ตอบสนองเสียงที่เป็นมลพิษ
บาดแผล หรือตอบโต้และทำร้ายผู้อื่น แต่ก่อนที่จะจรดปากกาเขียนทุกครั้งหมายถึงว่าเราได้
ผ่านพ้นช่วงเวลาของบ่วงแร้ว ที่คอยจับเราให้อยู่หมัด และอยู่ในกฏแห่งกรรมของมัน แต่ทุก
ครั้งที่ได้เขียน เราประกาศว่า
...จงรู้เถิดว่า เจ้าไม่สามารถจับข้าไว้ให้อยู่ในมือของเจ้าได้อีกต่อไป มีทางเดียวเท่านั้น
ที่เจ้าจะมาแย่งข้าไปได้ คือเจ้าต้องเข้ามาแย่งข้าในพระหัตถ์และ อ้อมกอดของพระองค์ แต่.
คำถามคือ ? เจ้ากล้าเข้ามามั๊ยล่ะ
หลายครั้งเราเคยสังเกตุหรือไม่ ว่าคนเรามักจะจดจำกับสิ่งที่เป็นข้อเสีย และข้อผิด
พลาดของกันและกัน มากกว่าจะจดจำสิ่งที่ดี ของกันและกัน เคยสังเกตุไหมว่าคนเรามักถึง
แต่ข้อเสียของกัน มากกว่าที่จะพูดถึงถ้อยคำที่เสริมสร้างกันและกัน
พระคัมภีร์บอกว่า จงปราศัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการและเพลงสรรเสริญ ยัง
ไม่เคยเจอว่า .. จงจับกลุ่มนินทา และขุดคุ้ยหาข้อผิดพลาด ในอดีต และป่าประกาศแก่คน
รอบข้าง คุ้นหรือไม่ครับกับคนแบบนี้ คนแบบนี้อยู่ในยุคพระเยซูและเป็นผู้ที่ทำร้ายพระองค์
คนเรามักจะชอบขยายความ ความผิดพลาดของผู้อื่น และพูดด้วยความสนุกปาก คน
แบบนี้จะรู้สึกดีถ้าหาเหตุผลมาทำให้อีกฝ่ายจนมุม และตกสู่ห้วงเหว และยิ่งเขาหาเหตุผลและ
ทฤษฎีต่างๆมาประกอบได้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากเลาให้คนทั่วไปได้รู้ด้วย มันรู้สึกดีที่จะได้แพร่
กระจายข่าวและประจานความผิดนั้นๆ
แม้จะทำดีสักหนึ่งร้อยครั้ง แต่เพียงคุณพลาดเพียงครั้งเดียว นั่นคือคุณจะโดนไล่กวด
และตะครุบ ตะปบอย่างรวดเร็ว เหมือนสัตว์ป่าที่กระหายเลือด
ทำไม ! เราจึงถูกมองแบบนั้นก็เพราะว่า ในดวงตาของเขานั้นถูกไม้ทั้งท่อนบังตาอยู่ เขา
เองเห็นผงในตาของเรา แต่ตัวเขาเองก็มองอะไรไม่ชัดด้วยเช่นกัน
มัทธิว 7:3-5
3เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านก็ไม่รู้สึก
4เหตุไฉนท่านจะกล่าวแก่พี่น้องว่า 'ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ' แต่ที่จริงไม้ทั้งท่อนมีอยู่
ในตาของท่านเอง
5ท่านคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด
จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้
พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราว่า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจในไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของตัวเอง เจ้าคนหน้าซื่อ
ใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของตัวเองซะก่อนเถอะ แล้วถึงจะเห็นภาพที่ควรจะเป็น และ
ชัดเจน เพราะไม้ที่ขวางอยู่นั้นเป็นท่อนไม้แห่ง การปรักปรำ ตัดสินและกล่าวโทษ เหตุนี้เอง เขา
ถึงมีสายตาที่ต่างจากพระเยซู และมีมุมมองที่ไม่เหมือนพระองค์
การที่คนคนหนึ่งถูกชี้ความผิดนั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เขาผิดจริงหรือไม่ผิด แต่การตอบสนอง
ต่างหากที่เป็นประเด็นของเรื่องนี้ พระคัมภีร์บอกเราว่า เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินพี่น้อง บ่าวจะดีหรือชั่วอยู่ที่
นายของเขาจะเป็นผู้ตัดสิน เจ้าเป็นใครจึงจะไปตัดสินบ่าวของคนอื่น
มันอาจจะเป็นเรื่องสนุกปากสำหรับคนที่วิญญาณเช่นนี้ น่าอนาถนักที่หลายครั้งเหยื่อคำพูดไม่
มีโอกาสที่จะแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องที่เป็นความลับบางอย่างกลับถูก วิญญาณแห่งนักกระจายเสียงตาม
สายกระจายออกไปทั่วทุกมุมโลกปานนั้น เขามักเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ เพื่อให้คนอื่นเห็นด้วยในคำ
ตัดสินและพิพากษาของเขา เขาเองได้เดินทางเข้าไปสู่กระบวนการ การตั้งตัวเองเป็นพระเจ้า เพราะ
เขาทำตัวเป็นผู้ตัดสิน และผู้พิพากษา
** พระคัมภีร์บันทึกว่า ผู้มีสิทธิพิพากษาและตัวสินเพียงผู้เดียวคือพระเจ้าพระบิดาเท่านั้น**
โรม 2:1-3
1เหตุฉะนั้น มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่นนั้น ท่านไม่มีข้อแก้ตัวเลย
เพราะเมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่น ท่านก็ได้กล่าวโทษตัวเองด้วย เพราะว่าท่านที่กล่าวโทษเขา
ก็ยังประพฤติอยู่อย่างเดียวกับเขา
2เรารู้ว่า การที่พระเจ้าทรงพิพากษาลงโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้นก็
สมควรจริงๆ
3มนุษย์เอ๋ย ท่านที่กล่าวโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้น แต่ท่านเองยังประพฤติเช่นเดียวกับเขา
ท่านคิดหรือว่าท่านจะพ้นจากการพิพากษาลงโทษของพระเจ้าได้
เขาเองเป็นเพียงมนษย์ปุถุชนเพียงคนหนึ่ง เขาเองก็ไม่ได้ไปกว่าคนอื่นเท่าไร
โรม 14:4
4ท่านเป็นใครเล่า จึงกล่าวโทษบ่าวของคนอื่น บ่าวคนนั้นจะได้ดีหรือจะล่มจมก็สุดแล้วแต่นายของเขา
และเขาก็จะได้ดีแน่นอน เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฤทธิ์อาจให้เขาได้ดีได้
การตอบสนองเป็นเรื่องสำคัญ มาก
เอเฟซัส 5:6-76อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะการกระทำเหล่านั้นเอง
พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญาแก่ผู้ที่ไม่เชื่อฟัง
7เหตุฉะนั้นท่านอย่าคบหาสมาคมกับคนเหล่านั้นเลย
จงอย่าหลงไปกับคำพูดที่ไร้สาระ เมื่อเราคิดว่าสิ่งใดไร้สาระเราจะไม่สนใจสิ่งนั้น และเห็นมันไร้ค่า
อย่าทำให้มันเป็นสิ่งมีค่าที่เราจะเอามันมาคิดให้เปลือง และนำไปสู่ความคิดแง่ลบ มันไร้ค่า เราต้องบอก
กับตัวเอง ป่วยการที่เราจะตอบสนองด้วยวิญญาณเดียวกัน
ถ้าเราพยายามค้นหาจุดผืดของเขา เพื่อจะนำมาตอบโต้ และเอาคืน เราก็ไม่ต่างอะไรกับเค้าเลย เราเองก็จะ
มีวิญญาณกระหายเลือดแบบเค้า
*** หลายท่านอาจจะคิดว่าผมเขียนด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เหตุนี้แหละเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนและจะไม่
อยากที่จะไปเป็นเหมือนคนแบบนั้น
หลีกเลี่ยงตาต่อตา ฟันต่อฟัน สุภาษิต 24:29 อย่ากล่าวว่า ข้าจะทำกับเขาอย่างที่เขาได้ทำแล้วแก่ข้า
ข้าจะตอบแทนแก่เขาอย่างที่เขาได้กระทำ
อย่าไปหุ้นส่วนกับคนแบบนี้ เราต้องสวมตัวใหม่ อีกครั้งนะครับ เราต้องสวม
ตัวใหม่ ที่ไม่มีความโกรธ ความเกรี้ยวกราด การคิดปองร้าย การกล่าวร้าย และวาจาหยาบช้า
จงสวมตัวใหม่
โคโลสี 3:8
8แต่บัดนี้ สารพัดสิ่งเหล่านี้ท่านจงเปลื้องทิ้งเสีย คือความโกรธ ความขัดเคือง การคิดปองร้าย
การพูดให้ร้าย คำพูดหยาบโลน
1 โครินธ์ 13:7
7ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ
และทนต่อทุกอย่าง
จงอดทนเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ แม้เขาจะดูผิด ไม่ถูกใจ ไม่ไดเดั่งใจ เชื่อในส่วนดีของกันและกัน
มองหา ส่วนดีของกันและชื่นชมในสิ่งนั้น ดีกว่าที่จะจับผิด พระเจ้าสรางเรามาเป็นกาบเดียวพระองค์
เป็นศีรษะ พระประสงค์ของพระองค์ก็เพื่อให้เราเสริมสร้างซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ทำลายกัน และรู้สึกประสบ
ผลสำเร็จเมื่ออีกฝ่ายถูกยำจนเละ
คำอธิษฐานขอการช่วยกู้ในสดุดี 70:2-3
ขอให้ผู้ที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพระองค์ได้อายและเกิดการอลวน
ขอให้ผู้ที่ปรารถนาที่จะให้ข้าพระองค์เจ็บนั้นต้องหันกลับไปและ
ได้ความอัปยศ
ผู้ที่พูดว่า กุ๋ย กุ๋ย นั้นขอให้ต้องตกตะลึงเพราะความอายของเขา
สำนวน NIV บอกว่า ขอให้ผู้ที่พูดกับข้าพระองค์ว่า นั่นไง นั่นไง
ล่าถอยกลับไปด้วยความอับอาย
จงฝากเรื่องราวไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าไปฆ่าตัดตอนกันเองเราไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ต้องจัดการฆ่าคนร้ายด้วยตนเอง
นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าเร้าใจให้เขียนออกมาจริงๆ ไม่ใช่ด้วยความโกรธ และไม่ได้พุ่งไปที่ตัวบุคล แต่เราหมายถึง
วิญญาณที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก
จงสวมตัวใหม่ และขอยาทาตาจากพระองค์
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น