแง่ลบ และคิดว่าเมื่อตายไปทุกอย่างจะจบ ซาตานได้แย่งชิงเอาความหวังของพวกเขาไป
จงเลือกแทนที่ความคิดในแง่ลบด้วยความคิดที่เป็นแง่บวก ความคิดก็เปรียบได้กับชายแดนสนามรบที่เราต้องรบอยู่ทุกๆวัน จงใช้พระวจนะที่เป็นดาบ ฟาดฟันพวกมันให้ย่อยยับ จงพูดออกมาว่าอ้ายซาตานจงไปเสียให้พ้น เช่นพระเยซูที่โดนทดลอง
อย่ายอมเสียพื้นที่ในความคิดให้กับเรื่องไร้สาระโดยการเอาแต่คิดในแง่ลบและเรื่องแย่ๆ เราสามารถขอบคุณพระเจ้าในทุกสถานการณ์ได้เสมอ เราไม้ได้ขอบพระคุณในเรื่องร้ายที่เกิดกับเรา แต่การขอบพระคุณคือการเลือกที่จะถวายการขอบพระคุณพระเจ้าดีกว่าที่จะเสียพื้นที่ความคิดในแง่ลบให้กับซาตานไป
สดุดี 34:1 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป คำสรรเสริญพระองค์อยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไป
คุณจะแพ้หรือชนะก็ขึ้นอยู่กับการเลือกที่จะคิด
ขอพระเจ้าอวยพระพร
Ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น