วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขอทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์

ขอทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์

สดด. 27:11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ และขอทรงนำข้าพระองค์ไปบนวิถีราบ เนื่องจากศัตรูของข้าพระองค์

สดด. 86:11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินในความจริงของพระองค์ ขอทรงรวมใจของข้าพระองค์เป็นใจเดียว ให้ยำเกรงพระนามของพระองค์
ทางของพระเจ้า ขอทรงสอนทางของพระองค์แก่ข้าพระองค์  มรรคาหรือทางของพระเจ้าคืออะไร ?
ทางของพระเจ้าคือความจริง ความจริงคือพระวจนะของพระองค์

สดด. 25:5 ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในความจริงของพระองค์ และขอทรงสอนข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่วันยังค่ำ

สำหรับวันนี้อะไรคือความจริง พระเยซูทรงเป็นความจริง
ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา

ในพระวจนะ ความจริงคือคำว่า Emet คำนี้มีความหมายที่ซ่อนอยู่คือ ความจริงคือโทราห์ (พระวจนะ)  ความจริงคือ (เอเม็ด) Emet = Truth = ความจริง
emet (אמת) ความจริง eh-met

นอกจากสื่อถึงธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์แล้ว ความจริงก็คือพระวาทะ ซึ่งก็คือพระเยซูนั่นเอง

ยน. 1:14 พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือพระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา

ยอห์น 1:1 ว่า ยน. 1:1 ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า

ผู้เชื่อทุกวันนี้ปรารถนาจะเดินในมรรคาของพระเจ้า ซึ่งเป็นทางแห่งความจริง เราล้วนอยากไปจนถึงเป้าหมายในชีวิต หลายครั้งเราขอการสำแดง หลายครั้งเราอธิษฐานขอหมายสำคัญ และบางครั้งเราเผลอวางพระวจนะไว้และวิ่งไขว่คว้าตามไปกับการสำแดงนั้น โดยที่บางครั้งเราก็อาจพลาดไปหากการสำแดงนั้นไม่ได้มาจากความจริง นั่นคือพระวจนะ

การสำแดงนั้นสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ ผู้เชื่อหลายคนมักเป็นนักช่างฝัน และนักเห็นภาพ นิมิต หรือแม้แต่คำเผยพระวจนะ และหลายครั้งเราดำเนินไปบนเส้นทางที่โน้มเอียงไปยังสิ่งเหล่านี้มากเป็นพิเศษมากกว่าพระคัมภีร์ หลายครั้งผู้เชื่อฝันในมุมที่ไม่ดีนักก็เอามาเป็นภาพปฏิบัติในที่ประชุมใหญ่หรือคริสตจักร ว่าจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร (ไม่ใช่ทุกความฝันไม่ได้มาจากพระเจ้า) นั่นหมายถึงเราต้องระมัดระวังว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการทรงนำของพระเจ้าหรือไม่

เราอธิษฐานขอให้พระเจ้าเปิดเผยและสำแดง แต่เราไม่อ่านพระวจนะ หรือไม่เข้าใจพระวจนะเลยเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนั้นมาจากพระเจ้าอย่างแท้จริงโดยไม่ถูกบิดเบือน หลายครั้งผู้เชื่อจึงอาจจะเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นเป้าหมายการสำแดงมรรคาของพระเจ้ามากกว่าพระวจนะ ถ้าเราจะออกประกาศ ถ้าฝันถึงรถเจ็ดคัน ไม่ได้หมายความว่าต้องเอารถไปเจ็ดคัน หรือพยายามหาอะไรที่เป็นเลขเจ็ด แต่พระวจนะบอกเราอย่างไรเมื่อเราจะออกไปประกาศข่าวประเสริฐมากกว่า ที่สำคัญพระเยซูทรงแตะต้องชุมชนอย่างไร สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่สำคัญ

เทศกาลอยู่เพิงนี้ พระเยซูได้เข้ามาในโลก พระองค์เป็นแสงสว่างที่เข้ามาเพื่อเป็นหนทางแก่เราทั้งหลาย เมื่อเรายืนบนพระวจนะ เราก็ได้ยืนบนความมั่นคง พระเยซู พระเมสสิยาห์ พระองค์ทรงเป็นศิลามุมเอก ยิ่งเราเปิดใจรับถ้อยคำเราก็จะพบการทรงนำและการสำแดงจากพระเจ้า

สดด. 119:105 พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์

ทุกการสำแดงจะไม่ขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าที่เรามีพระวจนะที่จะแยกแยะได้ว่าสิ่งใดคือความจริงและความเท็จ  นิมิต ความฝัน การเผยพระวจนะล้วนมีในพระคัมภีร์ แต่หากเราต้องระมัดระวังที่จะไม่ให้สิ่งเหล่านี้ขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้า

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah

1 ความคิดเห็น: