พระเยซูทรงเป็นความสว่าง
(เทศกาล Hanukkah)
ยน. 8:12 พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”เทศกาลฮานุกก้าห์ หรือเทศกาลแสงสว่าง มีประวัติความเป็นมาของชนชาติยิวในการลุกขึ้นต่อสู้เพื่อพวกเขาจะได้รับความเป็นไท แต่ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่บังเอิญเลย เมื่อพระเยซูได้ทรงมาปฏิสนธิ์ในครรภ์ของมารีย์ในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน
ลก. 1:24 ภายหลังนางเอลีซาเบธภรรยาของท่านตั้งครรภ์ และอยู่กับบ้านอย่างเงียบๆ ห้าเดือน นางกล่าวว่า
ลก. 1:25 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเช่นนี้แก่ข้าพเจ้าในวันที่พระองค์ทอดพระเนตร เพื่อว่าความอดสูของข้าพเจ้าที่มีอยู่ท่ามกลางคนทั้งปวงจะหมดสิ้นไป”
ลก. 1:26 เมื่อถึงเดือนที่หก พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อนาซาเร็ธ
ลก. 1:27 ให้ไปหาหญิงพรหมจารีคนหนึ่งที่หมั้นไว้กับชายที่ชื่อโยเซฟ ซึ่งเป็นคนในเชื้อวงศ์ของดาวิด หญิงพรหมจารีคนนั้นชื่อมารีย์
ลก. 1:28 ทูตสวรรค์มาหานางแล้วบอกว่า “เธอผู้ที่พระเจ้าโปรดปรานมาก จงชื่นชมยินดีเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับเธอ”
เราอาจจะรู้มาบ้างแล้วว่าพระเยซูไม่ได้มาบังเกิดในช่วงเวลาคริสต์มาส แต่ทรงประสูติในช่วงเวลาของเทศกาลอยู่เพิง และพระเยซูทรงมาปฏิสนธิ์ในครรภ์ของมารีย์ ในช่วงฤดูหนาวในช่วงเวลาของเทศกาล ฮานุกก้าห์
ฮานุกก้าห์ยังถูกเรียกอีกว่า เทศกาลฉลองพระวิหาร เพราะชนชาติของพระเจ้าได้รับชัยชนะและได้รับพระวิหารกลับคืน ภาพวิหารหรือพลับพลาของโมเสส ที่เล็งถึงกางเขนของพระเยซูพระเมสสิยาห์ด้วยเช่นกันและนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่บังเอิญ
1. บูชาแห่งการเสียสละ (แท่นเผาเครื่องหอม) หมายถึง การเสียสละของพระเยซู พระเมสสิยาห์ ที่กางเขน และทรงเป็นลูกแกะของพระยาห์เวห์ ที่นี่เรานำเสนอตัวเอง ถวายเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย คือการเลือกที่จะปฏิเสธตนเอง แบกกางเขนทุกวันตามพระองค์ (มาระโก 8:34, ลูกา 9:23)
มธ. 16:24 พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าใครต้องการจะติดตามเราให้คนนั้นปฏิเสธตนเองรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
2. อ่างและฐานรองอ่างด้วยทองสัมฤทธิ์
ในฐานะปุโรหิตหลวง เมลคีเซเดค ล้างมือ นี่เป็นสัญลักษณ์ของงาน "ทำงาน" ด้วยมือของเรา เป็นการชำระล้าง เปรียบดังการซักผ้าให้สะอาด กลับใจและจัดการกับความเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำ สีม่วงอ่อนในน้ำนั้นและปุโรหิตจะเห็นภาพสะท้อนของตนเองในน้ำ เพื่อให้เราได้ใคร่ครวญภายในจิตวิญญาณของเรา ค้นหา ภายใจใจของเราเพื่อแสดงให้เห็นถึงความผิดบาปที่ซ่อนอยู่ในหัวใจ เพื่อจะทำความสะอาดธรรมชาติเก่า และล้างมันออกไปด้วยถ้อยคำแห่งพระวจนะ
อฟ. 5:26 เพื่อจะทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์โดยการชำระด้วยน้ำและพระวจนะ
3. โต๊ะขนมปัง ขนมปังคืออาหาร เหมือนข้าวที่สื่อว่า เราต้องกินทุกวัน มานาที่ซ่อนอยู่
วว.2:17 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย เราจะให้มานาที่ซ่อนอยู่แก่คนที่ชนะ และจะให้หินขาวแก่เขาด้วย และบนหินนั้นจะมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่ได้รับ”
นี่คือถ้อยคำจากพระองค์
ยน. 6:33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้นคือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้กับโลก”
ยน. 6:34 พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า ขอโปรดให้อาหารนั้นแก่เราตลอดไปเถิด”
อ่าน ยอห์น 6:34 – 58
4. แท่นบูชา เครื่องหอม
นี่เป็นคำอธิษฐานของธรรมมิกชนและนมัสการ
วว. 8:3 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำออกมาและยืนอยู่ที่แท่นบูชา พระเจ้าประทานเครื่องหอมมากมายแก่ทูตองค์นั้น เพื่อให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหมดบนแท่นบูชาทองคำ ที่อยู่หน้าพระที่นั่งนั้น
วว. 8:4 และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหลาย จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า
พระยาห์เวห์มีข้อกำหนดที่แน่นอนสำหรับวิธีการที่ ปุโรหิตจะดำเนินเครื่องหอมบูชาของพวกเขาสำหรับพลับพลา
อพย. 30:34 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงเอาเครื่องเทศคือ กำยาน ชะมด และมหาหิงคุ์ ผสมกับกำยานบริสุทธิ์ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน
อพย. 30:35 จงผสมเครื่องหอมปรุงตามวิธีการของช่างปรุง เจือด้วยเกลือให้เป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์
อพย. 30:36 จงเอาส่วนหนึ่งมาตำให้ละเอียด และวางไว้หน้าหีบแห่งสักขีพยานในเต็นท์นัดพบที่เราจะพบกับเจ้า เครื่องหอมนั้นพวกเจ้าจงถือว่าบริสุทธิ์ที่สุด
5. คันประทีปเจ็ดกิ่ง : พระเยซูเปรียบชุมชนทั้งเจ็ด และคันประทีปทองคำ ในวิวรณ์ 1:20
วว. 1:20 ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด
คันประทีปไม่สามารถติดไฟได้โดยไม่ใช้น้ำมันมะกอก เราจะต้องเป็นเช่นดังห้าหญิงพรหมจารีที่ฉลาด
มธ. 25:1 “เวลานั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว
หญิงพรหมจารีห้าคนที่น้ำมันของพวกเธอเต็มอยู่ตลอดเวลา "ไฟ" ในโลกที่มืดมิด พระเยซูกล่าวว่า "เราเป็นความสว่างของโลก"
ยน. 8:12 พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”
ยน. 9:5 ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราก็เป็นความสว่างของโลก”
เราเองก็ต้องเป็น "ไฟ" เพื่อส่องสว่างในโลก มธ. 5:14 “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้
6. หีบพันธสัญญา แสดงให้เห็นถึง การทรงสถิตอย่างถาวรของพระวิญญาณของพระเจ้า
1ซมอ. 4:21 นางให้ชื่อเด็กนั้นว่า อีคาโบดกล่าวว่า “พระสิริพรากไปจากอิสราเอลแล้ว” เพราะหีบของพระเจ้าถูกยึดไป และเพราะเรื่องพ่อสามีและสามีของนาง
1ซมอ. 4:22 และนางกล่าวว่า “พระสิริพรากจากอิสราเอลแล้ว เพราะหีบของพระเจ้าถูกยึดไป”
คำว่า “kabowd” (พระสิริ) หรือน้ำหนัก ความหนักของการปรกฎของพระองค์พร้อมกับหีบพันธสัญญา เมื่อหีบออกมาจากพระวิหาร ในหีบบรรจุบัญญัติสิบประการ แสดงให้เห็นถึงพระยาห์เวห์ พระองค์ได้เขียนบัญยัติบนหัวใจของเรา เงาของการต่ออายุพันธสัญญาและการรื้อฟื้นบัญญัติโมเสส ที่โฮเรบและบรรดาคนอิสราเอลเมื่อพันธสัญญาที่ก่อตั้งที่ภูเขาซีนายได้ถูกทำลาย
7. ห้องอภิสุทธิสถาน นี่เป็นสถานที่ที่มหาปุโรหิต (KohenGadowl) จะประพรมเลือดแกะเครื่องบูชา (พระเมษโปดก) บนพระที่นั่งกรุณาทุกปีใน เทศกาลลบมลทินบาป "Yom Kippur" พระเยซูเป็นมหาปุโรหิตชั้นสูงแห่ง เมลคีเซเดค และพระองค์ประพรมโลหิตพระองค์เองที่พระที่นั่งกรุณา
ฮบ. 9:19 เพราะเมื่อโมเสสประกาศบัญญัติทุกข้อในธรรมบัญญัติแก่บรรดาประชาชนแล้ว ท่านก็เอาเลือดลูกวัวเลือดแพะกับน้ำ และเอาขนแกะสีแดงและต้นหุสบมาประพรมหนังสือม้วนนั้นรวมทั้งประชาชนทั้งปวงด้วย
ฮบ. 9:20 ท่านกล่าวว่า “นี่คือโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าทรงบัญญัติไว้แก่เจ้าทั้งหลาย”
ฮบ. 9:21 แล้วท่านก็เอาเลือดประพรมพลับพลากับเครื่องใช้ทุกชนิดในพิธีนมัสการนั้นเช่นเดียวกัน
ฮบ. 10:22 ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากมโนธรรมที่ไม่ดี และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาด
พลับพลาเป็นภาพเทียบเคียงของกางเขน เพราะนี่คือ “Tav” หรือจุดจบ ธรรมชาติเก่าๆของเรา ในที่สุดแล้วเส้นทางของเราอยุ่ที่พลับพลา เราจะพบพระพักตร์พระองค์ "หน้าต่อหน้า" ดังนั้นเราต้องเข้ามาสู่เส้นทางแห่งกางเขน จงเข้าสู่พลับพลาที่ลี้ภัย (กางเขนของพระองค์) จนกระทั่งเราผ่านเข้าสู่ "อภิสุทธิสถาน" ไม่มีทางลัดอื่น
ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
หาเราพยายามเข้าสู่ "อภิสุทธิสถาน" โดยไม่ผ่านกระบวนการนี้เราจะตาย และไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยในความเป็นจริง เพราะไม่มีใครพบหรือเผชิญหน้ากับพระเจ้าได้ บัดนี้โดยพระเยซู ม่านในวิหารได้ฉีกออก นี่เป็นเหตุผลที่พระยาห์เวห์ พระบิดาปกป้องเราทั้งหลายเพื่อเราจะเข้ามา พบพระพักตร์พระองค์หน้าต่อหน้าได้
การฉลองฮานุกก้าห์
เราจึงไม่ได้ฉลองฮานุกก้าห์เพียงตามประเพณียิว หรือตามประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เราฉลองพระเยซู ผู้เป็นความสว่างและได้เข้ามาในโลกนี้ ทรงเป็นวิหารที่ครบบริบูรณ์ ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ เพื่อมาปลดปล่อยเชลยให้เป็นไท
หมายเลข 8 ในพระคัมภีร์เป็นเลข พระเยซู และยังเล็งถึงการเริ่มต้นใหม่ การสร้างใหม่ เด็กยิวเองก็จะได้รับการเข้าสุหนัตในวันที่แปดหลังจากเกิดมา และยังเป็นสัญลักษณ์ของการสุหนัตหัวใจ ผ่านทางพระเยซูรับเอาพระวิญญาณบริสุทธิ์
รม. 2:28 เพราะว่ายิวแท้ ไม่ใช่คนเป็นยิวแต่ภายนอกเท่านั้น และการเข้าสุหนัตแท้ก็ไม่ใช่การเข้าสุหนัตซึ่งปรากฏที่เนื้อหนังเท่านั้น
รม. 2:29 คนเป็นยิวแท้ คือคนที่เป็นยิวภายใน และการเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจ ตามพระวิญญาณไม่ใช่ตามตัวบทบัญญัติ คนอย่างนั้นไม่ได้รับการยกย่องจากมนุษย์ แต่ได้รับจากพระเจ้า
เลข 8 ยังเกี่ยวกับเรื่องของหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู 8 ครั้งในการปรากฏพระองค์เอง
1. ครั้งแรกของพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่คือ การทรงปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลา มาระโก 16: 9-11
2. การเดินทางไปเอมมาอูส ลูกา 24
3. ต่อมาเขาปรากฏตัวต่อพวกสาวกทั้งหมดยกเว้นโธมัส ยอห์น 20:19-24
4. พระเยซูกับโธมัส ยอห์น 20:24
5. ทรงปรากฏต่อเคฟาส แล้วต่ออัครทูตสิบสองคน ต่อจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏต่อพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในเวลาเดียวกัน 1 โครินธ์ 15:4-7
6. พบกับสาวกที่แคว้นกาลิลีประทานพระบัญชากับอัครทูต มัทธิว 28:16-17
7. และที่ชายฝั่งแคว้นกาลิลีการทรงปรากฏแก่สาวกเจ็ดคน ยอห์น 21:1-24
8. การประชุมครั้งสุดท้ายของพระองค์อยู่บน ภูเขามะกอกเทศ สัญญาจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ กิจการ 1
ชาโลม
ktm.Emunah
ที่มาเรื่องพลับพลา http://doubleportioninheritance.blogspot.com/search?updated-max=2011-04-06T22:41:00-07:00&max-results=7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น