วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เรากำลัง "อดทน" แบบผิด ๆ หรือเปล่า ?

เรากำลัง "อดทน" แบบผิด ๆ หรือเปล่า ?


ในพระคัมภีร์ ..พระเจ้าทรงสอนเราไว้หลายครั้ง..ว่า
ให้อดทน อดทนนาน .. และ อดทนให้มากขึ้นอีก

กท. 5:22 ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์

ในวันนี้เรามาดูกันที่ “ความอดทน”
อดทน ต่อการทดลอง อดทนต่อความอยุติธรรม
อดทนต่อความทุกข์ ความยากลำบาก อดทนต่อกันและกัน อดทนให้นาน ๆ
นานอีก นานขึ้นไป
(เราเคยต้องอดทนกับใครแบบนี้ไหมครับ เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง คนในคริสตจักร)

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พระเจ้าตีสอน

พระเจ้าตีสอน

ผมเชื่อว่า เราผู้เชื่อต้องได้ยินคำสอนที่กล่าวว่า “พระเจ้าตีสอน” มาไม่มากก็น้อย
คุณต้องถูกพระเจ้าตีสอน ต้องพบการสดสอบ การทดลอง ต้องถูกมารซาตานรังควานตามทำร้าย กลับกลายเป็นว่า เป็นคริสเตียนแล้วแทนที่จะเป็นไท แต่เจอแต่เรื่องแย่กว่าเดิม ก่อนเชื่อพระเจ้ามีแต่ปัญหา พอรับเชื่อพระเจ้าปัญหามากกว่าเดิม ไหนจะต่อสู้กับมนุษย์ ต่อสู้กับมาร เจอการทดลอง พบบททดสอบ และยังต้องถูกตีสอนอีก

ไหนจะงานรับใช้ที่มีมากมายจนเป็นภาระ เชื่อฟังคำสอนที่ต้องถวายทรัพย์มากๆ ต้องให้พระเจ้ามากๆกว่าสิ่งอื่นใด คือให้เวลากับคริสตจักร ไม่ต้องพบเจอญาติมิตร เพื่อนฝูงยังกับตัดขาดจากโลกภายนอก ต้องเข้าโปรแกรมของคริสตจักรสัปดาห์ละหลายวัน ถ้าไม่ทำแบบนี้คุณจะถูกโลกนี้ดึงออกห่างจากทางของพระเจ้า

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พระเจ้าเขย่า

 พระเจ้าเขย่า
มีหลายคำที่ไม่มีในพระคัมภีร์ แต่เป็นคำตกทอดต่อๆกันมาที่อาจจะทำให้ผู้เชื่อ เข้าใจความจริงในพระวจนะบิดเบือนไป หนึ่งในคำเหล่านั้นคือ

"พระเจ้าเขย่า" หากสมาชิกทำสิ่งใดที่ขัดต่อตนเอง หรือสิ่งที่ตัวเองสอน และเชื่อต่างออกไป หรือออกไปจากคริสตจักร ฯลฯ ในขณะที่สมาชิกคนนั้นบางคนต้องเจอกับปัญหา (ซึ่งทุกคนก็ต้องเจอปัญหา) ผู้นำจะบอกว่า พระเจ้ากำลังเขย่าคุณ เห็นไหม ?
เพราะคุณดื้อ ไม่เชื่อฟัง พระเจ้าเลยเขย่าคุณ หรือ ฝัดร่อนคุณ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณ

จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญา

1คร. 14:4 คนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้นก็ทำให้ตัวเองเจริญขึ้น แต่ผู้เผยพระวจนะนั้นทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น

คำว่า “เจริญขึ้น” ในบริบทนี้ไม่ได้หมายถึง ความเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ แต่เจริญขึ้นในความสัมพันธ์กับพระเจ้า เพราะในข้อที่ สองบันทึกไว้ว่า
1คร. 14:2 เพราะว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น ไม่ได้พูดกับมนุษย์ แต่ทูลต่อพระเจ้า เพราะว่าไม่มีใครเข้าใจได้ เขาพูดเป็นความล้ำลึกโดยพระวิญญาณ

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พิพากษา

พิพากษา

การพิพากษาจะมีแนวความคิดว่า ตัวเองดีกว่าคนอื่น และไม่เพียงรู้ว่า คนอื่นทำอะไร แต่ยังรู้เหตุผลที่ทำได้อีกด้วย การพิพากษาเป็นการตัดสินและดูหมิ่นคนอื่นจากของความเคร่งครัดบัญญัติ มักจะภูมิใจในความชอบธรรมของตัวเอง นั่นคือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการตัดสิน โดยอ้างการนำของพระเจ้า

คนที่ชอบพิพากษาผู้อื่นมักจะไม่รู้ความจริงอย่างถ่องแท้ แต่จะเอาข้อมูลผิวเผินที่มองเห็นไปใช้เพื่อตัดสินสิ่งที่คนอื่นทำ และชี้ว่าผู้นั้นผิดอย่างไร เขาจะรู้สึกได้ระบายเมื่อได้ประจานคนอื่นต่อหน้าคนหมู่มาก

อย่าแสวงหาการยอมรับ

อย่าแสวงหาการยอมรับ
ไม่ใช่เพียงโลกภายนอกเท่านั้น แม้แต่ในกลุ่มผู้เชื่อในคริสตจักร บรรดาผู้มีสิทธิอำนาจและผู้นำ (บางคน) ก็แสวงหาการยอมรับจากผู้คน บางคนอยากให้ทุกคนสวามิภักดิ์ต่อตนเองเพียงผู้เดียว เรื่องแบบนี้สมควรหรือไม่เมื่อเราทั้งหลายรู้ดีว่าเกียรติและทุกๆคำสรรเสริญสมควรเป้นของพระเจ้าเพียงผู้เดียว

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลี้ภัยในพระเจ้า

ลี้ภัยในพระเจ้า

1ปต. 5:8 ท่านทั้งหลายจงเป็นคนใจหนักแน่น จงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่าน คือพญามาร วนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงโตคำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้

แมวชอบกินปลามากเป็นชีวิตจิตใจ แต่ถ้าปลานั้นเป็นปลากระป๋อง มันก็คงกินไม่ได้ แม้จะขึ้นไปยืน ขย่ม ใช้กรงเล็บแงะแคะออกมากก็ไม่สามารถทำได้ แต่มันก็ยังสนใจเดินวนไปวนมา คอยโอกาสว่าสักวันมันจะต้องได้กิน

พระเจ้าพระองค์ทรงรักเราและปกป้องเรา พระองค์ซ่อนเราไว้ในพลับพลา ไว้ในที่กำบังที่ปลอดภัยและเข้มแข็ง ซาตานทำอะไรผู้เชื่อที่อยู่ในการคุ้มครองด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้าไม่ได้สิ่งเลวร้ายใดๆไม่อาจ
กร้ำกราย พระเจ้าซ่อนเราไว้ในปีกของพระองค์ จงเข้าลี้ภัยในองค์พระผู้เป็นเจ้า

ชาโลมครับ
ktm.Emunah

พระเจ้าตรัสว่า... จริงหรือ?

พระเจ้าตรัสว่า... จริงหรือ?

หลายครั้งเมื่อเราจะกระทำสิ่งใด หรือเราจะจัดการเรื่องใด ยิ่งในฐานะหัวหน้า หรือผู้นำ คำกล่าวที่ว่า "พระเจ้าบอกให้ทำ" คำว่า พระเจ้าตรัส หรือ พระเจ้าสั่ง หรือพระเจ้าให้ทำ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดเพราะพระเจ้าสามารถกระทำสิ่งนั้นได้จริงๆ ในยุคนี้

การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ

การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ

เราเคยสังเกตไหมว่า คำสอน หรือคำเทศนาวันอาทิตย์ บางครั้งเป็นคำสอนที่ทำให้เรามีกำลังขึ้น ดูมีกำลังขึ้น แต่เราเคยกลับไปใคร่ครวญซ้ำไหมว่า เราจะไปต่อยอดอย่างไรกับคำสอนที่เราได้รับมาที่หาใช่เพียง ได้รับกำลังในชั่วขณะ และกล่าวว่า "อาเมนๆ"

เมื่อเราอ่านพระวจนะ และฟังคำเทศนาเราอาจจะได้ยินคำศัพท์ใหม่ๆ หลายคำหนึ่งในนั้นที่ผมเองก็เคยสงสัยและค้นหาในพระคัมภีร์คือคำว่า “การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ”

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน

คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน

การคิดบวก และการพูดบวกคือสิ่งที่ผู้เชื่อในพระเจ้าควรกระทำในทุกๆวัน เราจะฝึกที่จะคิดบวกและพูดบวกได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือภายในเต็มไปด้วยอะไร

ในแต่ละวันเราคิดอะไร หากเราเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง เราก็จะเอามาตรฐานตัวตนของเราเองไปวัดกับผู้อื่น หากเขาไม่เป็นดั่งที่เราปรารถนาในใจของเราก็จะคิดว่าคนอื่นไม่ดี หรือคิดถึงคนอื่นในทางที่ไม่ดี และคิดแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่นตลอดเวลา และหมกมุ่นที่จะตัดสินแต่คนอื่นก็เพราะในใจตัวเขาเองนั้น ..เต็มไปด้วยเรื่องแย่ ๆ ของคนอื่นที่ตนเองวิเคราะห์ขึ้นมาและคิดไปเอง

ลก. 6:45 คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วออกจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไร ปากก็พูดออกมาอย่างนั้น

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เราอธิษฐานขอพระเจ้าแบบไหน?

เราอธิษฐานขอพระเจ้าแบบไหน?


เราผู้เชื่อ อธิษฐานขอพระเจ้าแบบไหน การขอไม่ใช่สิ่งที่ผิด เหมือนลูกขอของขวัญจากพ่อ บางครั้งไม่ขอพ่อก็ให้ พระเจ้าพระบิดาเองก็เช่นกัน เราขอพระเจ้าโดยการอธิษฐานโดยที่บางครั้งเราเข้ามาขอพระเจ้าแบบ ไร้ความสัมพันธ์ ในพระวจนะพระเจ้าประสงค์ให้เราสัมพันธ์สนิทกับพระองค์ แต่บางครั้งเรามาคริสตจักรวันอาทิตย์ จับพระคัมภีร์แค่เพียงวันอาทิตย์ จากนั้นก็วางไว้ที่หลังรถ หรือวางบนโต๊ะจนเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ แต่เมื่อเราเจอปัญหา เราพึ่งตัวเองจนถึงที่สุด จนสุดปัญญา หรือเราขาดแคลนอะไรและได้ขวนขวายจนสุดชีวิต และเราผิดหวังเมื่อนั้นเราจึงมาหาพระเจ้าและ “ขอพระองค์”  <<อ่านต่อ