SMS
ในสมัยอดีต สมัยยังเป็นนักเรียน จะคุยกับสาวสักคน อยากจะรู้จัก และสานความสัมพันธ์ให้มากขึ้น วิธีก็คือเขียนจดหมาย (จริงๆผมก็ยังไม่แก่เลยนะ) เขียนโต้ตอบกันไปมา หรือไม่ก็มาหยอดเหรียญโทรมากัน ต่อมาก็พัฒนามาเป็น เพจเจอร์ ส่งข้อความคิดถึงกัน จนอ่านแล้ว หวานแหวว มีความสึขดีจริงๆ ตอนนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมปัจจัยสำคัญของมนุษย์ที่จะขาดเสียไม่ได้ คริสเตียนเองวันไหน ลืมพระคัมภีร์ก็ช่าง ไม่เป็นไร แต่วันไหนลืมมือถือ ยังไงก็ต้องกลับไปเอาให้ได้ กลัวจะไม่ได้คุย กลัวจะไม่ได้ติดต่อ กลัวจะขาดการติดต่อ จดจ่อแบบไม่บันยะบันยัง บางคนถึงขั้นนั่งรอ ข้อความ sms ที่จะส่งมา นี่ยังไม่นับรวม ไอ้เจ้า blackberry ที่กำลังฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง ตัวผมเองก็ยังเล่นไม่เป็นเลย ที่บอกมาก็คือ ผมเองก็เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
พระเจ้าเองรอที่จะเชื่อมต่อกับเรา พระเจ้าเองต้องการความสัมพันธ์ พระเจ้าต้องการหนุนใจเรา บอกรักเรา ตอบเรา สนทนากับเรา พระองค์มีข้อความ sms ที่จะส่งให้เรา แต่.... เราก็ปิดเครื่องไม่รับสาย และในแต่ละวันเราทำอะไรก็ไม่รู้ เราให้เวลากับสิ่งไหนมากจนลืม พระเจ้าหรือไม่ ?
ซีรีย์เกาหลี เป็นชุดๆ
หนัง ภาพยนต์
งานต่างๆ
เอ้า ... ก็ผมทำงาน ก็ผมไม่ว่าง ไม่มีเวลา
ผมไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องมานั่งอ่านพระคัมภีร์ ตอนกำลังทำงาน ใช่อาวุธของเราคือพระคัมภีร์ และคำอธิฐาน ก็เช่นเดียวกัน การที่มีใจภาวนา จดจ่อที่พระเจ้า ดีกว่าเราเอาเวลาไปทำอะไรที่ไม่สำคัญ มากจนเกินไป คุณทำได้แน่นอน บางครั้งเรานั่งฟังเทศนา ใจเราไปจดจ่อที่
สิ่งไหน ฝนตก ผ้ายังไม่เก็บ ตอนบ่ายต้องไปทำอะไรต่อบ้าง เอ....
ความสัมพันธ์นั้น ต้องจดจ่อและใช้เวลา ไม่ใช่เกิดขึ้น ประเดี๋ยวเดียว การอ่านพระคัมภีร์ และอธิฐานทุกวัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นมากต่อการดำเนินในความเชื่อ "เวลาพักสงบ"
คุณเองจะได้พักจากสิ่งต่างๆ ผมไม่ได้มีเจตนาให้เราเลิกทุกสิ่งทุกอย่างแล้วไปพักผ่อน แต่การพักในที่นี้คือการ เข้ามาพักสงบในพระเจ้า
รอคอยพระเจ้า ลดสิ่งที่ไม่จำเป็น คือสิ่งใดก็ตามที่แม้ไม่ทำก็ได้ แต่จงเข้ามาเชื่อมต่อกับพระเจ้า
"พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด
พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปยังริมน้ำแดนสงบ"
สดุดี 23:2
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น